สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
จอมพล จอมพลเรือ สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (11 มกราคม พ.ศ. 2403 - 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471) เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เป็นพระโสทรานุชาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ | |
---|---|
เจ้าฟ้าชั้นพิเศษ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช | |
![]() | |
เสนาบดีกระทรวงกลาโหม[1] | |
ดำรงตำแหน่ง | 8 สิงหาคม พ.ศ. 2444 - 11 ธันวาคม พ.ศ. 2453[2] |
ก่อนหน้า | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม |
ถัดไป | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช |
ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ[3] | |
ดำรงตำแหน่ง | 1 เมษายน พ.ศ. 2435[4] – 16 มีนาคม พ.ศ. 2439[5] 1 เมษายน พ.ศ. 2442 – 8 สิงหาคม พ.ศ. 2444 |
ถัดไป | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช |
หม่อม | หม่อมเลี่ยม ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา หม่อมแม้น ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา หม่อมสุ่น ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา หม่อมลับ ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา หม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา หม่อมเยี่ยม ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา หม่อมย้อย ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา |
พระบุตร | 14 พระองค์ |
ราชวงศ์ | จักรี |
พระบิดา | พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว |
พระมารดา | สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี |
ประสูติ | 11 มกราคม พ.ศ. 2403 พระบรมมหาราชวัง ประเทศสยาม |
ทิวงคต | 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471 (68 ปี) วังบูรพาภิรมย์ ประเทศสยาม |
ลายพระอภิไธย | ![]() |
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ชาววังมักเอ่ยพระนามอย่างลำลองว่า "สมเด็จพระราชปิตุลาฯ" ส่วนชาวบ้านมักออกพระนามว่า "สมเด็จวังบูรพา" เพราะทรงมีวังชื่อว่า "วังบูรพาภิรมย์" ซึ่งก็คือตำแหน่งที่เป็นย่านวังบูรพาในปัจจุบัน ตามพระประวัตินั้น ทรงเป็นจอมพลในรัชกาลที่ 7 ที่ทหารรักมาก เล่ากันมาว่าพวกทหารมักจะแบกพระองค์ท่านขึ้นบนบ่าแห่แหนในวาระที่มีการฉลองต่าง ๆ เช่น ฉลองคล้ายวันประสูติ เป็นต้น
เป็นผู้ให้กำเนิดกิจการไปรษณีย์ในประเทศไทย เป็นต้นราชสกุลภาณุพันธุ์[6]
พระประวัติแก้ไข
สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระองค์ประสูติเมื่อวันพุธ เดือนยี่ แรม 4 ค่ำ ปีมะแม เอกศก จุลศักราช 1221 ตรงกับวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2402[7] (นับแบบปัจจุบันตรงกับปี พ.ศ. 2403) ณ พระตำหนักที่ประทับเดิมของสมเด็จพระศรีสุลาลัย ภายในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระชนกนาถทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการสมโภชขึ้นเมื่อพระชันษาได้ 3 วัน และสมโภชเดือน ตามลำดับ ณ พระตำหนักที่ประสูติ
พระองค์มีพระโสทรเชษฐาและพระโสทรเชษฐภคินีรวม 3 พระองค์ ได้แก่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์
เมื่อพระชันษาได้ 2 ปี พระมารดาเสด็จสวรรคต ต่อมาพระบิดาเสด็จสวรรคตขณะพระชันษาได้ 10 ปี พระองค์เป็นผู้โปรยข้าวตอกในกระบวนแห่พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์เป็นผู้โยง
