สรรพสิริ วิรยศิริ

สรรพสิริ วิรยศิริ (10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2463 – 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555) เป็นผู้สื่อข่าวและผู้บริหารสำนักข่าวชาวไทย เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด, สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 และผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียง ท.ท.ท. เป็นบุคคลผู้บุกเบิกวงการโทรทัศน์ ข่าวโทรทัศน์ และโฆษณาโทรทัศน์ของไทย

สรรพสิริ วิรยศิริ
เกิด10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2463
เสียชีวิต15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 (92 ปี)
การศึกษาอนุปริญญา
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง
อาชีพนักข่าว ช่างภาพ นักเขียน
ปีปฏิบัติงานพ.ศ. 2484 – 2555
มีชื่อเสียงจากผู้ถ่ายทอดสดเหตุการณ์ 6 ตุลา
กรรมการในไทยโทรทัศน์
บุพการี
รางวัลรางวัลนราธิป

ประวัติ แก้

สรรพสิริเกิดเมื่อวันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2463[1] เป็นบุตรชายคนเล็กของพระยามหาอำมาตยาธิบดี (เส็ง วิรยศิริ) อดีตราชเลขานุการในพระองค์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว[2] กับนาฎ มหาอำมาตยาธิบดี มีพี่สามคนคือ ทวีศักดิ์, เข็มน้อย และอนงค์นาฏ จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ อนุปริญญาทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) และวิชาการถ่ายภาพจากสถาบันการถ่ายภาพแห่งนิวยอร์ก

สรรพสิริเริ่มทำงานตั้งแต่ พ.ศ. 2484 เป็นเจ้าหน้าที่ข่าวต่างประเทศ ของกรมโฆษณาการ (ปัจจุบันคือ กรมประชาสัมพันธ์) และมีงานอดิเรกเป็นผู้สร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณา โดยสร้างแอนิเมชันในประเทศไทยเป็นคนแรก จากภาพยนตร์โฆษณาชุดหนูหล่อ ของยาหม่องบริบูรณ์บาล์ม, ชุดหมีน้อย ของนมตราหมี ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ โฆษณาดีเด่นระดับภูมิภาคเอเชีย ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อ พ.ศ. 2486 และชุดแม่มดกับสโนไวท์ ของแป้งน้ำควินนา[3]

จากนั้นเมื่อ พ.ศ. 2492 เป็นบุคคลแรกที่เขียนบทความเรื่อง วิทยุภาพ ขึ้น และจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ได้อ่านบทความดังกล่าวในปี พ.ศ. 2493 จึงมีดำริในการก่อตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ขึ้น โดยจัดตั้งในรูปบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2495[4] โดยสรรพสิริเข้าร่วมงานในสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 (ปัจจุบันคือ สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี) ด้วยการเป็นช่างภาพ ผู้รับผิดชอบฝ่ายข่าว และเป็นผู้ประกาศข่าวทางโทรทัศน์รุ่นแรกๆ ร่วมกับอาคม มกรานนท์

บทบาทในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 แก้

ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 สรรพสิรินั่งรถข่าวพร้อมนำกล้องภาพยนตร์ ไปบันทึกภาพเหตุการณ์ความรุนแรง บริเวณรอบนอกมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากนั้นก็นำกลับมาตัดต่อ และบรรยายภาพด้วยตนเอง ตามความเป็นจริงที่พบเห็นมา แล้วนำออกอากาศในช่วงบ่าย ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 ส่งผลให้คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ที่นำโดยพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ซึ่งกระทำรัฐประหารในเย็นวันนั้น สั่งให้ปลดสรรพสิริออกจากทุกตำแหน่งใน บจก.ไทยโทรทัศน์ โดยทันที[5] เป็นผลให้ต้องหลบไปพำนักที่จังหวัดระยองเป็นเวลาหลายปี

บั้นปลายชีวิต แก้

เมื่อ พ.ศ. 2533 สรรพสิริก่อตั้งชมรมเรารักรถไฟ และหอเกียรติภูมิรถไฟ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนจตุจักร[6][7] รวมทั้งจัดทำหนังสือ เพื่อนรถไฟ และ รถไฟของเรา ต่อมา จุลศิริ วิรยศิริ ผู้เป็นบุตรชายรับหน้าที่ดูแลแทน เนื่องจากสรรพสิริล้มป่วยลงด้วยอาการอัลไซเมอร์ ทั้งนี้ สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยประกาศเกียรติคุณ ให้เป็นนักเขียนอาวุโส ผู้มีผลงานเป็นที่ยกย่องกว้างขวางและเป็นหนึ่งในผู้ได้รับรางวัลนราธิป ครั้งที่ 2 ประจำปี พ.ศ. 2545 สรรพสิริถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 สิริอายุ 92 ปี[8]

อ้างอิง แก้

  1. สรรพสิริ วิรยศิริ, เรารักรถไฟ, หนังสือชุดความรู้ไทยขององค์การค้าแห่งคุรุสภา, 2535
  2. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์เกิดวังปารุสก์ สมัยประชาธิปไตย. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้ง, พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง พ.ศ. 2494, พิมพ์ครั้งที่สิบ พ.ศ. 2532. 360 หน้า. ISBN 974-86938-5-6 ภาคผนวกโดย สรรพสิริ วิรยศิริ
  3. ประวัติความเป็นมาการ์ตูน
  4. การก่อตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์ขึ้น โดยจัดตั้งในรูป บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด[ลิงก์เสีย]
  5. บันทึกเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519
  6. "ก่อตั้งชมรมเรารักรถไฟ และหอเกียรติภูมิรถไฟ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-30. สืบค้นเมื่อ 2007-02-25.
  7. "นักข่าวผู้มีจิตใต้สำนึกสูงส่งไม่เกรงกลัวต่อผู้มีอำนาจ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-28. สืบค้นเมื่อ 2007-02-25.
  8. "สรรพสิริ วิรยศิริ" ผู้บุกเบิกวงการโทรทัศน์ไทย-ผู้บันทึกภาพเหตุการณ์6 ตุลา 19 เสียชีวิตแล้ว จากมติชนออนไลน์