สู่ป่าแห่งแสงหิ่งห้อย

สู่ป่าแห่งแสงหิ่งห้อย (ญี่ปุ่น: 蛍火の杜へ) เป็นโชโจะมังงะ (shōjo manga) ที่ยูกิ มิโดริกาวะ (Yuki Midorikawa) เขียนขึ้น ตีพิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรกลงวารสาร ลาลาดีเอกซ์ (LaLa DX) ฉบับเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2002 ต่อมา พิมพ์ซ้ำในหนังสือประชุมเรื่องสั้นแบบทังโกบง (tankōbon) เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2003 ซึ่งรวมผลงาน 4 เรื่องของยูกิ มิโดริกาวะ เอาไว้

สู่ป่าแห่งแสงหิ่งห้อย
蛍火の杜へ
The tankōbon cover of Hotarubi no Mori e, first published in Japan in 2003
蛍火の杜へ
แนวRomance, Supernatural
มังงะ
เขียนโดยYuki Midorikawa
สำนักพิมพ์Hakusensha
นิตยสารLaLa DX
กลุ่มเป้าหมายShōjo
ตีพิมพ์July 2002
มังงะ
Hotarubi no Mori e Tokubetsuhen
เขียนโดยYuki Midorikawa
สำนักพิมพ์Hakusensha
กลุ่มเป้าหมายShōjo
ตีพิมพ์September 5, 2011
ภาพยนตร์อนิเมะ
กำกับโดยTakahiro Omori
อำนวยการโดยShuko Yokoyama
ดนตรีโดยMakoto Yoshimori
สตูดิโอBrain's Base
ฉายแม่แบบ:Filmdate
ความยาว44 นาที

มังงะนี้ว่าด้วยเด็กผู้หญิงนาม โฮตารุ (Hotaru) และความสัมพันธ์ของเธอกับชายสวมหน้ากาก ผู้มีนามว่า กิง (Gin) ที่เธอพบเจอในป่าขณะเธออายุได้ 6 ปี โฮตารุทราบว่า ชายหนุ่มผู้นี้เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ถ้ามนุษย์ไปแตะต้องตัวเข้า ก็จะสลายหายไปตลอดกาล โฮตารุกลับมาหากิงทุก ๆ ฤดูร้อน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาขึ้นตามลำดับแม้มีข้อจำกัดหลายประการก็ตาม เนื้อเรื่องดังกล่าว ยูกิ มิโดริกาวะ เกิดแรงบันดาลใจขึ้นอย่างฉับพลันและลงมือเขียนขึ้นในทันใด กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างราบรื่นแม้เริ่มแรกจะมีองค์ประกอบบางประการที่ขัดแย้งกันอยู่ ถือกันว่า มังงะนี้เป็นจุดเริ่มต้นของผลงานอันเลื่องชื่ออีกเรื่องหนึ่งของเธอ คือ นัตซึเมะกับบันทึกพิศวง (Natsume's Book of Friends)

ใน ค.ศ. 2011 สตูดิโอเบรนส์เบส (Brain's Base) นำมังงะนี้ไปผลิตเป็นภาพยนตร์อนิเมะ (anime) ยาว 44 นาที ผู้กำกับ คือ ทากาฮิโระ โอโมริ (Takahiro Omori) ผู้พากษ์เสียงหลัก คือ อายาเนะ ซากูระ (Ayane Sakura) และโคกิ อูจิยามะ (Kōki Uchiyama) ส่วนเพลงประกอบนั้นมีผลงานของมาโกโตะ โยชิโมริ (Makoto Yoshimori) รวมอยู่ด้วย ภาพยนตร์เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 2011 และมีผู้ติดตามอย่างเหนียวแน่นและต่อเนื่องหลายเดือน ครั้นวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ภาพยนตร์เปิดตัวในยุโรป ณ เทศกาลสกอตแลนด์เลิฟส์แอนิเมชัน (Scotland Loves Animation) ที่ซึ่งภาพยนตร์ได้รับรางวัลจูรี (Jury Prize) ภาพยนตร์นี้ยังได้ฉายในเทศกาลใหญ่อีกหลายงาน เช่น เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติลีดส์ (Leeds International Film Festival), นิทรรศการเนื้อหาอนิเมะ (Anime Contents Expo), และงานประชุมอนิเมะเอกซ์โป (Anime Expo) อนึ่ง ภาพยนตร์ยังได้รับรางวัลภาพยนตร์แอนิเมชัน (Animation Film Award) ในงานประกาศรางวัลภาพยนตร์ไมนิจิ (Mainichi Film Award) ครั้งที่ 66 ด้วย