เมื่อพระชันษาได้ 12 ปี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการแห่รับพระสุพรรณบัฏเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ และโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีโสกันต์ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เมื่อพระองค์มีพระชันษาได้ 13 ปี หลังจากนั้น พระองค์ผนวชเป็นสามเณร ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วเสด็จออกไปประทับ ณ พระตำหนักปั้นหยา วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ซึ่งเป็นพระตำหนักที่ประทับเดิมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งที่พระองค์ออกผนวช เมื่อครบพรรษาจึงลาผนวช
การศึกษาแก้ไข
พระองค์ทรงเริ่มต้นการศึกษาเล่าเรียนในสำนักของครูผู้หญิงแล้วทรงเริ่มศึกษาด้วยพระองค์เองเรื่อยมา หลังจากนั้นจึงทรงเล่าเรียนหนังสือขอมและบาลีที่สำนักพระยาปริยัตติธรรมธาดา (เปี่ยม) เมื่อผนวชเป็นสามเณร พระองค์ทรงวิชาทางพุทธศาสตร์ในสำนักสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
หลังจากนั้น พระองค์ทรงศึกษาวิชาการทหารในสำนักกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ตั้งแต่ พ.ศ. 2415 และทรงศึกษาวิชาภาษาอังกฤษในสำนักของมิสเตอร์ เอฟ.ยี. แปตเตอร์ซัน ที่โรงเรียนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมประตูพิมานไชยศรีชั้นนอกภายในพระบรมมหาราชวัง และทรงเรียนวิชาภาษาไทยเพิ่มเติมจากสำนักพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) รวมทั้งศึกษาแบบอย่างราชการพระราชประเพณีในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์
การรับราชการแก้ไข
พระองค์ทรงได้รับการโปรดเกล้าฯ รับราชการทหารครั้งแรกในตำแหน่งนายทหารพิเศษแต่งเครื่องยศชั้นนายร้อยโท กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินประพาสสิงคโปร์ (ครั้งที่ 2) และพม่าส่วนของอังกฤษตลอดประเทศอินเดีย รวมทั้งหัวเมืองขึ้นของกรุงสยามตามชายทะเลฝั่งตะวันตกของแหลมมลายู ต่อมาในปี พ.ศ. 2431 ได้รับพระราชทายศเป็น นายพลเอก[8]
ทรงดำรงตำแหน่งสำคัญเช่น รัฐมนตรี[9] และองคมนตรีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว องคมนตรี[10]และนายกองเอกในกองเสือป่า[11][12] ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อภิรัฐมนตรี[13]และองคมนตรี[14]ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสนาบดีกระทรวงกลาโหม จเรทัพบก[15] จเรทหารทั่วไป[16][17] ผู้บัญชาการกรมทหารเรือ[18] อธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลข เป็นต้น
พระกรณียกิจแก้ไข
หนังสือค๊อตข่าวราชการแก้ไข
สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงประทับอยู่ ณ ตำหนักหอนิเพทพิทยาคม ริมประตูศรีสุนทร ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทรงศึกษาภาษาอังกฤษร่วมกับเจ้านายที่เป็นพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์อื่น ๆ เมื่อยังทรงพระเยาว์ ต่อมาแม้การสอนภาษาอังกฤษที่นั่นจะยกเลิกไป แต่เจ้านายก็ยังเสด็จไปชุมนุมกันที่ตำหนักหอนิเพทพิทยาคม
สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ได้ทรงชักชวนพระเจ้าน้องยาเธอบางพระองค์ ช่วยกันจดข่าวในพระราชสำนักแต่ละวันมาพิมพ์เผยแพร่เป็นหนังสือพิมพ์ข่าวรายวัน เจ้านายที่ทรงร่วมจดข่าวในครั้งเริ่มแรกมี 6 พระองค์ คือ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ หนังสือข่าวเล่มแรกพิมพ์ออกเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2418 ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า "COURT" ซึ่งแปลว่า พระราชสำนัก ต่อมาใน พ.ศ. 2419 จึงใช้ชื่อภาษาไทยว่า ข่าวราชการ ในเวลาต่อมาจึงเรียกว่า หนังสือค๊อตข่าวราชการ
สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงดำริให้มีคนเดินส่งหนังสือแก่ผู้รับหนังสือทุก ๆ คน ทุก ๆ เช้า โดยคิดเงินค่าสมาชิก และเมื่อคนส่งหนังสือไปส่งหนังสือที่บ้านสมาชิกผู้ใดแล้ว ผู้นั้นจะฝากจดหมายส่งถึงสมาชิกผู้หนึ่งผู้ใดก็ได้ โดยจะต้องซื้อแสตมป์ปิดจดหมายของตนที่จะฝากไปส่งและลงชื่อของตนเองทับแสตมป์แทนตราเพื่อให้เป็นแสตมป์ที่จะนำไปใช้อีกไม่ได้ แสตมป์นั้นทำเป็นพระรูปเหมือนอย่างที่พิมพ์ไว้ข้างหน้าหนังสือ COURT ขายดวงละอัฐและให้ซื้อได้จากโรงพิมพ์หนังสือข่าวราชการ ราคาค่าจ้างส่งจดหมายมีอัตราต่างกัน ถ้าอยู่ในคูพระนครชั้นใน ติดแสตมป์หนึ่งอัฐ ถ้านอกคูพระนครออกไป ผู้ส่งต้องติดแสตมป์ 2 อัฐ
