สภาความมั่นคงแห่งชาติ (ประเทศไทย)
บทความนี้อาศัยการอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิมากเกินไป |
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. (อังกฤษ: Office of the National Security Council) เป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงและข่าวกรองของไทยที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีของประเทศไทยใช้ในการประสานงานด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ[3][4]
Office of the National Security Council | |
ภาพรวมหน่วยงาน | |
---|---|
ก่อตั้ง | 11 ธันวาคม พ.ศ. 2453 (113 ปี 273 วัน) |
หน่วยงานก่อนหน้า |
|
เขตอำนาจ | ประเทศไทย |
สำนักงานใหญ่ | ทำเนียบรัฐบาลไทย |
งบประมาณต่อปี | 221.2744 ล้านบาท (พ.ศ. 2566)[1] |
ฝ่ายบริหารหน่วยงาน |
|
ต้นสังกัดหน่วยงาน | สำนักนายกรัฐมนตรี |
เว็บไซต์ | http://www.nsc.go.th |
สภาความมั่นคงแห่งชาติมีสำนักงานทำหน้าที่เลขานุการสภา คือสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ประวัติ
แก้สภาความมั่นคงแห่งชาติ เกิดขึ้นโดยพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพระราชประสงค์ให้มีภารกิจทางด้านการทหารเพื่อการป้องกันประเทศ เป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบ มีประสิทธิภาพ และมีการประสานงานที่ดี จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้มีสภาเพื่อทำหน้าที่ดังกล่าวขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2453 โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์ประธานและมีเสนาธิการทหารบกเป็นเลขานุการสภา[5]
ต่อมาในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2470 ได้มีการแก้ไขปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ และเรียกชื่อใหม่ว่า “สภาการป้องกันพระราชอาณาจักร” [6] จนกระทั่งวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้มีพระบรมราชโองการ ประกาศเลิกสภาการป้องกันพระราชอาณาจักร สภาการป้องกันพระราชอาณาจักรจึงถูกยกเลิกไป [7] ต่อมาเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2487 ได้มีการจัดตั้ง “สภาการสงคราม” ขึ้น โดยออกเป็นพระราชบัญญัติสภาการสงคราม ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติฉบับแรกที่เกี่ยวกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ[8] แต่ก็ยกเลิกไป เนื่องจากได้มีการจัดตั้ง “สภาป้องกันราชอาณาจักร” ขึ้นแทน โดยออกเป็นพระราชบัญญัติสภาป้องกันราชอาณาจักร เมื่อ 10 กันยายน พ.ศ. 2487[9]
จากนั้นเมื่อ 31 มกราคม พ.ศ. 2499 ได้มีพระราชบัญญัติสภาป้องกันราชอาณาจักรออกมาใหม่ ยกเลิกพระราชบัญญัติเดิม[10] และใช้อยู่จนกระทั่งได้มีการการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ คือ การยกเลิกพระราชบัญญัติสภาป้องกันราชอาณาจักร พ.ศ. 2499 และประกาศใช้พระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2502[11] นับเป็นการเปลี่ยนแปลงจาก “สภาป้องกันราชอาณาจักร” เป็น “สภาความมั่นคงแห่งชาติ” มาจนกระทั่งทุกวันนี้
วันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2559 ซึ่งได้ยกเลิกพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2502 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2507 โดยมีการปรับปรุงองค์ประกอบของสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยได้เพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเข้ามาเป็นสมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติ สภาอาจมีมติให้เชิญรัฐมนตรีหรือ หัวหน้าส่วนราชการที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับเรื่องที่จะพิจารณา หรือผู้ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านความมั่นคงหรือนักวิชาการด้านความมั่นคงในเรื่องนั้น ให้เข้าร่วมประชุมเป็นครั้งคราวฐานะสมาชิกเฉพาะกิจด้วยก็ได้ ในกรณีเช่นนั้น ให้ผู้ที่ได้รับเชิญและมาประชุมมีฐานะเป็นสมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำหรับการประชุมครั้งที่ได้รับเชิญนั้น[12]
สมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติ
แก้ตามพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2559 มาตรา 6 กำหนดให้มีสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สภา มช.) ประกอบด้วยสมาชิกโดยตำแหน่ง 11 ราย ดังต่อไปนี้
1 | นายกรัฐมนตรี | ประธาน |
2 | รองนายกรัฐมนตรี | รองประธาน |
3 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม | สมาชิก |
4 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | สมาชิก |
5 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | สมาชิก |
6 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม | สมาชิก |
7 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม | สมาชิก |
8 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย | สมาชิก |
9 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | สมาชิก |
10 | ผู้บัญชาการทหารสูงสุด | สมาชิก |
11 | เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ | สมาชิกและเลขานุการ |
ทั้งนี้ ในการประชุมสภา มช. แต่ละครั้ง สามารถเชิญรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ และ/หรือผู้เชี่ยวชาญ ที่นอกเหนือจากสมาชิกสภา มช. เข้าร่วมการประชุมเป็นครั้งคราว ในฐานะสมาชิกเฉพาะกิจด้วยก็ได้ หากมีประเด็นพิจารณาที่เห็นสมควรแก่การเชิญให้ความเห็นและลงมติที่ประชุม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
