สงครามโคลน
สงครามโคลน (อังกฤษ: Clone Wars) เป็นความขัดแย้งสมมติต่อเนื่องในแฟรนไชส์ สตาร์ วอร์ส ของ จอร์จ ลูคัส ถูกกล่าวถึงครั้งแรกสั้น ๆ ใน ภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส เรื่องแรก (ความหวังใหม่, ค.ศ. 1977) แต่ตัวสงครามนั้นยังไม่ได้ปรากฏให้เห็น จนกระทั่งใน กองทัพโคลนส์จู่โจม (ค.ศ. 2002) และ ซิธชำระแค้น (ค.ศ. 2005) สงครามโคลนยังเป็นฉากหลังของ แอนิเมชันชุดสองมิติ (ค.ศ. 2003–2005), ภาพยนตร์แอนิเมชันสามมิติ (ค.ศ. 2008) และ แอนิเมชันชุดสามมิติ (ค.ศ. 2008–2014, 2020) นอกจากนี้ก็ยังปรากฏในหนังสือและเกม สตาร์ วอร์ส อีกมากมาย

สงครามโคลนคือสงครามที่ต่อสู้เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบดาวเคราะห์หลายพันดวงแยกตัวออกจาก สาธารณรัฐกาแลกติก และก่อตั้ง "สหภาพพิภพอิสระ" ซึ่งมักเรียกกันว่า "ฝ่ายแบ่งแยก" โดยสงครามกินเวลาทั้งหมดสามปี สาธารณรัฐใช้กองทัพของโคลนทรูปเปอร์ นำโดยเจได ต่อต้านหุ่นรบของฝ่ายแบ่งแยก ความขัดแย้งนี้เป็นแผนที่อยู่ภายใต้การบงการของ พัลพาทีน สมุหนายกของสาธารณรัฐ ซึ่งแท้จริงแล้วเขาเป็นซิธลอร์ด เขาแอบสร้างสงครามเพื่อให้ตนได้อำนาจและในที่สุดเขาก็เปลี่ยนระบอบการปกครองจากประชาธิปไตยของสาธารณรัฐกาแลกติก มาเป็นเผด็จการของจักรวรรดิกาแลกติก ซึ่งปกครองโดยกลุ่มอุตสาหกรรมทหาร และปรากฏใน สตาร์ วอร์ส ไตรภาคเดิม
ลูคัสใช้การเรื่องราวของสงครามโคลนตอบคำถามเรื่องราวในไตรภาคเดิม เช่น จักรวรรดิกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไรและอนาคิน สกายวอร์กเกอร์กลายเป็น ดาร์ธ เวเดอร์ ได้อย่างไร เหตุการณ์ทางการเมืองและการทหารของสงครามโคลน ได้รับแรงบันดาลใจจากความขัดแย้งในโลกแห่งความจริงและเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ เช่น ปฏิวัติฝรั่งเศสและสงครามนโปเลียน, สงครามโลกครั้งที่สองและสงครามกลางเมืองอเมริกา
แนวคิดและการพัฒนาแก้ไข
การอ้างอิงครั้งแรกของสงครามโคลนนั้นปรากฏอยู่ในบทร่างที่สามของ ภาพยนตร์เรื่องแรก โดย จอร์จ ลูคัส ซึ่งกล่าวถึง "ไดอารี่ของสงครามโคลน" ของนายพลเคโนบี[1] สงครามถูกกล่าวถึงสองครั้งสั้น ๆ ในเวอร์ชันสุดท้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ กล่าวถึง โอบีวัน เคโนบี ทำหน้าที่เป็นนายพลที่รับใช้พ่อของ เลอา ออกานา ในช่วงระหว่างความขัดแย้ง[2] ในระหว่างการเขียนบทร่างของ สตาร์ วอร์ส 2 (1980) ลูคัสตัดสินใจแนะนำตัวละครโคลนที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามโคลน[3] ในบทร่างแรกของ ลีห์ แบรกเกตต์ ได้พัฒนาตัวละคร แลนโด คาลริสเซียน ให้เป็นโคลนจากดาวเคราะห์โคลนที่เกี่ยวข้องกับสงครามโคลนที่กล่าวถึงใน ความหวังใหม่ และเกือบจะสูญพันธุ์จากสงคราม[4] โบบา เฟทท์ เคยได้รับการพิจารณาให้เป็นโคลนที่มาจากกลุ่ม ช็อกทรูปเปอร์ ที่เกือบจะถูกเจไดกวาดล้างจนหมดในช่วงสงครามโคลน[5] อย่างไรก็ตาม แนวคิดเหล่านี้ไม่รวมอยู่ในเวอร์ชันสุดท้ายของภาพยนตร์ ลูคัสปกปิดรายละเอียดของสงครามโคลนมากกว่าองค์ประกอบอื่น ๆ ของ สตาร์ วอร์ส[6] ถึงขนาดว่า ไม่ให้เรื่องนี้ปรากฏอยู่ในผลิตภัณฑ์และหนังสือที่ได้รับอนุญาต[7]
อ้างอิงแก้ไข
เชิงอรรถ
อ้างอิง
- ↑ Taylor 2014, p. 122
- ↑ "What are the Clone Wars?". StarWars.com. LucasFilm. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 17, 2006. สืบค้นเมื่อ December 9, 2015.
- ↑ Taylor 2014, p. 231
- ↑ Bouzereau, Laurent (1997). Star Wars: The Annotated History. Ballantine Books. p. 196. ISBN 978-0345409812.
- ↑ Kaminski 2007, p. 171
- ↑ Taylor 2014, p. 124
- ↑ Taylor 2014, pp. 288–289
บรรณานุกรมแก้ไข
- Kaminski, Michael (2008). The Secret History of Star Wars. Kingston, Ontario: Legacy Books Press. ISBN 978-0-9784652-3-0.
- Rinzler, Jonathan W (2005). The Making of Star Wars: Revenge of the Sith. New York City: Del Rey. ISBN 978-0-345-43139-4.
- Taylor, Chris (2014). How Star Wars Conquered the Universe: The Past, Present, and Future of a Multibillion Dollar Franchise (eBook). Basic Books. ISBN 9780465056934.
ดูเพิ่มแก้ไข
- Sword Fighting in the Star Wars Universe: Historical Origins, Style and Philosophy by Nick Jamilla (McFarland & Company, 2008)
- Star Wars and History by Nancy Reagin & Janice Liedl (John Wiley & Sons, 2012)
- The Science Fiction Reboot: Canon, Innovation and Fandom in Refashioned Franchises by Heather Urbanski (McFarland & Company, 2013)
- Star wars: the essential chronology by Kevin J. Anderson & Daniel Wallace (Ballantine Books, 2000)
- Culture, identities, and technology in the Star wars films: essays on the two trilogies by Carl Silvio & Tony M. Vinci (McFarland & Company, 2007)
- The Star Wars Heresies by Paul F. McDonald (McFarland & Company, 2013)
แหล่งข้อมูลอื่นแก้ไข
บทความเกี่ยวกับสตาร์ วอร์สนี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูล |