สุนทร ยิ่งนคร เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรสงคราม 2 สมัย

ประวัติ แก้

สุนทร ยิ่งนคร เป็นชาวอำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม จบการศึกษาจากโรงเรียนสกลวิสุทธ์ อำเภอบางคนที ประกอบอาชีพเกษตรกรรม[1] ก่อนที่จะเข้าสู่การเมืองโดยการร่วมกันจัดตั้ง "พรรคประชาธิปไตย" โดยมีนายชุมพล มณีเนตร เป็นหัวหน้าพรรค นายนิสิต เวทย์ศิริยานันท์ นายแถม นุชเจริญ เป็นรองหัวหน้าพรรค พันตำรวจตรี ประชา พูนวิวัฒน์ เป็นเลขาธิการพรรค นายประถัมภ์ ทิพยวงศ์ เป็รองเลขาธิการพรรค และมีกรรมการบริหารพรรคได้แก่ วิทยา กฤตลักษณ์กุล อุบล รัฐประเสริฐ บุญยงค์ สากิยะ และนายสุนทร[2]

ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2518 นายสุนทรได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สมุทรสงครามซึ่งมีจำนวน 1 ที่นั่ง และเขาได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยแรก ได้คะแนน 6,950 คะแนน เอาชนะปรีชา คงศรี จากพรรคสังคมชาตินิยม ที่ได้ 6,803 คะแนน อีกทั้งยังเป็น 1 ใน 2 ส.ส. ของพรรคประชาธิปไตย อีกด้วย

ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2519 เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคชาติไทย แต่สอบตก แพ้ให้กับปรีชา คงศรี จากพรรคประชาธิปัตย์ และต่อมาได้ย้ายไปสังกัดพรรคกิจสังคม และได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2522

ในปี พ.ศ. 2526 ไปร่วมก่อตั้งพรรคสยามประชาธิปไตย และเป็นกรรมการบริหารพรรค[3] (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น พรรคสหประชาธิปไตย)

ในปี พ.ศ. 2529 เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคราษฎร แต่ได้ลำดับที่ 3 รองจากไพโรจน์ ไชยพร (กิจสังคม) วิโรน์ ณ บางช้าง (ประชาธิปัตย์)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ แก้

อ้างอิง แก้

  1. นักการเมืองถิ่นสมุทรสงคราม
  2. ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจัดตั้งพรรคการเมือง เก็บถาวร 2011-11-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนราชกิจจานุเบกษา เล่ม 92 ตอนที่ 193 วันที่ 18 กันยายน 2517
  3. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจดทะเบียนพรรคการเมือง (สยามประชาธิปไตย) เล่ม 100 ตอนที่ 8 วันที่ 20 มกราคม 2526" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา.
  4. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-09-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๙๘ ตอนที่ ๒๐๖ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๕๓, ๑๗ ธันวาคม ๒๕๒๔
  5. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เก็บถาวร 2022-07-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม ๙๗ ตอนที่ ๖๔ ง ฉบับพิเศษ หน้า ๒๔๐๘, ๒๑ เมษายน ๒๕๒๓