สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (ประเทศไทย)

สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (ย่อว่า สกอ.; อังกฤษ: Office of the Higher Education Commission, OHEC) เป็นหนึ่งในห้าองค์กรหลัก และอดีตหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการ มีคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ทำหน้าที่ในการดูแลและรับผิดชอบการศึกษาระดับอุดมศึกษา ตั้งอยู่ 328 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400

สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
Office of the Higher Education Commission
ภาพรวมหน่วยงาน
ก่อตั้ง9 กันยายน 2515 (2515-09-09)
หน่วยงานก่อนหน้า
  • ทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ สำนักนายกรัฐมนตรี (2515-2520)
  • ทบวงมหาวิทยาลัย (2520-2545)
ยุบเลิก2 พฤษภาคม 2562 (2562-05-02) (5 ปี)
หน่วยงานสืบทอด
สำนักงานใหญ่328 ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
งบประมาณต่อปี6,915.3777 ล้านบาท (พ.ศ. 2559)[1]
ฝ่ายบริหารหน่วยงาน
  • ศ.สัมพันธ์ ฤทธิเดช, เลขาธิการ
  • ขจร จิตสุขุมมงคล, รองเลขาธิการ
  • อรสา ภาววิมล, รองเลขาธิการ
  • รศ.ประวิต เอราวรรณ์, รองเลขาธิการ
ต้นสังกัดหน่วยงานกระทรวงศึกษาธิการ
เว็บไซต์www.mua.go.th

ภายหลังการประกาศใช้พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2562[2] และ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562[3] สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ยุติบทบาทลง โดยได้ถ่ายโอนหน้าที่และความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป[4]

ประวัติ

แก้

การอุดมศึกษาของไทย เริ่มต้นขึ้นภายหลังการปฏิรูประบบราชการ ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยได้ริเริ่มโรงเรียนสำหรับพัฒนาข้าราชการ อาทิ โรงเรียนราชแพทยาลัย, โรงเรียนกฎหมาย และ โรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน เพื่อผลิตบุคลากรที่เป็นคนไทยเข้าสู่ระบบราชการสมัยใหม่

ครั้นในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว การขยายตัวทางการศึกษาของสยาม เริ่มมีความต้องการมากขึ้น และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พระองค์ประดิษฐาน โรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการฝ่ายพลเรือน ขึ้นเป็น จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ในปี 2459 พร้อมๆ กับการตั้งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องคือ กรมมหาวิทยาลัย ขึ้นในกระทรวงธรรมการ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2460 (ตามปฏิทินเดิม)[5] โดยโปรดเกล้าฯ ให้ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นไชยนาทนเรนทร (พระอิสริยยศในเวลานั้น) รับตำแหน่งเสด็จอธิบดีพระองค์แรก

ในเวลาต่อมา ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลมีนโยบายในการพัฒนาการศึกษา อันเป็นหลักใหญ่ในการพัฒนาประเทศไปสู่ประชาธิปไตย จึงได้มีการแยกแผนกวิชาที่อยู่ภายใต้สังกัดจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยและยกฐานะโรงเรียนวิชาชีพต่างๆ ออกมาตั้งเป็นมหาวิทยาลัย อาทิ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยศิลปากร ในปี 2486 โดยแต่ละมหาวิทยาลัย ต่างมีสถานะเป็นกรมหนึ่งในกระทรวง อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ มหาวิทยาลัยศิลปากร สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สังกัดกระทรวงเกษตราธิการ, มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ สังกัดกระทรวงการสาธารณสุข

กระทั่งในปี 2499 รัฐบาลภายใต้การนำของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้จัดตั้ง สภามหาวิทยาลัยแห่งชาติ ขึ้น โดยมีหน้าที่กำกับดูแลมหาวิทยาลัยในประเทศ โดยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรี[6] กระทั่งปี 2502 ภายใต้รัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้จัดตั้งหน่วยงานหนึ่งคือ สภาการศึกษาแห่งชาติ และตราพระราชบัญญัติโอนมหาวิทยาลัยของรัฐในขณะนั้น ไปสังกัด สำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงเป็นการสิ้นสุดบทบาทของกรมมหาวิทยาลัยในปีดังกล่าวด้วย[7][8]

ในปี 2507 ได้มีการขยายโอกาสการศึกษาไปสู่ภูมิภาคอื่น โดยเป็นหน้าที่ของ สภาการศึกษาแห่งชาติ ก่อนจะโอนย้ายและตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเป็นมหาวิทยาลัยภูมิภาคแห่งแรกของประเทศ และต่อเนื่องในปี 2509 (มหาวิทยาลัยขอนแก่น) และ 2511 (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์) และในช่วงเวลาเดียวกันได้จัดตั้งสถาบันบัณฑิตศึกษา โดยตราพระราชบัญญัติจัดตั้ง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในปี 2509

