สงครามยูกันดา-แทนซาเนีย
สงครามยูกันดา-แทนซาเนีย (ในแทนซาเนียรู้จักกันในชื่อ สงครามคาเกรา (สวาฮีลี: Vita vya Kagera) และในยูกันดารู้จักกันในชื่อ สงครามประกาศอิสรภาพ ค.ศ. 1979)[a] เป็นสงครามระหว่างประเทศยูกันดาและประเทศแทนซาเนียระหว่างปี พ.ศ. 2521–2522 กองทหารบางส่วนของอามินมาจากกองทหารของมูอัมมาร์ อัล-กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย สงครามนี้นำไปสู่การล้มล้างระบอบการปกครองของอีดี อามิน
สงครามยูกันดา-แทนซาเนีย | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
![]() ยุทธการในสงครามยูกันดา-แทนซาเนีย | |||||||||
| |||||||||
คู่สงคราม | |||||||||
![]() ![]() ![]() สนับสนุนโดย: ![]() ![]() |
![]() สนับสนุนโดย: ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() | ||||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||||
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() | ||||||||
กำลัง | |||||||||
![]() ![]() ![]() |
![]() ![]() ![]() | ||||||||
ความสูญเสีย | |||||||||
ทหารยูกันดาเสียชีวิตประมาณ 1,000 นาย ทหารยูกันดาถูกจับกุม 3,000 นาย ทหารลิเบียเสียชีวิตมากกว่า 600 นาย ทหารลิเบียถูกจับกุม 59 นาย ทหารปาเลสไตน์เสียชีวิต/หายตัว 12–200 นาย |
ทหารแทนซาเนียเสียชีวิต 373 นาย นักรบ UNLA เสียชีวิตประมาณ 150 นาย | ||||||||
พลเมืองแทนซาเนียประมาณ 1,500 คนและพลเมืองยูกันดามากกว่า 500 คนเสียชีวิต |
สาเหตุการเกิดสงครามแก้ไข
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยูกันดากับแทนซาเนียกระท่อนกระแท่นมานานหลายปีก่อนเกิดสงคราม หลังการยึดอำนาจของอามินในปี พ.ศ. 2514 ผู้นำแทนซาเนียจูเลียส ไนเรอร์ เสนอให้มิลตัน โอโบเต ลี้ภัยมาที่ประเทศของตน โอโบเตและผู้ลี้ภัยอีก 20,000 คนตอบตกลง ในปีถัดมากลุ่มของผู้ลี้ภัยเข้าบุกยูกันดาเพื่อทำการปลดอามินออกจากตำแหน่งแต่ไม่สำเร็จ อามินตำหนิไนเรอร์ที่คิดเป็นศัตรูของเขา ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเข้าสู่สถานการณ์ตึงเครียดหลายปี
ต้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2521 มีกองกำลังทหารเข้าซุ่มโจมตีอามิน ณ ที่ทำการประธานาธิบดีในกรุงกัมปาลา แต่อามินและครอบครัวหลบหนีออกมาได้ทางเฮลิคอปเตอร์[5] เหตุการณ์แบบนี้เริ่มเกิดขึ้นอยู่บ่อนครั้งเมื่อคนใกล้ชิดของอามินแสดงอาการหวั่นกลัว เขาต้องเผชิญกับความแตกแยกภายในประเทศยูกันดามากขึ้น[6] เมื่อมุสตาฟา อดริซี รองประธานาธิบดีของอามินได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่มีพิรุธว่ามีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง กองทหารที่อารักขาอดริซี (และทหารอื่นที่ไม่พอใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น) ทำการขัดขืนต่อคำสั่งทางทหาร อามินได้ส่งกองพันราชสีห์ (Simba) ที่คัดสรรมาเพื่อปราบปรามกลุ่มทหารกบฏที่ทำการขัดขืน กลุ่มกบฏบางส่วนข้ามไปยังชายแดนของประเทศแทนซาเนีย[5][7] กลุ่มกบฏตั้งฐานต่อต้านกองทัพของอามินในประเทศแทนซาเนีย
