สตาร์ วอร์ส: ไนทส์ออฟดิโอลด์รีพับลิค (วิดีโอเกม)
สตาร์ วอร์ส: ไนทส์ออฟดิโอลด์รีพับลิค ("เหล่าอัศวินแห่งสาธารณรัฐเก่า", อังกฤษ: Star Wars: Knights of the Old Republic) เป็นเกมสมมติบทบาทที่สร้างโดยบริษัท BioWare และจัดจำหน่ายโดยบริษัท LucasArts ถูกวางจำหน่ายบนเครื่อง Xbox ในวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2003 และบนเครื่อง PC ระบบ Microsoft Windows ในวันที่ 19 กันยายน ค.ศ. 2003 และบนเครื่อง Mac OS X ในเวลาต่อมา เกมนี้เป็นเกมแนวสมมติบทบาทเกมแรกของเกมชุดสตาร์ วอร์ส ภาคต่อของเกมนี้คือ Star Wars: Knights of the Old Republic II: The Sith Lords ถูกสร้างโดยบริษัท Obsidian Entertainment เนื่องจากบริษัท BioWare ต้องการผลิตเกมที่เป็นสิทธิ์เต็มของตัวเอง
Star Wars: Knights of the Old Republic | |
---|---|
ผู้พัฒนา | BioWare |
ผู้จัดจำหน่าย | LucasArts |
กำกับ | |
ออกแบบ | David Falkner Steven Gilmour Casey Hudson Derek Watts Drew Karpyshyn James Ohlen Preston Watamaniuk |
แต่งเพลง | |
ชุด | Star Wars: Knights of the Old Republic |
เอนจิน | Odyssey engine |
เครื่องเล่น | Xbox, Windows, Mac OS X |
วางจำหน่าย | Xbox PC |
แนว | RPG |
รูปแบบ | ผู้เล่นเดี่ยว |
ระบบเกม
แก้ระบบของเกมนี้มีพื้นฐานมาจาก เกมสมมติบทบาทแบบทอยลูกเต๋า d20 Star Wars Roleplaying Game ของ Wizards of the Coast ซึ่งอาศัยกฎพื้นฐานของ Dungeons & Dragons ฉบับที่ 3 อีกที การต่อสู้ใต้แบบ round-based โดยแบ่งเวลาออกเป็นรอบ (round) คร่าวๆ ผู้ต่อสู้จะโจมตีและโต้ตอบไปพร้อมๆ กัน อย่างไรก็ดีจำนวนการกระทำต่อรอบนั้นจะมีจำนวนจำกัดอยู่ โดยในขณะที่ช่วงเวลาของแต่ละรอบนั้นเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียงช่วงหนึ่งของเวลาจริง แต่ผู้เล่นก็สามารถตั้งค่าระบบต่อสู้ให้หยุดเกมชั่วคราวในจังหวะของเหตุการณ์ในช่วงจบรอบแต่ละรอบได้
ระบบเลือกฝ่ายของเกมจะคอยบันทึกการกระทำและคำพูดของผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นคำพูดทั่วไปหรือการเลือกการดำเนินเรื่องในเหตุการณ์สำคัญเพื่อที่จะตัดสินว่าตัวละครของผู้เล่นจะฝักใฝ่ด้านมืดหรือด้านสว่างของพลัง ความมีน้ำใจและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่จะนำไปสู่ด้านสว่าง ในขณะที่ความเห็นแก่ตัวและความรุนแรงจะนำไปสู่ด้านมืด ซึ่งจะทำให้ตัวละครของผู้เล่นมีลักษณะภายนอกเปลี่ยนไปด้วย ได้แก่ดวงตากลายเป็นสีเหลืองและผิวสีซีด