ปี 2514 สภาการศึกษาแห่งชาติ ได้มีการประชุมร่วมกับ ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัย เสนอกับรัฐบาลในการที่มหาวิทยาลัยจะมีอิสระในการบริหารงาน และเสรีภาพในทางวิชาการ จึงควรแยกมหาวิทยาลัยให้เป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐบาล หรือตั้งทบวงอิสระในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยได้ทีการจัดตั้ง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเปิดในครั้งนั้น กระทั่งในปี 2515 มีประกาศคณะปฏิวัติจัดตั้ง ทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ มีสถานะเป็น ทบวง ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีรัฐมนตรีเป็นผู้กำกับดูแล ซึ่งรัฐมนตรีคนแรก คือ บุญรอด บิณฑสันต์

ปี 2517 ยกระดับวิทยาลัยวิชาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เป็น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สังกัดทบวงมหาวิทยาลัย และ รวม 3 วิทยาลัย เป็น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า และอีก 3 ปีต่อได้ยกระดับ วิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ใหม่เป็น "สถาบันเทคโนโลยีการเกษตร" และย้ายสังกัดจากกรมอาชีวศึกษาไปสังกัดทบวงมหาวิทยาลัยแทน

โดยในปี 2520 ได้มีพระราชบัญญัติเปลี่ยนชื่อ ทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ เป็น ทบวงมหาวิทยาลัย (อักษรย่อ:ทม) และยกฐานะเป็นทบวงอิสระ ไม่อยู่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ทบวงมหาวิทยาลัย มีสถานะเป็นส่วนราชการระดับเทียบเท่ากระทรวงถึง 31 ปี จึงมีประกาศพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 ทำให้ ทบวงมหาวิทยาลัย เปลี่ยนเป็น "สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา" มีสถานะเป็นหน่วยงานเทียบเท่า กรม ในสังกัด กระทรวงศึกษาธิการ[9]

กระทั่งในปี 2562 ได้มีการจัดตั้ง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตาม พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 19) พ.ศ. 2562 โดยโอนย้ายหน้าที่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม เป็นต้นไป[10] และโอนภาระหน้าที่และงบประมาณ ของ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ไปเป็นของสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม[11]

สัญลักษณ์ประจำสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา

แก้

เครื่องหมายราชการ

แก้

สืบเนื่องมาจากทบวงมหาวิทยาลัยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ตราประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว นั่นคือ "พระวชิระ" เป็นตราประจำทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งต่อมาทบวงมหาวิทยาลัยได้เปลี่ยนเป็น "สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา" จึงได้อัญเชิญ "พระวชิระ" มาเป็นตราประจำสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาสืบเนื่องมา

สีประจำสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา

แก้

สีประจำสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้แก่ สีม่วง-น้ำเงิน โดย

หน้าที่ ความรับผิดชอบ

แก้

สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษามีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบในการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ปัญหาและแนวทางการพัฒนาการอุดมศึกษาและจัดทำข้อเสนอนโยบายและมาตรฐานการอุดมศึกษา จัดทำแผนพัฒนาการอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนการศึกษาแห่งชาติและพันธสัญญาที่เป็นไปตามข้อเสนอตกลงระหว่างประเทศ พร้อมทั้งวิเคราะห์ หลักเกณฑ์ และแนวทางการสนับสนุนทรัพยากร จัดตั้ง จัดสรรงบประมาณอุดหนุนสถาบันอุดมศึกษาและวิทยาลัยชุมชนตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่กำหนด ตลอดจนเสนอแนะการจัดตั้ง ยุบ รวม ปรับปรุงและยกเลิกสถาบันอุดมศึกษาและวิทยาลัยชุมชน นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษายังมีหน้าที่ประสานและส่งเสริมการดำเนินงานพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และศักยภาพนักศึกษา รวมทั้งผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ในระบบอุดมศึกษา และการประสาน ส่งเสริมสนับสนุนการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ และเพื่อสนับสนุนการพัฒนาประเทศ รวมทั้งพัฒนาระบบและดำเนินการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการจัดการอุดมศึกษา และการรวบรวมข้อมูล จัดทำสารสนเทศด้านการอุดมศึกษา และดำเนินงานฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการการอุดมศึกษาและคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ตลอดจนปฏิบัติงานอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือตามที่กระทรวงหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย

โครงสร้างการแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา

  1. สำนักอำนวยการ (สอ.)
  2. สำนักนโยบายและแผนการอุดมศึกษา (สนผ.)
  3. สำนักประสานและส่งเสริมกิจการอุดมศึกษา (สสอ.)
  4. สำนักมาตรฐานและคุณภาพอุดมศึกษา (สมอ.)
  5. สำนักยุทธศาสตร์อุดมศึกษาต่างประเทศ (สยต.)
  6. สำนักส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอุดมศึกษา (สพน.)
  7. สำนักส่งเสริมและพัฒนาสมรรถนะบุคลากร (สพบ.)
  8. สำนักติดตามและประเมินผลอุดมศึกษา (สตป.)*
  9. สำนักนิติการ (สนก.)*