อามินประกาศสงครามต่อแทนซาเนีย ส่งกองทหารไปโจมตีและยึดเอาบางส่วนของเมืองคาเกลา ดินแดนของประเทศแทนซาเนีย และอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของยูกันดา
สงครามแก้ไข
ไนเรอร์ระดมพลกองทัพประชาชนแทนซาเนีย (Tanzania People's Defence Force) และทำการโต้กลับกองทัพของอามิน ในอีก 2–3 สัปดาห์ต่อมากองทัพแทนซาเนียมีสมาชิกมากมายอาทิตำรวจ, ราชทัณฑ์, ข้าราชการและกองทหารอาสาสมัคร แทนซาเนียรับกลุ่มต่อต้านอามินมากมายที่ถูกเนรเทศ รวมตัวเป็นกองทัพปลดแอกแห่งชาติยูกันดา (Uganda National Liberation Army : UNLA) ที่ประกอบไปด้วยกองทหารกิโกซี มาลุม (เป็นภาษาสวาฮีลีแปลว่ากองกำลังพิเศษ) นำโดยติโต โอเกลโลและเดวิด โอยิเต-โอจ็อก, กลุ่มแนวหน้าพาชาติพ้นภัย (Front for National Salvation : FRONASA) นำโดยโยเวลี มุเซเวนี และกลุ่มคุ้มครองการเคลื่อนไหวของยูกันดานำโดยอเกนา พี'โอจ็อก, วิลเลียม โอมาเรีย และอเตเกอร์ อีจาลู
กองทัพแทนซาเนียได้นำเครื่องยิงจรวดคัทยูชา (Katyucha Rocket Launcher) ของรัสเซีย (ในยูกันดาเรียกว่า saba saba) มาใช้ในการยิงเป้าหมายภายในประเทศยูกันดา[8] จนทำให้กองทัพของยูกันดาต้องถอยไปตั้งหลักกันใหม่ มูอัมมาร์ อัล-กัดดาฟี ผู้นำลิเบียจัดส่งกองทหาร 2,500 นายให้แก่อามิน พร้อมรถถัง T-54, รถถัง T-55, รถลำเลียงพลหุ้มเกราะ BTR APCs, เครื่องยิงจรวด BM-21 Katyusha MRLs, เหล่าทหารปืนใหญ่, เครื่องบินรบ MiG-21s และเครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-22[9] อย่างไรก็ตามลิเบียก็ได้รับรายงานจากทางแนวหน้าว่าลับหลังลิเบีย กองทัพยูกันดาได้ใช้รถถังที่ได้มาขนทรัพย์สมบัติที่ปล้นมาได้จากศัตรู[10]
กองพันทหารของลิเบียเป็นการผสมรวมกันของกองทัพลิเบีย, ประชาชนอาสาสมัคร และกองทหารอาหรับ หน่วยย่อยซาฮาราน-แอฟริกัน กองพันนี้ถึงส่งมาปฏิบัติภารกิจนอกประเทศ[9]
แทนซาเนียได้ร่วมกับกลุ่ม UNLA เคลื่อนที่ไปยังตอนเหนือของกรุงกัมปาลา แต่ต้องล่าช้าด้วยหนองบึงที่ลึกทางเหนือของเมืองลุกายาเป็นอุปสรรค ทางแทนซาเนียจึงตัดสินใจส่งทหาร 201 หมู่ข้ามถนนที่จองไว้เหนือหนองดังกล่าวตราบที่ถนนยังใช้งานได้อยู่ ทหารอีก 208 หมู่เดินตามริมตลิ่งด้านตะวันตกของหนองน้ำลึกในกรณีที่ถนนที่จองไว้เหนือบึงแออัดหรือถูกทำลาย แทนซาเนียมีแผนที่จะเข้าตีกองพันทหารของลิเบียเพื่อยึดเอารถถัง T-55 12 คัน, รถลำเลียงพลหุ้มเกราะ APCs 12 คันและเครื่องยิงจรวด BM-21 MRLs มีเจตนาที่จะขยายกำลังถึงเมืองมาซากา แต่เกิดการปะทะกันที่เมืองลุกาย่าในวันที่ 10 มีนาคม แทนซาเนียส่งกองทหาร 201 หมู่ถอยกลับในช่วงชุลมุนอย่างทุลักทุเล อย่างไรก็ตามแทนซาเนียได้ทำการตีโต้ในคืนวันที่ 11-12 มีนาคมจาก 2 ทิศทาง ดังนี้ ทหาร 201 หมู่ที่จัดทัพใหม่เข้าตีทางทิศใต้ อีก 208 หมู่เข้าตีทางตะวันตกเฉียงเหนือ แทนซาเนียพิชิตชัยชนะ กองทัพใหญ่จากลิเบียที่ส่วนใหญ่เป็นทหารอาสาสมัครแตกและถอยหนีอย่างรวดเร็ว มีรายงานว่ามีชาวลิเบียเสียชีวิตมากกว่า 200 คนและอีก 200 คนเป็นพันธมิตรทหารยูกันดา