ปฏิสัมพันธ์ต่อตัวละครอื่นที่ไม่ใช่ผู้ต่อสู้จะขึ้นอยู่กับการเลือกคำพูดเป็นสำคัญ หลังจากตัวละครพูดจบผู้เล่นสามารถเลือกคำพูดที่ตัวละครของผู้เล่นจะพูดได้จากรายการที่มีให้เลือก รายการคำพูดจะแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับเพศและทักษะติดตัวของตัวละครของผู้เล่น
เนื้อเรื่อง
แก้เนื่องจากเกมนี้เป็นเกมที่ผู้เล่นสามารถเลือกทาง เลือกได้หลายทางมาก เนื้อเรื่องเรื่องต่อไปนี้จะถือว่าผู้เล่นเลือกเพศเป็นชาย และเลือกหนทางด้านสว่างทั้งหมด โดยเลือกลำดับการเดินทางไปเอาสตาร์แม็ปบนดาวแดนทูอีน ทาทูอีน คาชี้ก มาณาน และคอร์ริบาน ตามลำดับ
บทเปิดเรื่อง
แก้สี่พันปีก่อนจักรวรรดิกาแลกติกเรืองอำนาจ สาธารณรัฐตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการล่มสลาย ดาร์ธ มาลัก ผู้เป็นศิษย์คนสุดท้ายที่เหลือรอดของลอร์ดมืดแห่งซิธ เรวาน ได้นำกองยานรบแห่งซิธอันแข็งแกร่งไร้เทียมทานเข้าโจมตีกาแลกซีอันไม่ทันเตรียมตัวรับศึก
ไร้ผู้ใดต่อต้าน ศึกชิงพิภพของมาลักได้ทำให้นิกายเจไดแตกจนพร้อมพ่าย ด้วยอัศวินมากมายได้ล้มตายในการศึก และบางส่วนยังแปรเข้าสวามิภักดิ์ต่อนายใหม่ผู้เป็นซิธ
บนท้องฟ้าเหนือดาวเคราะห์ดินแดนรอบนอก ทาริส กองยานรบเจไดได้เข้าปะทะกับกองทัพของดาร์ธ มาลัก ในความพยายามอันแทบสิ้นหวังที่จะหยุดยั้งซิธไม่ให้ครองกาแลกซี...
ติดกับบนทาริส
แก้ผู้เล่นตื่นขึ้นมาบน ยานเอนดาร์ สไปร์ (Endar Spire) ของสาธารณรัฐ และพบว่าตนเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากการโจมตีของซิธ ผู้เล่นกับทหารสาธารณรัฐ ทราสก์ อุลโก (Trask Ulgo) ได้ช่วยกันหาทางหนีจากยานและเจอกับดาร์ธ แบนดอน (Darth Bandon) ผู้เป็นศิษย์ของดาร์ธ มาลัก (Darth Maluk) อุลโกได้เข้าต่อสู้กับดาร์ธ แบนดอน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้หลบหนี หลังจากที่พบยานหลบหนีฉุกเฉินแล้วผู้เล่นก็หนีออกจากยานเอนดาร์ สไปร์ และตกลงบนดาวทาริส (Taris) ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของซิธ ผู้เล่นหมดสติไป คาร์ธ โอนาซี (Carth Onasi) ซึ่งเป็นนักรบสาธารณรัฐที่เก่งกาจคนหนึ่งที่หนีออกมาจากเอนดาร์ สไปร์ พร้อมกันได้ช่วยเหลือผู้เล่นออกมาจากซากยานหลบหนี
เมื่อผู้เล่นตื่น ขึ้น คาร์ธก็บอกผู้เล่นว่าทั้งสองต้องช่วยกันตามหาและช่วยเหลือบาสติลา ชาน (Bastila Shan) ซึ่งเป็นเจไดที่หนีออกมาจากยานเอนดาร์ สไปร์ เช่นกัน และกำลังอยู่ที่ไหนสักที่บนดาวทาริส บาสติลาเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้สาธารณรัฐได้รับชัยชนะในสงครามเนื่องจาก เธอมีความสามารถพิเศษสมาธิปะทะศึก (Battle Meditation) ซึ่งเป็นความสามารถ"พลัง"ที่จะทำให้ทัพพันธมิตรร่วมรบมีกำลังและความฮึก เหิมมากขึ้นในขณะที่ไปบั่นทอนกำลังใจศัตรูและทำให้ฝ่ายตรงข้ามสับสน