กิจการไปรษณีย์แก้ไข
การจัดส่ง หนังสือ COURT และ หนังสือข่าวราชการ ของคนส่งหนังสือที่ทำหน้าที่รับส่งจดหมายระหว่างสมาชิกด้วย นับเป็นจุดเริ่มของการมี บุรุษไปรษณีย์ และการใช้แสตมป์ติดบนจดหมายที่สมาชิกของหนังสือ COURT และหนังสือข่าวราชการส่งถึงกัน จึงเป็นจุดเริ่มของการไปรษณีย์ขึ้นในประเทศไทย เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ให้มีการไปรษณีย์และโทรเลขขึ้นในประเทศไทย ทรงเห็นว่าสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช มีพระทัยใส่ในเรื่องการไปรษณีย์ จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ตั้งกรมไปรษณีย์ และกรมโทรเลข ขึ้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ทรงได้รับตำแหน่งอธิบดีกรมไปรษณีย์ และกรมโทรเลข เป็นพระองค์แรกของประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2441 ทั้ง 2 กรมนี้ได้รวมเป็นกรมเดียวกัน มีชื่อใหม่ว่า กรมไปรษณีย์โทรเลข
การทิวงคตแก้ไข
สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ประชวรพระโรคพระอันตะอักเสบมาหลายวัน จนเสด็จทิวงคตในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471 เวลา 18.27 น. ณ ตำหนักวังบูรพาภิรมย์ สิริพระชันษา 68 ปี 153 วัน วันต่อมาเวลา 17.10 น. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาพระราชทานน้ำสรงพระศพ เจ้าพนักงานเชิญประกอบพระโกศทองรองทรงบนแว่นฟ้าสามชั้น แวดล้อมด้วยเครื่องสูง 5 ชั้น 10 องค์ ชุมสาย 4 แถว แล้วทรงทอดผ้าไตร 40 พับ พระสงฆ์มีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงเป็นประธาน สวดสดับปกรณ์ ถวายอนุโมทนา แล้วเสด็จฯ กลับ[19]มีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2472 ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง[20]
พระโอรสและพระธิดาแก้ไข
สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เป็นต้นราชสกุลภาณุพันธุ์ เสกสมรสกับหม่อมแม้น ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา (สกุลเดิม บุนนาค) ธิดาเจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค)[21] โดยได้รับการยกย่องให้เป็นสะใภ้หลวง และมีหม่อมอีก 6 คน ได้แก่[22]
- หม่อมเลี่ยม (สกุลเดิม ศุภสุทธิ์) ธิดาหลวงศุภมาตรา (สะอาด ศุภสุทธิ์)
- หม่อมสุ่น (สกุลเดิม ปักษีวงศา)
- หม่อมลับ (สกุลเดิม จาติกรัตน์) ธิดาพระมหาสงคราม (เอี่ยม จาติกรัตน์)
- หม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา (สกุลเดิม ยงใจยุทธ) ธิดานายกองนา (ทองดำ ยงใจยุทธ)
- หม่อมเยี่ยม (สกุลเดิม ณ บางช้าง) ธิดาหลวงมหาดไทย (แสง ณ บางช้าง)
- หม่อมย้อย (สกุลเดิม โกมารกุล ณ นคร) ธิดาพระยาศรีสรราชภักดี (หนูเล็ก โกมารกุล ณ นคร)
มีพระโอรส 8 พระองค์ กับ 1 องค์ และมีพระธิดา 3 พระองค์ กับ 3 องค์ รวม 15 พระองค์/องค์ ได้แก่
ราชสกุลภาณุพันธุ์ | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
ลำดับ | พระรูปและพระนาม | เพศ | พระมารดา | ประสูติ | สิ้นพระชนม์ | พระชันษา | คู่สมรส |
1 | พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทิพยสัมพันธ์ | ญ. | หม่อมเลี่ยม | 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2428[23] | 26 กรกฎาคม ค.ศ. 2451 | 23 ปี 19 วัน | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ |
2 | พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภาณุพงศ์พิริยเดช | ช. | หม่อมแม้น ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา | 7 กันยายน พ.ศ. 2428[24] | 22 กรกฎาคม ค.ศ. 2477[25] | 48 ปี 318 วัน | หม่อมเจ้าวิไลกัญญา (ราชสกุลเดิม เทวกุล)