แก้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
แก้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและบริหารราชการของสำนักงาน โดยขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี และมีรองเลขาธิการเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการ ซึ่งกำหนดให้เลขาธิการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ โดยในการพิจารณาเสนอชื่อผู้ซึ่งสมควรดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้สภาความมั่นคงเเห่งชาติเสนอชื่อบุคคลเพื่อประกอบการพิจารณาด้วย
อำนาจหน้าที่ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
แก้ตามพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2559 มาตรา 21 กำหนดให้มีสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
- รับผิดชอบในงานธุรการของสภา และศึกษาและรวบรวมข้อมูลด้านความมั่นคงที่เกี่ยวกับ งานของสภา
- จัดทำร่างนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติตามเป้าหมายและแนวทาง ที่สภากำหนดเพื่อเสนอต่อสภา
- เสนอแนะและให้ความเห็นต่อสภาหรือคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณากำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนงาน และการอื่นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติ
- ให้คำปรึกษา เสนอแนะ และให้ความเห็น ตลอดจนอำนวยการและประสานการปฏิบัติงานใดๆ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ติดตาม ประเมิน วิเคราะห์ และแจ้งเตือนสถานการณ์ด้านความมั่นคง การเปลี่ยนแปลง ของสถานการณ์ สภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงในเชิงยุทธศาสตร์ พิสูจน์ทราบและคาดการณ์ภัยคุกคาม และการประเมินกำลังอำนาจของชาติ
- ประสานงานหรือร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศในกิจการด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ ด้านความมั่นคงในเชิงยุทธศาสตร์ ด้านการประเมินสภาวะแวดล้อม และด้านวิชาการที่เกี่ยวกับความมั่นคง
- ศึกษา วิจัย รวบรวม พัฒนา ส่งเสริม และเผยแพร่ข้อมูลหรือองค์ความรู้เกี่ยวกับ ความมั่นคงแห่งชาติ
- ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายอื่น หรือตามที่สภา นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
กล่าวโดยสรุป สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบการจัดทำนโยบายและแผนปฏิบัติการ ที่ตอบสนองต่อการเตรียมรับมือ ป้องกัน และตอบสนองภัยคุกคามด้านต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติ โดยปัจจุบัน รับผิดชอบการจัดทำนโยบายด้านความมั่นคงหลัก คือ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งฉบับปัจจุบันคือ ระยะ พ.ศ. 2566-2570 สถาะปัจจุบัน อยู่ระหว่างเสนอทูลเกล้าฯ รวมทั้ง แผนปฏิบัติการที่รองรับภัยคุกคามด้านต่างๆ อาทิ แผนเตรียมพร้อมแห่งชาติและแผนบริหารวิกฤตการณ์ แผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล นโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ แผนการพัฒนาพื้นที่เพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ เป็นต้น
สถานที่ตั้งของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
แก้ปัจจุบัน สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีที่ตั้ง 3 แห่ง คือ อาคารสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล, อาคาร 20 ทำเนียบรัฐบาล และศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 (อาคารบี) แจ้งวัฒนะ
การแบ่งส่วนราชการของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
แก้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และมีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
โดยสาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฯ ได้ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ สมช. ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2563 แบ่งส่วนราชการ[13][14] ออกเป็น 4 ภารกิจ ดังนี้ กลุ่มภารกิจนโยบายและบริหารแผนงานความมั่นคง, กลุ่มภารกิจยุทธศาสตร์และอำนวยความมั่นคงเฉพาะด้าน, กลุ่มภารกิจสนับสนุนทางวิชาการและเครือข่ายการมีส่วนร่วม, กลุ่มภารกิจสนับสนุนทางการบริหาร
อ้างอิง
แก้- ↑ [1]ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 139 ตอนที่ 57ก วันที่ 19 กันยายน 2565
- ↑ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง แต่งตั้งข้าราชการพลเรือน
- ↑ สภาความมั่นคงแห่งชาติ
- ↑ บทบาทเลขาฯ สมช.
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งกระทรวงทหารบกทหารเรือ (หน้า ๔๘)
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งสภาการป้องกันพระราชอาณาจักร์
- ↑ พระบรมราชโองการ ประกาศเลิกสภาการป้องกันพระราชอาณาจักร
- ↑ พระราชบัญญัติสภาการสงคราม พุทธศักราช ๒๔๘๗
- ↑ พระราชบัญญัติสภาป้องกันราชอาณาจักร พุทธศักราช ๒๔๘๗
- ↑ พระราชบัญญัติสภาป้องกันราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๔๙๙
- ↑ พระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๒
- ↑ พระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๓ ตอน ๘๕ ก หน้า ๑ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๙
- ↑ https://www.ryt9.com/s/cabt/3098300
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-07-15. สืบค้นเมื่อ 2020-06-30.