สุวัฒน์ กลิ่นเกษร
สุวัฒน์ กลิ่นเกษร (นามแฝง "น้าติง") ผู้บรรยายการแข่งขันกีฬาชาวไทย มีชื่อเสียงจากผลงานบรรยายกีฬามวยปล้ำของสหรัฐอเมริกา ด้วยรูปแบบการบรรยายที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
สุวัฒน์ กลิ่นเกษร | |
---|---|
เกิด | 30 ตุลาคม พ.ศ. 2498[1] อำเภอยานนาวา จังหวัดพระนคร ประเทศไทย |
ชื่ออื่น | วัฒน์ |
การศึกษา | ค.บ. |
ศิษย์เก่า | คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย |
อาชีพ | ผู้บรรยายกีฬา |
ปีปฏิบัติงาน | พ.ศ. 2527 – ปัจจุบัน |
นายจ้าง | จีเอ็มเอ็มสปอร์ต ไทยพีบีเอส |
มีชื่อเสียงจาก | ผู้บรรยายภาษาไทยในกีฬามวยปล้ำ |
คู่สมรส | จารุลัทธิ์ กลิ่นเกษร (พ.ศ. 2525 – ปัจจุบัน) |
บุตร | วสุ กลิ่นเกษร (ปอ) รุจา กลิ่นเกษร (ปุ๋ย) |
ประวัติ
เกิดที่ย่านถนนตก สะพานกรุงเทพ พื้นเพเป็นชาวกรุงเทพมหานคร[2] มีชื่อเล่นจริงๆ ว่า [3]
เป็นอาจารย์ประจำวิชาพลศึกษา ของโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยรับงานบรรยายการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ เป็นอาชีพเสริม โดยเฉพาะมวยปล้ำของสหรัฐอเมริกา เริ่มจากบริษัท วิดีโอสแควร์ จำกัด และบริษัท ไจแอนต์พิกเจอร์ส จำกัด ในส่วนที่บันทึกเป็นวีดิทัศน์ (วิดีโอหรือวีซีดี) จากนั้น เมื่อบริษัท ยูไนเต็ดบรอดแคสติงคอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือยูบีซี (ปัจจุบันคือทรูวิชันส์) ซื้อลิขสิทธิ์เผยแพร่มวยปล้ำดังกล่าว ทางโทรทัศน์ผ่านสายเคเบิล ยูบีซีจึงจ้างสุวัฒน์ เป็นผู้บรรยายมวยปล้ำและกีฬาอื่น ๆ ทว่าต่อมาก็ลาออก ไปรับงานบรรยายกีฬาต่าง ๆ โดยเฉพาะมวยปล้ำ ร่วมกับจีเอ็มเอ็มสปอร์ตจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ระยะหลัง สุวัฒน์ลาออกจากราชการ เพื่อไปรับงานบรรยายอย่างเต็มตัว
สุวัฒน์ตั้งชื่อสำหรับการบรรยายมวยปล้ำให้ตัวเองว่า น้าติง ซึ่งมีที่มาแบ่งเป็นคำว่าน้า มาจากนักพากย์การ์ตูนชื่อดัง "น้าต๋อย เซมเบ้" โดยสุวัฒน์ให้เหตุผลว่า เป็นคำเรียกที่ติดปากคนไทย และเป็นคำเรียกที่ไม่แก่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ส่วนคำว่าติง มาจากนักมวยปล้ำชื่อดัง "สติง" (Sting) ซึ่งแข่งขันอยู่ในระยะแรกที่สุวัฒน์เข้ามาบรรยายกีฬา และเขาชื่นชอบเป็นส่วนตัวด้วย อนึ่ง สุวัฒน์เคยเข้าร่วมรายการ อัจฉริยะข้ามคืน ในครั้งที่ 43 ซึ่งแข่งขันที่เมืองจำลองพัทยา โดยเข้าถึงรอบ 4 คนสุดท้าย และถอดรหัสสำเร็จเป็นคนที่ 2 แต่ตอบคำถามผิดจึงตกรอบ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2544 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)[4]
- พ.ศ. 2540 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)[5]
- พ.ศ. 2548 – เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[6]
อ้างอิง
- ↑ รี เวดดิ้ง : แต่งอีกครั้ง..ยังเป็นเธอ : คนขี้ลืม...ไม่ลืมเธอ (14 มี.ค. 60) ยูทูบ
- ↑ mgronline.com
- ↑ ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๑๙ ตอนที่ ๒ ข หน้า ๒๕, ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย, เล่ม ๑๑๕ ตอนที่ ๒ ข หน้า ๓๔, ๑๘ มกราคม ๒๕๔๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๑๒๓ ตอนที่ ๑๔ ข หน้า ๑๔๐, ๒๗ มิถุนายน ๒๕๔๙