สิระ เจนจาคะ
สิระ เจนจาคะ (เกิด 5 มกราคม พ.ศ. 2507) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคพลังประชารัฐ กรรมการบริษัท บ้านทรงไทยแจ้งวัฒนะ จำกัด และกรรมการบริษัท วิภาวดีพาเลซ จำกัด อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ อดีตผู้จัดการบริษัท บ้านทรงไทยแจ้งวัฒนะ จำกัด
สิระ เจนจาคะ | |
---|---|
![]() สิระในปี 2564 | |
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร | |
ดำรงตำแหน่ง 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 – 22 ธันวาคม พ.ศ. 2564 | |
ก่อนหน้า | สุรชาติ เทียนทอง |
ถัดไป | สุรชาติ เทียนทอง |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 5 มกราคม พ.ศ. 2507 อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ประเทศไทย |
พรรคการเมือง | รักษ์สันติ (2554–2561) พลังประชารัฐ (2561–2565) |
คู่สมรส | วิภาวี คุปติมาลาธร (หย่า) สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ |
ประวัติ
แก้สิระเกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2507 เป็นบุตรของสมโภชน์และจรี เจนจาคะ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี จากหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (การจัดการ) มหาวิทยาลัยเกริก[1] ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง ม.รังสิต
ด้านชีวิตครอบครัว สมรส 2 ครั้ง ครั้งแรกกับวิภาวี คุปติมาลาธร มีบุตรด้วยกัน 2 คน และครั้งที่สองกับสรัลรัศมิ์ เตชะจิรสิน ไม่มีบุตรด้วยกัน[2]
การทำงาน
แก้นายสิระเคยเป็นผู้จัดการบริษัท บ้านทรงไทยแจ้งวัฒนะ จำกัด เมื่อปี 2557–2562 และเคยเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ด้านสังคม เมื่อปี 2557–2558[3] ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท บ้านทรงไทยแจ้งวัฒนะ จำกัด และกรรมการบริษัท วิภาวดีพาเลซ จำกัด
งานการเมือง
แก้สิระเริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมือง เมื่อปี 2554 โดยลงสมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานครในนามพรรครักษ์สันติ เขต 11 เขตหลักสี่ แต่สอบตก แพ้ให้กับสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย
สิระเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 โดยบอกเหตุผลว่า ได้รับอนุญาตจากอดีตพระพุทธะอิสระ ให้มาสนับสนุนประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทำงานต่อ เนื่องจากมีอุดมการณ์เดียวกัน
และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ได้ลงสมัครเป็น ส.ส. กรุงเทพมหานครอีกครั้ง ในนามพรรคพลังประชารัฐ เขต 9 เขตหลักสี่ โดยสิระได้ 33,321 คะแนน กลับมาพลิกชนะสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยที่ได้ 30,564 คะแนน[4]
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
แก้นายสิระ เจนจาคะ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 1 สมัย คือ
ในวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2564 นายสิระถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากเคยถูกศาลพิพากษาจำคุกในคดีทีเกี่ยวกับการทุจริต[5]
กรณีปะทะกับตำรวจภูเก็ต
แก้คลิปเหตุการณ์ที่สิระต่อว่า พ.ต.ท. ประเทือง แพร่หลายในโลกออนไลน์ เหตุการณ์สรุปได้ว่า สิระเดินทางมาตรวจสอบคอนโดมีเนียมแห่งหนึ่ง โดย พ.ต.ท. ประเทืองได้ตามมาอำนวยความสะดวก สิระได้พูดเชิงออกคำสั่งให้ตำรวจสั่งระงับการก่อสร้างและการดำเนินการของอาคารชุดดังกล่าวเนื่องจากพบว่าสร้างบนที่ดินที่ออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ
พ.ต.ท. ประเทืองบอกว่าการดำเนินการต่าง ๆ ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ไม่สามารถสั่งระงับหรือดำเนินคดีได้ทันที ทำให้นายสิระเริ่มแสดงอาการไม่พอใจ และหยิบยกเรื่องที่ตำรวจไม่ส่งคนมาดูแลตนและคณะ ส.ส. มาตำหนิ
"แจ้งมาแล้วว่ามี ส.ส. 8 คนจะมาเรื่องนี้ ไม่มีการดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจเลย นี่พูดตรง ๆ นะ ยังสงสัยอยู่ พี่ลงพื้นที่อื่น เขา (ตำรวจ) ก็มาดูแล...ทุกที่ที่เราไป ที่นี่ไม่มีเลย"[6]
วงการมวย
แก้สิระได้เข้าสู่วงการมวย ในฐานะหัวหน้าค่าย “ส.สิระดา” ซึ่งแฟนมวยรู้จักในนาม "เสี่ยวอลโว่" ซึ่งเขาคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ วังจั่นน้อย ส.สิระดา นักมวยดังค่าตัวเงินแสน ที่ได้รับรางวัลยอดมวยไทยของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทยปี 2536
คดีความ
แก้เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ. 3200/2566 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายสิระ เจนจาคะ เป็นจำเลยฐานกระทำผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560, พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 4,42 (12), 151 มาตรา 4,42 (12), 151 พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 มาตรา 9 (5), 24, 25 และขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลย 20 ปีด้วย