ทั้งสองออกตามหาบาสติลา จนพบว่ายานหลบหนีของเธอตกลงในเมืองเบื้องใต้ (Undercity) ของทาริส ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ใต้ถิ่นเจริญแห่งเมืองเบื้องบน (Upper City) และสลัมเมืองเบื้องล่าง (Lower City) ลงไปอีก ที่เมืองเบื้องล่างนั้นกำลังมีการปะทะกันของแก๊งยานสวู้ป (Swoop Gangs) คือฮิดเดน เบคส์ (Hidden Beks) และแบล็ก วัลการ์ (Black Vulkars) และจากการที่กำลังมีการปะทะกันของสองกลุ่มนี้และการที่พวกซิธกำลังค้นหาผู้รอดชีวิตจากยานหลบหนีของเอนดาร์ สไปร์ พวกซิธจึงปิดเมืองเบื้องล่างให้เป็นเขตหวงห้าม จนผู้เล่นต้องปลอมตัวเป็นทหารซิธถึงจะเข้าไปยังเมืองเบื้องล่างได้
เมื่อมาถึงเมืองเบื้องล่างแล้ว ผู้เล่นและคาร์ธก็ไปยังแหล่งซ่อนของฮิดเดน เบคส์ และได้พบกับผู้นำของกลุ่มคือกาดอน เธค (Gadon Thek) จนทราบว่าหัวหน้าของกลุ่มวัลการ์ คือเบรจิก (Brejik) ได้จับตัวบาสติลาไปเป็นรางวัลให้กับผู้ชนะการแข่งยานสวู้ปที่จะจัดขึ้นใน เร็วๆ นี้ กาดอนรับเป็นธุระจัดการให้ผู้เล่นได้ลงแข็งยานภายใต้เงื่อนไขว่าผู้เล่นต้องไปเอาตัวเร่งต้นแบบของยานสวู้ป (Prototype swoop-bike accelerator) ที่ถูกขโมยไปกลับมาจากพวกวัลการ์ ซึ่งในการที่จะเข้าไปยังแหล่งซ่อนของพวกวัลการ์นั้น กาดอนบอกผู้เล่นว่าต้องไปขอความช่วยเหลือจากเด็กสาวชาวทวิเล็ก (Twi'lek) ชื่อมิชชัน เวา (Mission Vao) และวูกี (Wookiee) เพื่อนของเธอชื่อซาลบาร์ (Zaalbar) ซึ่งน่าจะอยู่ในเมืองเบื้องใต้ของทาริส ซึ่งเป็นเมืองระดับล่างสุดและเป็นที่อยู่ของพวกอาชญากรและผู้อพยพทั้งหลาย
บังเอิญที่มิชชันก็กำลังต้องการความช่วยเหลือของทั้งสองเช่นกัน เนื่องจากเธอและซาลบาร์ถูกพวกกามอร์เรียนค้าทาส (Gamorrean slavers) โจมตีเข้าในตอนที่กำลังออกสำรวจเมืองเบื้องใต้ จนซาลบาร์ถูกจับตัวไป มิชชันสัญญาว่าจะช่วยพวกผู้เล่นหาทางเข้าไปในฐานทัพของพวกวัลการ์หากผู้ เล่นช่วยเธอตามหาซาลบาร์ ซึ่งในที่สุดก็ช่วยเหลือซาลบาร์ออกมาได้ และหลังจากได้รับการช่วยเหลือแล้ว ซาลบาร์ก็สาบานมอบหนี้ชีวิต (life debt) ให้กับผู้เล่น
มิชชันพาผู้เล่นเข้าไปในฐานทัพของพวกวัลการ์จนสามารถเอาตัวเร่งความเร็วกลับออกมาได้ หลังจากนั้นก็เอาไปคืนให้กับกาดอนและพวกเบคส์ ในการแข่งขันยานสวู้ปที่มีขึ้นในวันต่อมานั้น ผู้เล่นสามารถชนะการแข่งขันได้ แต่เบรจิกกลับผิดสัญญาไม่ยอมมอบบาสติลาให้เป็นรางวัลโดยอ้างว่าผู้เล่นโกงด้วยการใช้ตัวเร่งความเร็ว หลังจากนั้นเกิดการต่อสู้ขึ้น บาสติลาทำลายที่คุมขังออกมาด้วยตัวเองและช่วยผู้เล่นต่อสู้จนสามารถฆ่า เบรจิกและสมุนวัลการ์ได้
หลังจากช่วยบาสติลาออกมาได้แล้ว ทั้งสามก็ต้องหาทางหนีออกจากทาริส ซึ่งตอนนี้กำลังถูกปิดกั้นการเดินทางอยู่โดยพวกซิธ ต่อมามีผู้ส่งสารมาหาทั้งสามที่อพาร์ตเมนท์ บอกว่าทหารรับจ้างชาวแมนดาลอเรียน (Mandalorian mercenary) ชื่อแคนเดอรัส ออร์โด (Canderous Ordo) มีเรื่องอยากจะพูดกับพวกเขาที่แคนตินา เมื่อไปถึง แคนเดอรัสเสนอว่าพวกเขาสามารถขโมยยานเอบอน ฮอว์ค (Ebon Hawk) ของเดวิค แคง (Davik Kang) ที่ทำให้กับดิเอกซ์เชนจ์ (The Exchange) ได้ แต่ก่อนอื่นพวกเขาต้องไปเอารหัสผ่านที่จะผ่านการปิดกั้นการเดินทางของพวกซิธมาให้ได้เสียก่อน และหนทางที่จะเอารหัสผ่านมานั้นก็ต้องเข้าไปเอาในฐานทัพทหารซิธ (Sith military base) ในการที่จะทางเข้าไปในฐานทัพทหารซิธนี้เองผู้เล่นจะต้องซื้อหุ่นแอสโตรเมคดรอยด์ทีทรีเอ็มโฟร์ (T3-M4) ที่เดวิคตั้งโปรแกรมไว้ให้สามารถไขรหัสเข้าไปในฐานทัพได้
หลังจาก ซื้อหุ่นทีทรีเอ็มโฟร์แล้ว ผู้เล่นและเพื่อนก็ฆ่าผู้ว่าซิธ (Sith Governor) และขโมยรหัสผ่านมาได้ หลังจากนั้นแคนเดอรัสพาผู้เล่นและเพื่อนคนหนึ่งไปยังที่พักของเดวิค เมื่อไปถึงที่นั่น แคนเดอรัสบอกเดวิคว่าผู้เล่นเป็นคนที่ดิเอกซเชนจ์ควรจ้างเอาไว้ จึงสามารถเข้าไปได้ หลังจากเข้าไปแล้วทั้งสามก็หาทางเปิดประตูเข้าไปยังโรงเก็บยานและขโมยยานเอบอน ฮอว์ค ออกมาได้สำเร็จ ระหว่างนั้นเอง ดาร์ธ มาลัก ซึ่งเคยเป็นซิธของดาร์ธ เรวาน ได้สั่งให้ซาล คาราธ (Saul Karath) พลเรือเอกผู้คุมกองยานซิธโจมตีทำลายดาวทาริสเพื่อป้องกันไม่ให้บาสติลาหลบหนีไปได้ ในขณะที่ผู้เล่นกับเพื่อนกำลลังจะขึ้นยานเอบอน ฮอว์คนั้นก็เจอกับเดวิคและนักล่าเงินรางวัลชื่อคาโล นอร์ด (Calo Nord) ทั้งสามฆ่าเดวิคลง หลังจากนั้นก็เกิดระเบิดจากการโจมตีของกองยานซิธจนคาโล นอร์ดจมอยู่ใต้ซากตึก ผู้เล่นและเพื่อนปล่อยนอร์ดไว้อย่างนั้นแล้วขึ้นยานเอบอน ฮอว์ค ไปรับเพื่อนที่เหลือ แล้วหลบหนีออกจากทาริสเป็นผลสำเร็จ
ลี้ภัยที่แดนทูอีน
