สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
บทความนี้อาศัยการอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิมากเกินไป |
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (อังกฤษ: Office of the National Security Council) เป็นส่วนราชการสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีหน้าที่จัดนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงและเสนอแนะและให้ความเห็นชอบต่อสภาหรือคณะรัฐมนตรีเพื่อให้พิจารณากำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ
Office of the National Security Council | |
เครื่องหมายสำนักนายกรัฐมนตรี | |
ภาพรวมสำนักงาน | |
---|---|
ก่อตั้ง | 30 กันยายน พ.ศ. 2502 |
ประเภท | ส่วนราชการ |
เขตอำนาจ | ทั่วราชอาณาจักร |
สำนักงานใหญ่ | ทำเนียบรัฐบาลไทย และศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 |
บุคลากร | 355 คน (พ.ศ. 2562)[1] |
งบประมาณต่อปี | 279,600,500 บาท (พ.ศ. 2568)[2] |
ฝ่ายบริหารสำนักงาน |
|
ต้นสังกัดสำนักงาน | สำนักนายกรัฐมนตรี |
เว็บไซต์ | www |
ประวัติ
แก้ภายหลังการปรับปรุงโครงสร้างของสภาป้องกันราชอาณาจักร ในปี พ.ศ. 2502 โดยมีบทบัญญัติให้ยกเลิกสภาป้องกันราชอาณาจักร และประกาศใช้พระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2502 เป็น สภาความมั่นคงแห่งชาติ
ภายใต้พระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2502 มาตรา 7 ได้กำหนดไว้ว่า "ให้มีสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีหน้าที่ดำเนินกิจการให้เป็นไปตามมติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ และให้มีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ และจะให้มีรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นผู้ช่วยปฏิบัติราชการก็ได้"
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติจึงได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้ พร้อมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรม สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการซึ่งเรียกชื่อว่า "เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ" เป็นข้าราชการพลเรือนระดับปลัดกระทรวง และข้าราชการประจำในสำนักสภาความมั่นคงแห่งชาติก็เป็นข้าราชการพลเรือน ยกเว้นข้าราชการที่มาช่วยราชการจากส่วนราชการอื่น ซึ่งมีทั้งที่เป็นข้าราชการทหาร และข้าราชการตำรวจ
การดำเนินงานของสภาความมั่นคงแห่งชาติในระยะเริ่มแรก ซึ่งมีพลตรีหลวงวิจิตรวาทการ เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ การจัดและการดำเนินงานของสภาความมั่นคงแห่งชาติได้จัดขึ้นโดยอาศัยหลักการประหยัด แต่ให้ทำงานได้ผล ทั้งนี้ในฐานะที่ท่านดำรงตำแหน่งปลัดบัญชาการสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ด้วย นอกจากจะอาศัยส่วนหนึ่งของตึกบัญชาการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นที่ตั้งของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และได้ยืมตัวข้าราชการจากส่วนราชการอื่น ๆ ในสำนักนายกรัฐมนตรี มาช่วยราชการเป็นประจำ
การแบ่งส่วนราชการ
แก้การแบ่งส่วนราชการในระยะแรก
แก้ช่วง พ.ศ. 2502 กำหนดให้แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนกลาง ส่วนนโยบาย และส่วนประสานงาน ซึ่งรับรูปแบบมาจากหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะส่วนนโยบายได้แบ่งออกเป็น 4 กอง คือ กองการเมืองภายใน กองการเมืองภายนอก กองนโยบายเศรษฐกิจ และกองนโยบายการทหาร
พ.ศ. 2506
แก้บทบัญญัติภายใต้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2506 แบ่งส่วนราชการเป็น 4 ส่วน คือ 1) สำนักงานเลขานุการกรม ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 แผนก คือ แผนกสารบรรณและแผนกคลัง 2) กอง 1 3) กอง 2 4) กอง 3 และ 5) กอง 4 ซึ่งการแบ่งส่วนราชการออกเป็นกองหมายเลขนี้ จำแนกตามภารกิจงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง
พ.ศ. 2508
แก้เมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2508 สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้จัดตั้งกอง 5 เพื่อทำหน้าที่ด้านเลขานุการและติดต่อประสานงาน
พ.ศ. 2513
แก้พลเอก จิร วิชิตสงคราม ในฐานะเลขาธิการ ได้จัดตั้งกองเพิ่มขึ้นอีก 1 กอง คือ กอง 6 จัดตั้งเมื่อ 17 มีนาคม พ.ศ. 2513 เพื่อทำหน้าที่รองรับงานด้านการเตรียมพร้อมแห่งชาติ
พ.ศ. 2516
แก้เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 ได้จัดตั้งกอง 7 เพื่อทำหน้าที่ด้านกิจการพิเศษ ที่ไม่อยู่ในภาระหน้าที่ของกองหนึ่งกองใดโดยเฉพาะ เช่น งานอำนวยการข่าวกรอง และงานแก้ไขปัญหาก่อการร้ายสากล เป็นต้น
พ.ศ. 2541
แก้ได้มีการแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสียใหม่โดยแบ่งออกเป็น 1 สำนัก 7 กอง อันได้แก่ ๑) สำนักงานเลขานุการกรม 2) กองความมั่นคงด้านการป้องกันประเทศ 3) กองความมั่นคงด้านการเมือง 4) กองความมั่นคงกิจการพิเศษ 5) กองความมั่นคงด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี พลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 6) กองความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ 7) กองความมั่นคงด้านสังคมจิตวิทยา และ 8) กองอำนวยการข่าวกรองความมั่นคง
พ.ศ. 2545
แก้สมัยนายกรัฐมนตรีพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ได้มีการปฏิรูประบบราชการ โดยแบ่งส่วนราชการเมื่อ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2545 ตามกฎกระทรวงการแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2545 ได้แบ่งส่วนราชการภายใน ออกเป็น 4 สำนัก 1 กอง ประกอบด้วย 1) สำนักงานเลขานุการกรม 2) กองอำนวยการข่าวกอง 3) สำนักความมั่นคงกิจการชายแดนและการป้องกันประเทศ 4) สำนักความมั่นคงกิจการภายในประเทศ และ 5) สำนักความมั่นคงกิจการภายนอกประเทศ
ส่วนราชการในปัจจุบัน
แก้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และมีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
โดยสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฯ ได้ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ สมช. ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2563 แบ่งส่วนราชการ[3][4] ออกเป็น 4 ภารกิจ ดังนี้ กลุ่มภารกิจนโยบายและบริหารแผนงานความมั่นคง, กลุ่มภารกิจยุทธศาสตร์และอำนวยความมั่นคงเฉพาะด้าน, กลุ่มภารกิจสนับสนุนทางวิชาการและเครือข่ายการมีส่วนร่วม, กลุ่มภารกิจสนับสนุนทางการบริหาร โดยจัดแบ่ง เป็นหน่วยงานระดับกอง ที่มีผู้บังคับบัญชาเป็น ตำแหน่งอำนวยการระดับสูง คือ กองความมั่นคงภายในประเทศ กองความมั่นคงนะหว่างประเทศ กองความมั่นคงกิจการชายแดนและประเทศรอบบ้าน กองความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้และชนต่างวัฒนธรรม กองความมั่นคงด้านการเตรียมพร้อมและการป้องกันประเทศ กองความมั่นคงเกี่ยวกับภัยคุกคามข้ามชาติ กองประเมินภัยคุกคาม กองกองนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง และสำนักงานเลขาธิการ กองที่มีผู้บังคับบัญชาเป็นผู้อำนวยการระดับต้น คือ กองความมั่นคงทางทะเล และมีหน่วยงานระดับกลุ่มงาน ซึ่งมีผู้บังคับบัญชาในสายงานวิชาการระดับชำนาญการพิเศษ เป็นผู้บังคับบัญชา คือ กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร กลุ่มตรวจสอบภายใน กลุ่มกฎหมาย และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต
อำนาจหน้าที่
แก้ตามพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2559[5] มาตรา 21 กำหนดให้มีสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
- รับผิดชอบในงานธุรการของสภา และศึกษาและรวบรวมข้อมูลด้านความมั่นคงที่เกี่ยวกับ งานของสภา
- จัดทำร่างนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติตามเป้าหมายและแนวทาง ที่สภากำหนดเพื่อเสนอต่อสภา
- เสนอแนะและให้ความเห็นต่อสภาหรือคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณากำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนงาน และการอื่นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติ
- ให้คำปรึกษา เสนอแนะ และให้ความเห็น ตลอดจนอำนวยการและประสานการปฏิบัติงานใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ติดตาม ประเมิน วิเคราะห์ และแจ้งเตือนสถานการณ์ด้านความมั่นคง การเปลี่ยนแปลง ของสถานการณ์ สภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงในเชิงยุทธศาสตร์ พิสูจน์ทราบและคาดการณ์ภัยคุกคาม และการประเมินกำลังอำนาจของชาติ
- ประสานงานหรือร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศในกิจการด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ ด้านความมั่นคงในเชิงยุทธศาสตร์ ด้านการประเมินสภาวะแวดล้อม และด้านวิชาการที่เกี่ยวกับความมั่นคง
- ศึกษา วิจัย รวบรวม พัฒนา ส่งเสริม และเผยแพร่ข้อมูลหรือองค์ความรู้เกี่ยวกับ ความมั่นคงแห่งชาติ
- ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายอื่น หรือตามที่สภา นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
กล่าวโดยสรุป สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการจัดทำนโยบายและแผนปฏิบัติการ ที่ตอบสนองต่อการเตรียมรับมือ ป้องกัน และตอบสนองภัยคุกคามด้านต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติ โดยปัจจุบัน รับผิดชอบการจัดทำนโยบายด้านความมั่นคงหลัก คือ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งฉบับปัจจุบันคือ ระยะ พ.ศ. 2566-2570 สถาะปัจจุบัน อยู่ระหว่างเสนอทูลเกล้าฯ รวมทั้ง แผนปฏิบัติการที่รองรับภัยคุกคามด้านต่าง ๆ อาทิ แผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริหารวิกฤตการณ์ แผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล นโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ แผนการพัฒนาพื้นที่เพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ เป็นต้น
สถานที่ตั้งของสำนักงาน
แก้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีที่ตั้ง 3 แห่ง คือ อาคารสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล, อาคาร 20 ทำเนียบรัฐบาล และศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 (อาคารบี) แจ้งวัฒนะ
อ้างอิง
แก้- ↑ รายงานผลการดำเนินงานสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘, เล่ม ๑๔๑ ตอนที่ ๕๙ ก หน้า ๖, ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗
- ↑ https://www.ryt9.com/s/cabt/3098300
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-07-15. สืบค้นเมื่อ 2020-06-30.
- ↑ "พระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2559" (PDF). สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ.