สุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์

สุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ หรือ ทนายนิ่ม (เกิด 18 มิถุนายน พ.ศ. 2498) เป็นนักการเมืองชาวไทย ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรี 4 สมัย เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ เป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่นายทะเบียนพรรค ปัจจุบันย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทย ตามกลุ่มนายสนธยา คุณปลื้ม

สุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์
ทำหน้าที่นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ
ดำรงตำแหน่ง
25 มกราคม 2565 – 3 เมษายน 2565
ก่อนหน้าบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์
ถัดไปพล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด18 มิถุนายน พ.ศ. 2498 (69 ปี)
พรรคการเมืองชาติไทย (2538-2544)
ไทยรักไทย (2548-2549)
พลังชล (2554-2557)
พลังประชารัฐ (2561-2566)
เพื่อไทย (2566-ปัจจุบัน)

ประวัติ

แก้

สุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2498 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโท การศึกษามหาบัณฑิต (กศ.ม.) จากมหาวิทยาลัยบูรพา และจบเนติบัณฑิต จากสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา

การทำงาน

แก้

สุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ได้รับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชลบุรีครั้งแรก ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2538 สังกัดพรรคชาติไทย เขตเลือกตั้งที่ 2 ร่วมกับ สนธยา คุณปลื้ม และสันต์ศักดิ์ งามพิเชษฐ์ และได้รับเลือกตั้งยกทีม ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 ได้ลงสมัครในเขตเลือกตั้งที่ 2 อีกครั้งคู่กับ สนธยา คุณปลื้ม และได้รับเลือกตั้งอีกเป็น ส.ส.สมัยที่ 2 ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 ได้รับเลือกตั้งอีกสมัย

ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 เขาและกลุ่มของสนธยา คุณปลื้ม ย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย ลงสมัครรับเลือกตั้งและได้รับเลือกตั้งเช่นเดิม โดยสุรสิทธิ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยด้วย ต่อมาเขาถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี พร้อมกับสมาชิกบ้านเลขที่ 111 หลังจากพ้นจากการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เขาได้เข้าร่วมกับพรรคพลังชล[1]

ในปี 2557 เขาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดชลบุรี[2] และได้รับเลือกตั้งในครั้งนั้นได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 11 แต่เมื่อถึงเดือนพฤษภาคมของปีเดียวกัน ก็สิ้นสุดสมาชิกภาพลงเนื่องจากการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 ต่อมาเขาได้เข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ[3][4] และลงสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ลำดับที่ 15 ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยที่ 5

ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 เขาได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ[5] ต่อมาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่นายทะเบียนพรรค แทน บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ซึ่งถูกขับออกจากสมาชิกพรรค[6]

ปัจจุบัน ได้เข้าย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทยตามนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อในการเลือกตั้ง ปี พ.ศ. 2566

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. พลิกปูม "สุชาติ ชมกลิ่น" ยึดเก้าอี้ รมช.เกษตรฯ
  2. ศาลคืนสิทธิให้ “สุรสิทธิ์” เป็นผู้สมัคร ส.ว.ชลบุรี
  3. "พปชร." วางตัวเก๋า "สุชาติ-สุรสิทธิ์-วิเชียร" นั่ง "กมธ.แก้รธน."พ่วงสายบู๊ "สิระ-แรมโบ้-ธนกร"
  4. ส.ส.ต้น ยันจับมือ ส.ส.นิ่ม หนุนลงพลังประชารัฐเขต 4 ชลบุรี
  5. เปิดรายชื่อ กก.บห. พรรคพลังประชารัฐชุดใหม่ 22 คน
  6. "ลุงป้อม" เซ็นตั้ง "สันติ" รักษาการเลขาฯ พปชร.แล้ว ให้ "สุรสิทธิ์" นั่งนายทะเบียนพรรค
  7. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2005-12-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๒๒ ตอนที่ ๒๑ ข หน้า ๒, ๓ ธันวาคม ๒๕๔๘
  8. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เก็บถาวร 2022-05-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๑๑๙ ตอนที่ ๒๑ ข หน้า ๙, ๔ ธันวาคม ๒๕๔๕