แก้บาสติลาสังเกตเห็นว่าผู้เล่นนั้นมีผลังสถิตแรงมากจึงพาไปยังเขตแดนเจได (Jedi Enclave) บนแดนทูอีนเผื่อว่าเหล่าอาจารย์เจไดจะรับฝึกผู้เล่นให้เป็นเจได ซึ่งพวกเขาก็ยอมรับ หลังจากที่ผู้เล่นได้ต่อสู้กับจูฮานี (Juhani) ศิษย์เจไดที่ถูกล่อลวงโดยด้านมืดของพลัง จนปราบเธอลงและนำเธอกลับมายังด้านสว่างได้ เหล่าอาจารย์เจไดก็ฝึกผู้เล่นจนผ่านการทดสอบและได้เป็นพาดาวันเจไดเต็มตัว ผู้เล่นออกสำรวจแดนทูอีนและพบวิหารแห่งหนึ่ง (ถูกสร้างโดยจักรวรรดินิรันดร์ (Infinite Empire)) ซึ่งผู้เล่นจะพบว่าที่แห่งนี้เป็นที่ที่ชักนำเรวานและมาลักเข้าสู่ด้านมืด นอกจากนั้นแล้วในวิหารนี้ยังมีหุ่นดรอยด์อยู่ตัวหนึ่งซึ่งกำหนดให้ผู้เล่นต้องผ่านการทดสอบสองอย่างถึงจะผ่านเข้าไปในส่วนในของวิหารได้ ผู้เล่นผ่านการทดสอบทั้งสองและได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไปในส่วนในของวิหาร ซึ่งเป็นห้องห้องหนึ่งที่มีแผนที่ดารา (Star Map) ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งหากแผนที่นั้นสมบูรณ์ มันจะบอกถึงที่ตั้งของเตาหลอมดารา (Star Forge) แห่งวัฒนธรรมราคาทาน (Rakatan) สภาตัดสินใจส่งผู้เล่นไปทำภารกิจออกตามหาเตาหลอมร่วมกับบาสติลา จูฮานี และสหายอื่น
แผนที่ดาราที่สอง: ทาทูอีน
แก้ผู้เล่นและสหายเดิน ทางไปยังทาทูอีน และออกสำรวจเมืองแองเคอร์เฮด (Anchorhead) จนได้รับงานจากบริษัทซ์เซอร์กา (Czerka) ให้ช่วยกำจัดเหล่ามนุษย์ทราย (Tusken Raiders) ที่คอยโจมตีคนงานเหมืองและนักล่าคนอื่นๆ ในพื้นที่ อย่างไรก็ดี ดูรอส (Duros) ได้บอกผู้เล่นว่าอาจมีหนทางยุติปัญหานี้ได้โดยสันติ
ด้วยความช่วย เหลือของอดีตหุ่นยนต์นักฆ่า เอชเคโฟร์ตี้เซเว่น (HK-47) ที่ซื้อมาจากเจ้าของร้านหุ่นดรอยด์ ยูกา ลากา (Yuka Laka) ผู้เล่นก็สามารถสนทนากับเผ่ามนุษย์ทรายในในเขตแดนของมนุษย์ทรายที่อยู่ใกล้ๆ และเจรจาหนหนทางยุติการโจมตีพนักงานของบริษัทซ์เซอร์กาด้วยการหาเครื่องสร้างความชื้น (Moisture vaporator) หัวหน้าเผ่าได้มอบไม้กาฟฟี (Gaffi stick) ให้แก่ผู้เล่นเป็นเครื่องรางนำโชค พร้อมทั้งแผนที่ที่นำผู้เล่นไปยังถ้ำที่ซ่อนแผนที่ดาราไว้โดยมีมังกรเครยท์ตัวหนึ่งเฝ้าอยู่ ผู้เล่นสามารถฆ่ามังกรเครยท์ตัวนี้ไปได้ด้วยการร่วมมือกับโคมาด ฟอร์ตูนา (Komad Fortuna) หลังจากนั้นจึงเข้าไปในถ้ำและรับเอาแผนที่ดารามา (ถ้าได้เจอกับแม่ของบาสติลามาก่อน จะเจอกับโฮโลครอนของนางด้วย) เมื่อออกมาจากถ้ำผู้เล่นก็เจอกับคาโล นอร์ด ซึ่งประกาศว่าจะฆ่าผู้เล่นโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมาลัก ผู้เล่นและเพื่อนปราบคาโลลงได้โดยง่าย
แผนที่ดาราที่สาม: คาชี้ก