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 สิระในฐานะจำเลยได้บังอาจลงลายมือชื่อสมัครรับเลือกตั้ง สส. เขต 9 กทม. โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งเป็น สส. อันเป็นลักษณะต้องห้าม เนื่องจากจำเลยเคยต้องโทษคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน ให้จำคุก 4 เดือนฐานฉ้อโกง อันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ตามคดีอาญาหมายเลขดำ อ. 812/2538 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2218/2538 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายสิระเดินทางมาเข้าฟังการพิพากษาในเวลา 09.00 น. โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ กับผู้สื่อข่าว
ต่อมาที่ห้องพิจารณา 903 ศาลพิพากษาว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศให้ผู้ประสงค์เข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ถึง 8 กุมภาพันธ์ 2562 โดยในเขตเลือกตั้งที่ 9 และมีประการประกาศรับสมัครที่อาคารกีฬาเวช 2 จำเลยได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 9 พรรคพลังประชารัฐต่อมาจำเลยได้รับเลือกตั้งต่อมาวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2563 พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกสภาพของจำเลยนั้นสิ้นสุดลงหรือไม่เนื่องจากปรากฏว่าจำเลยมีคุณสมบัติขาดคุณสมบัติรองรับสมัครการเลือกตั้งเนื่องจากต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวันในคดีทุจริตเกี่ยวกับทรัพย์เป็นเวลา 4 เดือนต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกสภาพของจำเลยได้สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 การกระทำของจำเลยเป็นการเป็นการฝ่าฝืนการเลือกตั้งโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ทำการไต่สวนโดยให้เพิกถอนจำเลยและดำเนินคดีอาญากับจำเลยเนื่องจากเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติลงรับสมัครการเลือกตั้ง
ศาลเห็นว่าคำเบิกความของพยานโจทก์และพยานหลักฐานพบว่าจำเลยต้องโทษคำพิพากษาถึงที่สุดที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ต่อศาลแขวงปทุมวันว่าคดีที่ พ.ต.อ. เขมรินทร์ พิศมัย แจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนต่อนายสิระในข้อหาฐานฉ้อโกงทรัพย์จำนวน 200,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 เป็นความผิด 2 กระทงจำคุกกระทงละ 4 เดือน รวม 8 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 4 เดือน ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่าจำเลยต้องโทษคำพิพากษาคดีถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวันจำเลยจึงเป็นบุคคลต้องห้ามไม่มีสิทธิ์ลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.
มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่าจำเลยรู้ตัวเองอยู่แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามในการลงรับสมัครการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ยังลงรับสมัครเลือกตั้ง เห็นว่าจะพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักและน่าเชื่อถือเพียงพอส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานโจทย์ได้เชื่อว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติรับสมัครการเลือกตั้ง เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 4, 42 (12), 151 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปีและให้เพิกถอนสิทธิ์ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง 20 ปีนับตั้งแต่วันมีคำพิพากษา
ต่อมาทนายความของสิระ ได้ยื่นหลักทรัพย์ต่อศาลเพื่อขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล[7]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
แก้- พ.ศ. 2563 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)[8]
- พ.ศ. 2558 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ (จ.ภ.)[9]
ปัจจุบันนายสิระ เจนจาคะ ได้ถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นต่าง ๆ ประกาศ ณ วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2566[10]
อ้างอิง
แก้- ↑ นายสิระ เจนจาคะ ข้อมูลจากรัฐสภา
- ↑ "บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายสิระ เจนจาคะ" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-08-25. สืบค้นเมื่อ 2019-08-25.
- ↑ พระบรมราชโองการแต่งตั้งสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ, ราชกิจจานุบกษา, 13 ตุลาคม 2557
- ↑ เปิดประวัติ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.พปชร. จากอดีตหัวหน้าค่ายมวยดัง สู่ศิษย์เอกอดีตพุทธะอิสระ
- ↑ พีพีทีวี 36. "ไม่รอด! ศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง "สิระ เจนจาคะ"พ้นส.ส. เหตุต้องคำพิพากษาถึงที่สุดคดีฉ้อโกง". pptvhd36.com.
- ↑ สิระ เจนจาคะ : สำรวจสิทธิพิเศษ "ผู้ทรงเกียรติ" จากกรณี ส.ส.พลังประชารัฐโวยตำรวจภูเก็ตไม่ดูแล บีบีซีไทย สืบค้นเมื่อ 20 สิงหาคม 2019
- ↑ https://www.matichon.co.th/politics/news_5117895
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ประจำปี ๒๕๖๓, เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑ ข หน้า ๑๑, ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ประจำปี ๒๕๕๘, เล่ม ๑๓๒ ตอนที่ ๓๒ ข หน้า ๒๗, ๔ ธันวาคม ๒๕๕๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๔๐ ตอนที่ ๑๖ ข หน้า ๓, ๒๑ เมษายน ๒๕๖๖