หม่อมแผ่ว (ราชสกุลเดิม อภัยกุล) หม่อมอรุณ (สกุลเดิม เพ็งเอี่ยม) หม่อมมาลี (สกุลเดิม สุขเจริญ) หม่อมพเยาว์ (สกุลเดิม นายนันท์) |
3 | พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริวงศ์วัฒนเดช | ช. | หม่อมแม้น ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา | 7 มีนาคม พ.ศ. 2433 | 5 พฤษภาคม ค.ศ. 2451 | 18 ปี 59 วัน[26] | |
4 | หม่อมเจ้า | ญ. | ไม่มีข้อมูล | 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2434 | 1 ธันวาคม ค.ศ. 2434 | 0 ปี 14 วัน | |
5 | พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล | ญ. | หม่อมแม้น ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา | 10 มีนาคม พ.ศ. 2436[24] | 23 มกราคม ค.ศ. 2500 | 63 ปี 319 วัน | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ |
6 | พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุริยนเยี่ยมพยับ | ช. | หม่อมสุ่น | 14 กันยายน พ.ศ. 2437 | 19 กันยายน ค.ศ. 2455 | 18 ปี 5 วัน | |
7 | พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพัลลัภดนัย | ช. | หม่อมลับ | 16 กันยายน พ.ศ. 2442 | 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2444 | 1 ปี 290 วัน | |
8 | หม่อมเจ้าแดง | ช. | ไม่มีข้อมูล | 23 เมษายน พ.ศ. 2447 | 23 เมษายน ค.ศ. 2447 | 0 ปี 0 วัน | |
9 | หม่อมเจ้าไข่มุก | ญ. | หม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา | 23 เมษายน พ.ศ. 2447 | 29 ธันวาคม ค.ศ. 2447 | 0 ปี 250 วัน | |
10 | พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารำไพประภา | ญ. | หม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา | 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2450[24] | 14 มิถุนายน ค.ศ. 2522 | 71 ปี 324 วัน | หม่อมเจ้าธานีเสิกสงัด ชุมพล |
11 | พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ | ช. | หม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา | 20 มิถุนายน พ.ศ. 2452[24] | 24 ตุลาคม ค.ศ. 2525 | 73 ปี 126 วัน | มณี สิริวรสาร (สกุลเดิม บุนนาค)
หม่อมอำไพ (สกุลเดิม แสงสุข) |
12 | พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช | ช. | หม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา | 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2457[24] | 23 ธันวาคม ค.ศ. 2528 | 71 ปี 161 วัน | หม่อมซิริล (สกุลเดิม เฮย์คอค)
สาลิกา กะลันตานนท์ อรุณี จุลทะโกศล ชวนชม ไชยนันท์ |
13 | พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านรเศรษฐสุริยลักษณ์ | ช. | หม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา | 9 ธันวาคม พ.ศ. 2458 | 22 มีนาคม ค.ศ. 2497 | 38 ปี 103 วัน | |
14 | พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต | ช. | หม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา | 4 กันยายน พ.ศ. 2460[24] | 12 กันยายน ค.ศ. 2485 | 25 ปี 8 วัน | มณี สิริวรสาร (สกุลเดิม บุนนาค) |
15 | หม่อมเจ้าเล็ก | ญ. | หม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา | 5 กันยายน พ.ศ. 2461 | 11 กันยายน ค.ศ. 2461 | 0 ปี 6 วัน |
พระนัดดาแก้ไข
สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช มีพระนัดดารวม 24 พระองค์/องค์/คน ดังนี้
- พระโอรสในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทิพยสัมพันธ์ 3 พระองค์/องค์ ได้แก่
- หม่อมเจ้าเกียรติ
- พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา
- หม่อมเจ้ารังษิยากร อาภากร
- พระโอรสธิดาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภาณุพงศ์พิริยเดช 9 องค์ ได้แก่
- สวรรณา วิชัยรัตน์ ประสูติแต่หม่อมแผ่ว
- หม่อมเจ้าภาณุเทวัญ ภาณุพันธุ์ ประสูติแต่หม่อมเจ้าวิไลกัญญา