แก้ต่อมาผู้เล่นได้ เดินทางไปยังดาวคาชี้ก และพบว่าดาวดวงนี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทซ์เซอร์กาที่เอาพวกวูกีมา ใช้เป็นทาส หลังจากนั้นได้เดินทางไปยังหมู่บ้านรวูครอร์โร (Rwookrrorro) ด้วยหวังว่าจะหาทางค้นหาแผนที่ดาราได้ แต่เนื่องจากว่าผู้เล่นได้นำซาลบาร์ "กรงเล็บคลั่ง" ("mad-claw" Zaalbar) ที่เคยถูกไล่ออกจากหมู่บ้านเข้าไปด้วยจึงถูกพาไปพบหัวหน้าเผ่า คือชูอุนดาร์ (Chuundar) ซึ่งเป็นน้องชาย(พี่ชาย?) ของซาลบาร์ ชูอุนดาร์รับหน้าที่เป็นนายหน้าค้าทาสวูกีให้กับบริษัทซ์เซอร์กาและได้กักตัวซาลบาร์เอาไว้ ชูอุนดาร์บอกให้ผู้เล่นเดินทางลงไปยังป่าชาโดว์แลนด์เบื้องล่าง (Lower Shadowlands) และฆ่าวูกีบ้าคลั่งตนหนึ่ง ซึ่งที่จริงแล้วก็คือเฟรย์ร (Freyyr) ซึ่งเป็นบิดาของซาลบาร์ ผู้เล่นจึงเดินทางลงไปยังป่าชาโดว์แลนด์เบื้องล่าง และถือโอกาสตามหาแผนที่ดาราไปในตัว
ในป่าชาโดว์แลนด์ ผู้เล่นพบกับฤๅษีเฒ่าตนหนึ่งชื่อโจลี บินโด (Jolee Bindo) ซึ่งได้บอกว่าจะพาผู้เล่นไปหาแผนที่ดาราหากรับทำงานให้ชิ้นหนึ่ง งานชิ้นนั้นคือให้ผู้เล่นและสหายเอาพนักงานบริษัทซ์เซอร์กาที่ตั้งค่ายอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของบ้านพักของโจลีออกไป ผู้เล่นทำงานนี้สำเร็จด้วยดี โจลีจึงปลดเกราะแสงที่กันทางลงไปยังป่าชาโดว์แลนด์เบื้องล่างให้ เมื่อลงไปถึงข้างล่างแล้ว พวกผู้เล่นก็ได้พบกับเฟรย์รและได้ปะทะต่อสู้กัน อย่างไรก็ดีผู้เล่นได้ไว้ชีวิตเฟรย์รเอาไว้ เฟรย์รได้บอกแผนของตนให้ผู้เล่นฟัง แผนนั้นคือการตามหาดาบของแบคคา (Bacca's Blade) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของหัวหน้าเผ่าที่แท้จริงเพื่อนำไปต่อสู้กับชูอุ นดาร์เพื่อให้ได้ตำแหน่งหัวหน้าเผ่ากลับคืน เฟรย์รกล่าวว่าดาบเล่มนั้นได้สูญหายไปในพิธีกรรมการต่อสู้เมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นผู้เล่นจึงไปต่อสู้กับสัตว์ประหลาดและนำดาบกลับมาให้เฟรย์ร หลังจากนั้นเฟรย์รจึงเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านรวูครอร์โรโดยบอกให้ผู้เล่น ไปเจอเขาที่นั่น ต่อมาผู้เล่นได้เจอกับคอมพิวเตอร์โบราณเครื่องหนึ่งซึ่งถามคำถามยืนยันตัว ตนของผู้เล่น คำถามนั้นเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในเรื่องของการใช้พลังในด้านมืดและด้าน สว่าง (ผู้เล่นอาจะเลือกตอบให้เป็นด้านมืด ซึ่งเป็นคำตอบที่ถูกต้อง หรือเลือกตอบให้เป็นด้านสว่าง ซึ่งเป็นคำตอบที่ผิด และต้องต่อสู้กับหุ่นดรอยด์พิทักษ์ให้ชนะ) เมื่อผู้เล่นผ่านการทดสอบยืนยันตัวตนว่า "ตรงกัน" แล้ว คอมพิวเตอร์จึงเปิดทางให้ผู้เล่นได้ดูแผนที่ดารา