ภาพยนตร์อนิเมะเผยแพร่เป็นบลูเรย์และดีวีดีในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 แต่ 12 วันก่อนหน้านี้ มีการพิมพ์เผยแพร่เนื้อเรื่องเพิ่มเติมลงในมังงะฉบับสะสม (keepsake edition) ใช้ชื่อว่า โฮตารูบิโนะโมริเอะโทกูเบ็ตสึเฮ็ง (蛍火の杜へ 特別編 Hotarubi no Mori e Tokubetsuhen) ทั้งมังงะฉบับสะสม และบลูเรย์ฉบับจำกัด (limited edition) ขายดีเป็นอันดับที่ 13 ตามผังของออริคอน (Oricon)

โดยทั่วไปแล้ว นักวิจารณ์ชื่นชมภาพยนตร์อนิเมะเพราะมีความสวยงาม เรียบง่าย และละมุนละไม คล้ายคลึงกับผลงานของฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) แห่งสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) และผลงานของมาโคโตะ ชิงไก (Makoto Shinkai) มีเสียงวิพากษ์เล็กน้อย ส่วนใหญ่เห็นว่า เนื้อเรื่องสั้นไป

เนื้อเรื่อง แก้

ตามมังงะต้นฉบับและอนิเมะที่ผลิตภายหลัง เด็กหญิงโฮตารุ ทาเกงาวะ (Hotaru Takegawa) วัย 6 ปี หลงทางอยู่ในป่าอันเป็นที่อาศัยของผีป่าเจ้าเขานางไม้ภูตไพรหลายประเภท จนมาพบกับชายสวมหน้ากากซึ่งแนะนำตนว่า ชื่อ กิง (Gin) และมนุษย์ห้ามแตะต้องตัวเขา มิฉะนั้น ตัวเขาจะสูญสลายไปตลอดกาล แล้วกิงพาโฮตารุออกจากป่า ไม่กี่วันถัดมา โฮตารุกลับมาหากิงในป่าอีก ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนกัน แม้มีข้อกำจัดเรื่องการใกล้ชิดสนิทสนมกันก็ตาม ครั้นฤดูร้อนสิ้นสุดลง โฮตารุจำต้องกลับเข้าเมืองไปเรียนต่อ แต่สัญญาจะกลับมาหากิงอีกทุก ๆ วันหยุดฤดูร้อน

โฮตารุกลับมากิงทุก ๆ ฤดูร้อน แต่แม้หลายปีผ่านไป กิงแทบไม่เปลี่ยนแปลงในทางรูปราง ส่วนโฮตารุเติบโตเป็นสาวขึ้นตามลำดับ เมื่อยิ่งโตขึ้น โฮตารุก็ยิ่งเขินอายในความรักที่รู้สึกต่อกิง และยิ่งตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตอันไม่แน่นอนของทั้งสอง ขณะที่กิงเองก็หวังว่า จะสามารถสัมผัสและโอบกอดโฮตารุได้บ้าง

เมื่อโฮตารุถึงวัยเข้าเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย กิงพาเธอไปเที่ยวงานชุมนุมภูตผีในป่า ค่ำคืนนั้นยุติลงด้วยโศกนาฏกรรม เมื่อกิงเผลอสัมผัสตัวเด็กชายคนหนึ่งซึ่งพลัดเข้ามาในงาน แต่ก่อนกิงจะมลายหายไป เขาโอบกอดโฮตารุไว้อย่างสุดหัวใจ ทั้งคู่บอกรักกันในโอกาสสุดท้ายนั้น เนื้อเรื่องจบลงด้วยโฮตารุยอมรับความรวดร้าวและดำเนินชีวิตต่อไป

อ้างอิง แก้

แหล่งข้อมูลอื่น แก้