- หม่อมเจ้าพันธุ์ภาณุ ภาณุพันธุ์ ประสูติแต่หม่อมอรุณ
- ประภาพันธุ์ กรโกสียกาจ ประสูติแต่หม่อมมาลี
- หม่อมเจ้าอรุณแสงไข ภาณุพันธุ์ ประสูติแต่หม่อมอรุณ
- หม่อมเจ้าสุริยพันธุ์ ภาณุพันธุ์ ประสูติแต่หม่อมมาลี
- หม่อมเจ้านิพัทธพันธุพงศ์ ภาณุพันธุ์ ประสูติแต่หม่อมพเยาว์
- พันธุ์วโรภาส เศวตรุนทร์ ประสูติแต่หม่อมมาลี
- หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ประสูติแต่หม่อมพเยาว์
- พระโอรสในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงเฉลิมเขตรมงคล 3 พระองค์ ได้แก่
- พระโอรสธิดาในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารำไพประภา 2 คน ได้แก่
- หม่อมราชวงศ์เรืองรำไพ อิศรางกูร
- หม่อมราชวงศ์หทัยธานี ชุมพล
- พระโอรสธิดา สายสกุล ในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภัสสรวงศ์ 4 คน ได้แก่
- หม่อมราชวงศ์อรมณี นิเวศน์มรินทร์ เกิดแต่มณี สิริวรสาร
- หม่อมราชวงศ์พันธุรังษี ภาณุพันธุ์ เกิดแต่หม่อมอำไพ
- หม่อมราชวงศ์อนุพันธ์ ภาณุพันธุ์ เกิดแต่หม่อมอำไพ
- หม่อมราชวงศ์สุดารัตน์ ณ นคร เกิดแต่หม่อมอำไพ
- พระโอรสธิดาในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช 3 คน ได้แก่
- หม่อมราชวงศ์พีรเดช ภาณุพันธุ์ เกิดแต่เซเลีย โฮวาร์ด
- หม่อมราชวงศ์ระพีพร บุญยะมาน เกิดแต่หม่อมชวนชม
- หม่อมราชวงศ์พีรานุพงศ์ ภาณุพันธุ์ เกิดแต่หม่อมชวนชม
- พระโอรสในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต 2 คน ได้แก่
- หม่อมราชวงศ์เดชนศักดิ์ ศักดิเดชน์ ภาณุพันธุ์ เกิดแต่มณี สิริวรสาร
- หม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ ศักดิเดชน์ ภาณุพันธุ์ เกิดแต่มณี สิริวรสาร
พระเกียรติยศแก้ไข
ธรรมเนียมพระยศของ สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช | |
---|---|
ธงประจำพระอิสริยยศ | |
ตราประจำพระองค์ | |
การทูล | ใต้ฝ่าพระบาท |
การแทนตน | ข้าพระพุทธเจ้า |
การขานรับ | พะย่ะค่ะ/เพคะ |
พระอิสริยยศแก้ไข
- 13 มกราคม พ.ศ. 2402 - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 : สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์
- 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 - 4 สิงหาคม พ.ศ. 2413 : สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์
- 4 สิงหาคม พ.ศ. 2413 - 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2424 : สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ดำรงราชอิศริยาธิบดีศรีวิสุทธ มหามงกุฎพงษวโรภยาภิชาติ ราชโสทรานุชาธิบดินทร์ ทิพยศิรินทรพิพัฒน์ สุขุมาลรัตนราชกุมาร กรมหมื่นภาณุพันธุวงศ์วรเดช[27]
- 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2424 - 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2428 : สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ดำรงราชอิศริยาธิบดีศรีวิสุทธ มหามงกุฎพงษวโรภยาภิชาติ ราชโสทรานุชาธิบดินทร์ ทิพยศิรินทรพิพัฒน์ สุขุมาลรัตนราชนรินทรานุชาธิบดี กรมหลวงภาณุพันธุวงศ์วรเดช
- 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2428 - 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 : สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช พิเศษขัติยศักดิ อรรคอุดมชาติ บรมนราธิราชโสทรานุชาธิบดี สุจริตจารีราชการัณย์ มหันตมหาอุสาหพิริยพหลดลประสิทธิ อเนกพิธคุณากร สุนทรธรรมพิทักษ์ อรรคมโหฬารอัธยาไศรย ศรีรัตนไตรยสรณธาดา อดุลยเดชานุภาพบพิตร[28]
- 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 - 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช
- 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 - 14 มีนาคม พ.ศ. 2468 : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พิเศษขัตติยศักดิ์อัครอุดมชาติ ปรมินทรมหาราชโสทรานุชาธิเบนทร์ ปรเมนทรมหาวชิราวุธราชปิตุลา มหันตมหาอุสาห พิริยพหลดลประสิทธิ สุจริตจารีราชการัณย์ สุรพลขันธ์คณาภรณ์ สุนทรธรรมพิทักษ์ อัครมโหฬารัธยาศัย ศรีรัตนตรัยสรณธาดา อดุลยเดชานุภาพพิลาศ ธรรมิกนาถบพิตร[29]