หลังจากนั้นผู้ เล่นจำต้องฆ่าวูกีที่คุมกระเช้าเดินทางขึ้นลงชื่อกอร์วูเกน (Gorwooken) และใช้กระเช้านั้นเดินทางกลับมายังพื้นที่ส่วนบนซึ่งนำกลับไปสู่หมู่บ้าน เมื่อไปถึงกระท่อมหัวหน้าเผ่า ผู้เล่นได้บอกซาลบาร์ให้บอกพวกญาติๆ ว่าสามารถยุติเรื่องนี้อย่างสันติได้ แต่ชูอุนดาร์ไม่ยอมฟัง จึงยกพวกยามซเซอร์กาเข้าโจมตีซาลบาร์และผู้เล่น ชูอุนดาร์และยามซ์เซอร์กาถูกสังหารทั้งหมด ต่อมาเฟรย์รได้มอบดาบพิธีกรรมของแบคคาให้แก่ซาลบาร์และกล่าวว่ายังมีภาระรออยู่อีกมาก ในขณะที่ผู้เล่นกำลังเดินทางกลับไปยังยานเอบอน ฮอว์ค ก็พบว่าเหล่าวูกีกำลังต่อสู้กับบริษัทซ์เซอร์กาอยู่ พวกวูกีเป็นฝ่ายชนะ และได้บอกกับผู้เล่นว่า ตัวผู้เล่นคงจะเป็นคนต่างถิ่นคนสุดท้ายที่จะได้เหยียบย่างเข้ามาในดาวคาชี้กไปอีกนาน
ทางด้านดาร์ธ มาลัก หลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของคาโล นอร์ดแล้ว จึงได้ส่งศิษย์ของตนคือดาร์ธ แบนดอนออกเป็นผู้นำการค้นหาบาสติลาต่อไป
แผนที่ดาราที่สี่: มาณาน
แก้หลังหลังจากเสร็จธุระที่คาชี้กแล้ว ลูกเรือยานเอบอน ฮอว์ค ก็ได้เดินทางไปยังดาวเคราะห์ที่ถูกปกคลุมด้วยผืนมหาสมุทรชื่อมาณาน ภาพนิมิตของผู้เล่นแสดงให้เห็นว่าแผนที่ดาราอยู่ในพื้นมหาสมุทร และทราบข่าวว่าทูตสาธารณรัฐบนมาณานคือโรแลนด์ วานน์ (Roland Wann) อาจมีคำตอบให้ได้ เมื่อไปถึงสถานทูตแล้ว คณะผู้เล่นได้ถามโรแลนด์ถึงวิธีที่จะไปถึงแผนที่ดารา วานน์รับปากจะช่วยโดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าให้ผู้เล่นไปนำหุ่นยนต์มา หุ่นยนต์ตัวนี้ถูกส่งไปสำรวจผาฮ์ราเกิร์ต (Hrakert Rift) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำคอลโต (Kolto) อันมีค่ายิ่งของมาณาน รวมทั้งเป็นที่อยู่ของแผนที่ดาราด้วย โดยหุ่นยนต์ตัวนี้ถูกจับตัวไปโดยพวกซิธ
ผู้เล่นรับคำช่วยเหลือสาธารณรัฐและได้ลอบเข้าไปในสถานทูตซิธและต่อสู้เข้าไปจนพบหุ่นยนต์ หุ่นยนต์ตัวนี้ถูกทำลายแล้วแต่ชิ้นส่วนที่วานน์ต้องการยังอยู่ในสภาพดี ผู้เล่นนำชิ้นส่วนออกมาจากสถานทูตแต่พบกับเจ้าหน้าที่เซลคาธที่ได้รับรายงานว่ามีเสียงปืนในสถานทูตฯ ผู้เล่นถูกนำตัวขึ้นศาล แต่ก็สามารถพ้นผิดออกมาได้ หลังจากนั้นผู้เล่นจึงเดินทางกลับไปยังสถานทูตสาธารณรัฐ
ผู้เล่นทราบจากโรแลนด์ว่าหุ่นยนต์ตัวนี้ถูกส่งไปสำรวจโรงกักเก็บน้ำคอลโตผิดกฎหมายของสาธารณรัฐที่เพิ่งสูญเสียการติดต่อกับพื้นผิวไปเมื่อไม่นานมานี้ เขาบอกผู้เล่นว่าสาธารณรัฐได้จ้างทหารรับจ้างหลายต่อหลายคนให้เข้าไปสำรวจที่สถานีดังกล่าวแต่ไม่มีใครได้กลับมา และยังบอกอีกว่าได้ขาดการติดต่อกับโรงงานข้างล่างไปหลังจากมีรายงานการพบสิ่งประดิษฐ์โบราณ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการลงไปสำรวจเหตุการณ์นี้ โรแลนด์ได้มอบเรือดำน้ำให้กับคณะผู้เล่นและพาไปส่งตามทาง
เมื่อไปถึง ผู้เล่นพบกับทหารรับจ้างผู้ขี้ขลาดคนหนึ่ง และทราบจากเขาว่าหลังจากมีการขุดพบสิ่งประดิษฐ์โบราณแล้วพวกเซลคาธก็บ้าคลั่งขึ้นมาและฆ่าทุกคน แม้ผู้เล่นจะถูกเตือนให้หนีกลับไปก็ไม่ฟัง ยังบุกเข้าไปในโรงงานและเจอชุดสำรวจและเครื่องปล่อยคลื่นโซนิคด้วย หลังจากถูกบังคับให้ต้องทิ้งคณะร่วมทางไว้เบื้องหลัง ผู้เล่นก็ไปสำรวจพื้นมหาสมุทรด้วยชุดสำรวจที่มีเพียงชุดเดียวและพบทางเชื่อมไปยังโรงงานอีกโรงหนึ่งที่แยกกัน
ที่นั่นเขาพบหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ โคโน โนแลน (Kono Nolan) และผู้ช่วยคือซามิ (Sami) ทั้งสองคนเป็นนักวิทยาศาสตร์กลุ่มสุดท้ายที่ยังรอดชีวิตอยู่และถูกขังอยู่ในโรงงาน หลังจากที่ผู้เล่นรอดชีวิตจากความบ้าคลั่งของทั้งสองแล้วก็ได้ชักจูงให้ทั้งสองบอกสิ่งที่รู้ให้ฟัง เกี่ยวกับฉลามฟิราซานขนาดยักษ์ (Firaxan Shark) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเซลคาธบ้าคลั่ง ระหว่างที่ถามถึงหนทางไปยังแผนที่ดารานั้นเอง โคโนก็ได้บอกว่าก่อนหน้าที่ตนกำลังวิจัยยาพิษซึ่งทางทฤษฎีแล้วสามารถฆ่าฉลามยักษ์นั้นได้ ซามิเชื่อว่าหากใช้ยาพิษนี้แล้วจะทำให้แหล่งน้ำของมาณานปนเปื้อนอย่างที่ไม่อาจแก้ไขได้ จากคำแนะนำของซามินี้เอง ผู้เล่นได้ทำลายเครื่องเก็บน้ำคอลโตลง ทำให้ฉลามยักษ์สงบ และเปิดโอกาสให้ผู้เล่นเดินทางไปยังแผนที่ดาราได้
เมื่อผู้เล่นกลับมารวมกับสหายที่หน้าทางเข้าฐานแล้วก็ได้พบกับดาร์ธ แบนดอน และเจไดมืดอีกสองคน หลังจากแบนดอนแสดงออกว่ายังสามารถได้รับความเพลิดเพลินจากการฆ่าผู้เล่นแล้วทั้งหมดก็เข้าปะทะกันซึ่งผู้เล่นก็เป็นฝ่ายชนะ หลังจากนั้นผู้เล่นเดินทางกลับไปยังสถานทูตสาธารณรัฐแล้วบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้โรแลนด์ฟัง แม้จะไม่พอใจในผลลัพธ์ แต่โรแลนด์ก็ขอบคุณผู้เล่นและส่งผู้เล่นไปตามทาง ต่อมาผู้เล่นถูกทางการเซลคาธจับอีกครั้งจากการกระทำในโรงงานน้ำคอลโต และก็อีกครั้งเช่นกันที่ผู้เล่นสามารถพ้นผิดมาได้ด้วยการเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด เซลคาธบางคนเชื่อมโยงเหตุการณ์ครั้งนี้เข้ากับตำนานของท่านต้นตระกูลซึ่งเชื่อว่าผู้เล่นเป็นผู้ช่วยชีวิตท่านต้นตระกูลเอาไว้ได้