แทนซาเนียและกองกำลัง UNLA พบกับศึกเล็กศึกน้อยหลังสมรภูมิที่ลุกายา ขณะที่เคลื่อนทัพต่อไปยังด้านตะวันตกของกรุงกัมปาลา สถานที่แรกที่เคลื่อนทัพไปถึงคือท่าอากาศยานเอนเทบเบ และที่นั่นได้ทำการปลดแอกอิสรภาพกรุงกัมปาลาในวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2522 มีกองทหารยูกันดาหรือไม่ก็ลิเบียเพียง 2–3 หน่วยเป็นอุปสรรคไม่น้อย เคนเน็ธ มิชาเอล โพลลัก ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองและการทหารของตะวันออกกลางได้กล่าวเอาไว้ว่า ปัญหาใหญ่ของกองทหารแทนซาเนียคือขาดแคลนแผนที่ของกรุงกัมปาลา[9] อามินหนีไปยังลิเบียเป็นที่แรก ก่อนจะเดินทางลี้ภัยไปยังประเทศซาอุดีอาระเบีย กองกำลังของลิเบียถอนกำลังไปยังเมืองจินจาก่อนจะถอยไปยังประเทศเคนยาและเอธิโอเปียเป็นที่สุดท้าย กองทัพของแทนซาเนียยังคงอยู่ในยูกันดาจนสถานการณ์สงบเมื่อกลุ่มปกป้องการเมือง UNLA (UNLF) จัดระเบียบการเลือกตั้งลงรัฐธรรมนูญของประเทศอีกครั้ง
รัฐบาลแทนซาเนียได้แจกจ่ายเหรียญกล้าหาญ Nishani ya Vita โดยเหรียญจารึกคำว่า Vita-1978-1979 (ด้านบน) และ Tanzania (ด้านล่าง) ส่วนด้านหลังเป็นด้านเรียบ
หลังสงครามแก้ไข
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
หมายเหตุแก้ไข
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ Lagarde 1979, p. 1.
- ↑ Fleisher 2003, p. 81.
- ↑ "How 'unity' died in Uganda". The Independent (Kampala). 8 April 2019. สืบค้นเมื่อ 7 March 2020.
- ↑ Hilgers 1991, p. 162.
- ↑ 5.0 5.1 "An Idi-otic Invasion" เก็บถาวร 2012-10-23 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, TIME magazine, Nov. 13, 1978.
- ↑ "Not even an archbishop was spared" เก็บถาวร 2007-10-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, The Weekly Observer, February 16, 2006.
- ↑ Library of Congress Country Studies: Uganda. Military Rule Under Amin
- ↑ "Fighting for Amin", The East African, April 8, 2002.
- ↑ 9.0 9.1 9.2 Kenneth M. Pollack, Arabs at War: Military Effectiveness 1948–91, University of Nebraska Press, Lincoln and London, 2002, p.369-373, ISBN 0-8032-3733-2
- ↑ OnWar.com
หนังสืออ่านเพิ่มแก้ไข
- Fleisher, Michael L. (2003) [1st pub. 2000]. Kuria Cattle Raiders: Violence and Vigilantism on the Tanzania/Kenya Frontier (4th ed.). Ann Arbor, Michigan: University of Michigan Press. ISBN 978-0-472-08698-6.
- Hilgers, Andrea (1991). "Der Krieg in Uganda". ใน Siegelberg, Jens (บ.ก.). Die Kriege 1985 bis 1990: Analyse ihrer Ursachen [The wars 1985 to 1990: Analysis of their causes] (ภาษาเยอรมัน). Münster; Hamburg: LIT. pp. 156–165. ISBN 3-88660-757-7.
- Lagarde, Dominique (8 March 1979). "Ugandan-Tanzanian war examined. Amin Dada: His War in Tanzania". Translations on Sub-Saharan Africa, No. 2073. United States Joint Publications Research Service. pp. 1–9.