- 15 มีนาคม พ.ศ. 2468 - 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471 : สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช[30]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แก้ไข
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทยแก้ไข
- พ.ศ. 2463 – เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.) (ฝ่ายหน้า) (ดาราประดับเพชร)[31]
- พ.ศ. 2412 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ (น.ร.) (ฝ่ายหน้า)
- พ.ศ. 2443 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ (ป.จ.ว.) (ดาราประดับเพชร)[32]
- พ.ศ. 2455 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์ (ร.ว.) (ฝ่ายหน้า) [33]
- พ.ศ. 2461 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 1 เสนางคะบดี (ส.ร.)[34]
- พ.ศ. 2456 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[35]
- พ.ศ. 2463 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[36]
- พ.ศ. 2436 – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการแผ่นดิน (ร.ด.ม.(ผ))[37][38]
- พ.ศ. 2436 – เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))[39][40]
- พ.ศ. 2436 – เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)[41]
- พ.ศ. 2441 – เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[42]
- พ.ศ. 2469 – เหรียญศารทูลมาลา (ร.ศ.ท.)[43]
- พ.ศ. 2444 – เหรียญบุษปมาลา (ร.บ.ม.)[44]
- พ.ศ. 2447 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 ชั้นที่ 2 (ม.ป.ร.2)[45]
- พ.ศ. 2444 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 1 (จ.ป.ร.1)
- พ.ศ. 2453 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1 (ว.ป.ร.1)[46]
- พ.ศ. 2469 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1 (ป.ป.ร.1)[47]
- พ.ศ. 2441 – เหรียญราชินี (ส.ผ.)[48]
- พ.ศ. 2469 - เสมาบรมราชาภิเษกทอง รัชกาลที่ 7[49]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศแก้ไข
ประเทศ | ปีที่ได้รับ | เครื่องอิสริยาภรณ์ | แพรแถบ | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|
ออสเตรีย-ฮังการี | พ.ศ. 2416 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎเหล็ก ชั้นที่ 1 | ||
สเปน | พ.ศ. 2422 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์อิสะเบลลา คาโตลิกา ชั้นที่ 1 | ||
ราชอาณาจักรอิตาลี | พ.ศ. 2424 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎอิตาลี ชั้นที่ 1 | [50] | |
ญี่ปุ่น | พ.ศ. 2433 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์อาทิตย์อุทัย ชั้นที่ 1 พร้อมดาราดอกไม้โปโลเนีย | [51] | |
รัสเซีย | พ.ศ. 2434 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์นกอินทรีขาว ชั้นที่ 1 | [52] | |
ญี่ปุ่น | พ.ศ. 2434 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดอกพอโลเนีย ชั้นที่ 1 | ||
ราชอาณาจักรอิตาลี | พ.ศ. 2438 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์มอรีสแอนด์ลัสรัส ชั้นที่ 1 | [53] | |
ปรัสเซีย | พ.ศ. 2441 | เครื่องราชอิสริยาภรณ์นกอินทรีแดง ชั้นที่ 1 | [54] | |
ฝรั่งเศส | พ.ศ. 2464 | เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์, ชั้นที่ 1 |
พระสมัญญาแก้ไข
- พระบิดาแห่งการไปรษณีย์ไทย[55]
พระยศแก้ไข
สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช | |
---|---|
รับใช้ | สยาม |
บริการ/ | กองทัพบกสยาม กองทัพเรือสยาม กองเสือป่า |
ชั้นยศ | จอมพล จอมพลเรือ นายกองเอก |
พระยศทหารแก้ไข