*หน่วยงานภายในที่จัดตั้งขึ้นใหม่

รายนามเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา

แก้
สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
รายนามเลขาธิการ วาระการดำรงตำแหน่ง
1. ศาสตราจารย์ ร้อยตำรวจเอก วรเดช จันทรศร 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 – 19 เมษายน พ.ศ. 2547
2. นางพรนิภา ลิมปพยอม 20 เมษายน พ.ศ. 2547 – 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 (รักษาการ)
3. ศาสตราจารย์พิเศษ เภสัชกร ภาวิช ทองโรจน์ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 – 1 มิถุนายน พ.ศ. 2547 (รักษาการ)
2 มิถุนายน พ.ศ. 2547 – 30 กันยายน พ.ศ. 2549
4. นางสาวจิรณี ตันติรัตนวงศ์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2549 – 26 ธันวาคม พ.ศ. 2549 (รักษาการ)
5. ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร 27 ธันวาคม พ.ศ. 2549 – 14 มกราคม พ.ศ. 2550 (รักษาการ)
15 มกราคม พ.ศ. 2550 – 30 กันยายน พ.ศ. 2550
6. ดร.สุเมธ แย้มนุ่น 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 – 30 กันยายน พ.ศ. 2555
7. นายอภิชาติ จีระวุฒิ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555 – 30 กันยายน พ.ศ. 2556
8. ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556 – 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557[12]
9. รองศาสตราจารย์ นพ.กำจร ตติยกวี 27 มิถุนายน พ.ศ. 2557 – 17 เมษายน พ.ศ. 2558[13]
10. รองศาสตราจารย์ ดร.พินิติ รตะนานุกูล 17 เมษายน พ.ศ. 2558 – 30 กันยายน พ.ศ. 2558
11. นางสาวอาภรณ์ แก่นวงศ์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558 – 30 กันยายน พ.ศ. 2559

12. นายสุภัทร จำปาทอง

1 ตุลาคม พ.ศ. 2559 – 25 ธันวาคม พ.ศ. 2561[14]
13. ศ.ดร.สัมพันธ์ ฤทธิเดช 12 เมษายน พ.ศ. 2562[15] - 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

อ้างอิง

แก้
  1. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 เล่ม 132 ตอนที่ 91ก วันที่ 25 กันยายน 2558
  2. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๒ เก็บถาวร 2019-05-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม 136, ตอนที่ 47 ก, วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562, หน้า 1
  3. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ , เล่ม 136, ตอนที่ 57 ก, วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562, หน้า 79
  4. "ทรงลงพระปรมาภิไธยตั้งกระทรวงอุดม โครงสร้างใหม่มีผลบังคับใช้ 2 พ.ค." ไทยรัฐ: 1. 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |date= (help)
  5. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงธรรมการ เรื่อง ตั้งกรมมหาวิทยาลัย เล่ม 34 หน้า 22 วันที่ 15 เมษายน 2460
  6. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2499 เล่ม 73 ตอนที่ 11 วันที่ 31 มกราคม 2499
  7. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2502 ฉบับพิเศษ เล่ม 76 ตอนที่ 85 วันที่ 2 กันยายน 2502
  8. 85 ก 76 (9), พระราชบัญญัติโอนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ และมหาวิทยาลัยศิลปากร ไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๐๒, 2 กันยายน พ.ศ. 2502 (in ไทย). สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2560.
  9. "พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-11-20. สืบค้นเมื่อ 2010-06-01.
  10. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ๑๙) พ.ศ. ๒๕๖๒ เก็บถาวร 2019-05-01 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เล่ม 136, ตอนที่ 47 ก, วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562, หน้า 1
  11. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ๒๕๖๒ , เล่ม 136, ตอนที่ 57 ก, วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562, หน้า 79
  12. ราชกิจจานุเบกษา, คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๗๙/๒๕๕๗ เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง เล่ม ๑๓๑ ตอนพิเศษ ๑๒๕ ง หน้า ๑๔ วันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๗
  13. ราชกิจจานุเบกษา, คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๖/๒๕๕๘ เรื่อง การกำหนดตำแหน่งเพิ่มและการแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง เล่ม ๑๓๒ ตอนพิเศษ ๘๗ ง หน้า ๑ วันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๘
  14. 11 ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ เล่ม 135 ตอนพิเศษ 334 ง หน้า 16 วันที่ 28 ธันวาคม 2561
  15. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาพ้นจากตำแหน่งและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ เล่ม 136 ตอนพิเศษ 95 ง หน้า 6 วันที่ 17 เมษายน 2562

ดูเพิ่ม

แก้

แหล่งข้อมูลอื่น

แก้