- นายร้อยโท
- นายพันโทในกรมทหารล้อมวัง ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว[56]
- นายพลเอก[57]
- จอมพล[58]
- จอมพลเรือ[59]
พระยศเสือป่าแก้ไข
ราชตระกูลแก้ไข
อ้างอิงแก้ไข
- เชิงอรรถ
- ↑ ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหม
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศตั้งตำแหน่งจเรทัพบกและเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ
- ↑ ตั้งตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติกรมยุทธนาธิการ
- ↑ ตำแหน่งนายทหารสัญญาบัตร กรมยุทธนาธิการ ในรัตนโกสินทร์ศก ๑๑๑
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ เปลี่ยนผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ
- ↑ "ประกาศกรมราชเลขานุการ เรื่อง พระราชทานนามสกุล สำหรับสืบเชื้อพระวงศ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 32 (0 ง): 136. 18 เมษายน 2458. สืบค้นเมื่อ 22 ธันวาคม 2561.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ ราชสกุลวงศ์, หน้า 65
- ↑ ได้รับพระราชทายศเป็น นายพลเอก
- ↑ ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (ประเทศไทย)
- ↑ แต่งตั้งองคมนตรี
- ↑ ได้รับพระราชทานนายกองเอกในกองเสือป่า
- ↑ ได้รับพระราชทานนายกองเอกในกองเสือป่า
- ↑ "พระราชดำรัสทรงตั้งอภิรัฐมนตรีสภา" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 42 (0 ง): 2618. 28 พฤศจิกายน 2468. สืบค้นเมื่อ 8 มีนาคม 2562.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ แต่งตั้งองคมนตรี
- ↑ ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหมจเรทัพบก
- ↑ ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหมจเรทหารทั่วไป
- ↑ ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหมจเรทหารทั่วไป
- ↑ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกรมทหารเรือ
- ↑ "ข่าวทิวงคต สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 45 (ง): 957–958. 17 มิถุนายน 2471. สืบค้นเมื่อ 22 ธันวาคม 2561.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ ราชกิจจานุเบกษา, การพระเมรุท้องสนามหลวง พระราชทานเพลิงพระศพ จอมพลสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช, เล่ม 46, ตอน ง, 16 มิถุนายน พ.ศ. 2472, หน้า 793
- ↑ ชมรมสายสกุลบุนนาค
- ↑ หม่อมราชวงศ์มาลินี จักรพันธุ์. ต้นกำเนิดที่เกิดเหตุ... เจ้าชายดาราทอง. กรุงเทพฯ : มติชน, 2546. 376 หน้า. ISBN 974-322-980-9
- ↑ สัจธรรม. อาทิตย์อุไทย. กรุงเทพฯ : ดีเอ็มจี. 2551, หน้า 132
- ↑ 24.0 24.1 24.2 24.3 24.4 24.5 นราธิปประพันธ์พงศ์, กรมพระ, 2404-2474, ผู้รวบรวม. บาญชีมหามกุฏราชสันตติวงศ์ พุทธศก 2468 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงรวบรวม. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, พ.ศ. 2468. 167 หน้า.
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา. [1], เล่ม 51, ตอน 0ง, 26 สิงหาคม พ.ศ. 2477, หน้า 1606
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา. [2], เล่ม 25, ตอน 17, 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2451, หน้า 499
- ↑ ประวัติศาสตร์การสถาปนาพระยศเจ้านายสมัย ร.5-ร.9 พ.ศ. 2413
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศเลื่อนกรม, เล่ม ๑, ตอน ๕๘, ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๒๗, หน้า ๕๐๗
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศเลื่อนแลกรมแลเจ้าพระยา, เล่ม 28, 11 พฤศจิกายน ร.ศ.130, หน้า 1719-1721
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสถาปนาพระอิสริยยศเฉลิมพระอภิธัยและเลื่อนกรมพระราชวงศ์, เล่ม 42, 21 มีนาคม พ.ศ. 2468, หน้า 376-377
- ↑ เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.)
- ↑ เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ (ป.จ.ว.)
- ↑ เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์ (ร.ว.)
- ↑ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 1 เสนางคะบดี (ส.ร.)
- ↑ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
- ↑ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐, ตอน ๓๗, ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๑๘๙๓, หน้า ๔๐๓
- ↑ เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการแผ่นดิน (ร.ด.ม.(ผ))
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๐, ตอน ๓๗, ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๑๘๙๓, หน้า ๔๐๓
- ↑ เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))
- ↑ เหรียญจักรมาลา (ร.จ.ม.)
- ↑ เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)
- ↑ เหรียญศารทูลมาลา (ร.ศ.ท.)
- ↑ เหรียญบุษปมาลา (ร.บ.ม.)
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชการที่ ๔, เล่ม ๒๑, ตอน ๓๒, ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๗, หน้า ๕๖๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๒๗, ตอน ๐ ง, ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๕๓, หน้า ๒๔๐๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ฝ่ายหน้า, เล่ม ๔๓, ตอน ๐ ง, ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๙, หน้า ๓๑๒๐
- ↑ เหรียญราชินี (ส.ผ.)
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา,ประกาศกระทรวงวัง เรื่อง การประดับเสมาบรมราชาภิเษก เล่ม 43 หน้า 3721 วันที่ 16 มกราคม 2470
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๑๒, ตอน ๓๖, ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๘, หน้า ๓๒๘
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๗, ตอน ๓๖, ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๓, หน้า ๓๑๕
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์รุสเซีย, เล่ม ๘, ตอน ๔๖, ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๑๘๙๑, หน้า ๔๑๔
- ↑ "พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 12 (ตอน 36): หน้า 328. 8 ธันวาคม 2439. สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2562.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ "พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 13 (ตอน 37): หน้า 451. 13 ธันวาคม 2441. สืบค้นเมื่อ 23 มิถุนายน 2562.
{{cite journal}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
และ|date=
(help) - ↑ พระบิดาแห่งการไปรษณีย์ไทย
- ↑ พระราชทานยศนายพันโท
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตรทหาร
- ↑ พระราชทานยศจอมพล
- ↑ พระราชทานยศจอมพลเรือ
- ↑ พระราชทานยศนายกองเอกเสือป่า
- ↑ พระราชทานยศนายกองตรีเสือป่า
- บรรณานุกรม
- สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตรื กรมศิลปากร. ราชสกุลวงศ์. กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตรื กรมศิลปากร, 2554. 296 หน้า. หน้า 77-78. ISBN 978-974-417-594-6
- Jeffy Finestone. 2542. สมุดพระรูป พระราชโอรส พระราชธิดา พระราชนัดดาใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. ปรียนันทนา รังสิต,ม.ร.ว. โลมาโฮลดิ้ง
แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข
คอมมอนส์ มีภาพและสื่อเกี่ยวกับ: สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯกรมพระนครสวรรค์วรพินิต | ผู้บัญชาการทหารเรือไทย (ผู้กำกับราชการกระทรวงทหารเรือ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2463 — 31 สิงหาคม พ.ศ. 2465) |
นายพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ | ||
นายพลเรือโท พระยาชลยุทธโยธินทร์ (อองเดร ดู เปลซี เดอ ริเชอลิเออ) |
ผู้บัญชาการทหารเรือไทย (รั้งตำแหน่งผู้บัญชาการกรมทหารเรือ 29 มกราคม พ.ศ. 2444 — 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2445 ผู้บัญชาการกรมทหารเรือ |
จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต | ||
พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม | เสนาบดีกระทรวงกลาโหม (พ.ศ. 2444 — พ.ศ. 2453) |
จอมพล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช | ||
พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ | ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ ((วาระที่ 2) 1 เมษายน พ.ศ. 2442 — 8 สิงหาคม พ.ศ. 2444) |
จอมพล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครไชยศรีสุรเดช | ||
จอมพล เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) |
ผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการ ((วาระที่ 1) 1 เมษายน พ.ศ. 2435 — 16 มีนาคม พ.ศ. 2439) |
พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ |