วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (อังกฤษ : College of Politics and Governance, Mahasarakham University) บ้างเรียก คณะการเมืองการปกครอง เป็นหน่วยงานไทยระดับคณะวิชาลำดับที่ 13 ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นคณะรัฐศาสตร์แห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คณะก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 (พร้อมกับคณะสาธารณสุขศาสตร์) โดยพัฒนามาจากภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตมหาสารคาม ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2517 ต่อมาภายหลัง คณะสังคมศาสตร์ถูกรวมเข้ากับคณะมนุษยศาสตร์เป็นคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เพื่อก่อตั้งมหาวิทยาลัยมหาสารคามในปี 2537 ภาควิชาจึงได้กลายเป็นส่วนงานหนึ่งของคณะดังกล่าว และได้พัฒนาเป็นวิทยาลัยการเมืองการปกครองดังในปัจจุบัน
College of Politics and Governance, Mahasarakham University | |
ตราโรจนากร สัญลักษณ์ประจำวิทยาลัย | |
ชื่อย่อ | วมป. / COPAG |
---|---|
คติพจน์ | ศูนย์กลางรัฐศาสตร์อีสาน เพื่อการรับใช้สังคม |
สถาปนา | ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มศว มค. · 21 สิงหาคม พ.ศ. 2518 วิทยาลัยการเมืองการปกครอง ·17 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 |
สังกัดการศึกษา | มหาวิทยาลัยมหาสารคาม |
คณบดี | ผศ.เชิงชาญ จงสมชัย |
ที่อยู่ | อาคารวิทยบริการ D เลขที่ 41 หมู่ 20 ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม 44150 |
วารสาร | วารสารการเมืองการปกครอง |
สี | สีน้ำตาลอ่อน |
มาสคอต | สิงห์น้ำตาล |
เว็บไซต์ | www.copag.msu.ac.th |
ประวัติ
แก้วิทยาลัยวิชาการศึกษามหาสารคาม
แก้จุดเริ่มต้นของการสอนวิชารัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยมหาสารคามนั้น ต้องย้อนไปในสมัยวิทยาลัยวิชาการศึกษามหาสารคาม โดยศาสตราจารย์ประสาท หลักศิลา คณบดีคณะวิชามนุษยธรรมศึกษาและสังคมศาสตร์ สังกัดวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร (ส่วนกลาง) ในขณะนั้น ได้มอบหมายให้ ดร.วิชัย ตันศิริ ร่างหลักสูตรวิชาโทรัฐศาสตร์เพื่อเปิดสอนให้คณะวิชาดังกล่าวควบคู่ไปกับการเปิดสอนรายวิชาทางรัฐศาสตร์ให้กับหลักสูตรการศึกษาบัณฑิต วิชาเอกสังคมศึกษา ของทางคณะวิชาการศึกษาในทุกวิทยาเขต (รวมทั้งมหาสารคาม) โดยสังกัดแผนกวิชาสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม
แก้จวบจนเมื่อมีประกาศของทบวงมหาวิทยาลัย เรื่องการแบ่งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. 2518 (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 92 ตอนที่ 166 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2518[1]) ให้รวมวิทยาลัยวิชาการศึกษาทุกวิทยาเขต ยกฐานะขึ้นเป็น "มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ" ตามด้วยชื่อวิทยาเขตที่ตั้ง และมีการแบ่งหน่วยงานขึ้นใหม่ จึงได้มีการจัดตั้ง "ภาควิชารัฐศาสตร์ (Department of Political Science)" ให้เป็นส่วนราชการหนึ่งของ "คณะสังคมศาสตร์ (Faculty of Social Sciences)" [2] และให้วิชาโทรัฐศาสตร์สังกัดภาควิชานี้ ในวิทยาเขตมหาสารคามนั้น คณะสังคมศาสตร์ได้รับผิดชอบในการผลิตบัณฑิตทางการศึกษาในหลักสูตรการศึกษาบัณฑิต (กศ.บ.) วิชาเอกสังคมศึกษาให้กับคณะศึกษาศาสตร์ โดยมอบหมายให้ภาควิชารัฐศาสตร์จัดการเรียนการสอนในรูปแบบวิชาโทด้านรัฐศาสตร์, การเมือง, การบริหารรัฐกิจ, วิชาศึกษาทั่วไป (GE), วิชาเลือกเสรี และจัดการเรียนการสอนร่วมกับภาควิชาอื่นๆ ในคณะสังคมศาสตร์ควบคู่ไปด้วย[3]
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
แก้ต่อมาในปี 2537 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตมหาสารคาม ได้รับการยกฐานะเป็น "มหาวิทยาลัยมหาสารคาม" คณะสังคมศาสตร์จึงถูกยุบรวมกับคณะมนุษยศาสตร์อีกครั้งเป็น "คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม" ตามประกาศในพระราชกฤษฎีกา[4] ภาควิชารัฐศาสตร์ ที่เดิมสังกัดคณะสังคมศาสตร์ จึงได้โอนย้ายมาสังกัดคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ แต่ยังไม่ได้เปิดรับนิสิตวิชาเอก ให้จัดการเรียนการสอนเฉพาะวิชาศึกษาทั่วไป และวิชาเลือกที่เกี่ยวข้องแทน
ในวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 สภามหาวิทยาลัยมหาสารคามได้มีมติให้จัดตั้ง "วิทยาลัยการเมืองการปกครอง (College of Politics and Governance)" ขึ้นเป็นหน่วยงานที่มีฐานะเทียบเท่าคณะวิชา โดยการผนวก 3 หน่วยงานสังกัดคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้แก่ ภาควิชารัฐศาสตร์, ศูนย์ข้อมูลการเมืองท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และโครงการจัดตั้งหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต เข้าด้วยกัน ซึ่งได้รับการอนุมัติจัดตั้งในการประชุมครั้งที่ 6/2546 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2546[5] และประกาศลงในระเบียบมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ว่าด้วยวิทยาลัยการเมืองการปกครอง พ.ศ. 2546[6] ในคราวประชุมครั้งที่ 7/2546 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2546 โดยแบ่งหน่วยงานเป็นสำนักงานเลขานุการคณะและงานวิชาการ วิชาโทรัฐศาสตร์จึงได้รับอนุมัติให้เปิดสอนเป็น หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต (ร.บ.) และโครงการจัดตั้งหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต ก็ได้รับอนุมัติเป็นหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รป.ม.) และเปิดรับนิสิตเข้าศึกษาอย่างเป็นทางในปี 2547 เป็นรุ่นแรก วิทยาลัยการเมืองการปกครอง จึงกลายเป็นคณะวิชาด้านรัฐศาสตร์แห่งแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เปิดสอนหลักสูตรวิชาต่างๆ ในด้านรัฐศาสตร์ ได้แก่[7]
ระดับปริญญาตรี หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต (ร.บ.) สาขาวิชาการเมืองการปกครอง สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ และสาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต (น.บ.) สาขาวิชานิติศาสตร์, หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) สาขาวิชาสิทธิมนุษยชนศึกษา และรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต (รป.บ.) สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น
ระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รป.ม.) สาขาวิชานโยบายสาธารณะ และรัฐศาสตรมหาบัณฑิต (ร.ม.) สาขาวิชาการเมืองการปกครอง
วิทยาลัยการเมืองการปกครองเป็นคณะในกลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ที่ก่อตั้งขึ้นในช่วงปลายสมัยที่ 2 ของศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ในการดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (พ.ศ. 2538 - 2545) ในช่วงแรกของการดำเนินงานนั้น วิทยาลัยการเมืองการปกครองได้อาศัยใช้อาคารราชนครินทร์เป็นสถานที่ทำการเรียนการสอนชั่วคราว และปัจจุบันวิทยาลัยการเมืองการปกครองย้ายมาตั้งอยู่ที่อาคารวิทยบริการ (อาคาร D) เป็นการถาวร
ปีการศึกษา 2557 วิทยาลัยการเมืองการปกครอง เห็นว่าสาขานิติศาสตร์มีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาจากสาขาในวิทยาลัยการเมืองการปกครองขึ้นเป็นคณะนิติศาสตร์ได้[8] อันจะเป็นประโยชน์ต่อนิสิตซึ่งเป็นผู้เรียนและการจัดโครงสร้างการเรียนการสอนและการบริหารจัดการที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สภามหาวิทยาลัยมหาสารคามจึงได้อนุมัติแผนการจัดตั้งคณะนิติศาสตร์ ภายในปี พ.ศ. 2557 และได้มีมติให้จัดตั้ง "คณะนิติศาสตร์ (Faculty of Law)" เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เป็นคณะวิชาลำดับที่ 20 ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ปัจจุบัน วิทยาลัยการเมืองการปกครอง เป็นหน่วยงานนอกระบบราชการในกำกับของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม แบ่งการบริหารงานออกเป็นสำนักงานเลขานุการวิทยาลัยการเมืองการปกครองและสาขาวิชารัฐศาสตร์ จัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี โทและเอกทั้งสิ้น 3 หลักสูตร 3 สาขาวิชา 7 วิชาเอกและในปีการศึกษา 2563 มีบุคคลากรทั้งหมดรวม 68 คน มีจำนวนนิสิตทั้งหมด 3,245 คน[9]
อัตลักษณ์
แก้-
ตราโรจนากรวิทยาลัยการเมืองการปกครอง -
ตราสิงห์น้ำตาล
- ที่มาของชื่อคณะ
วิทยาลัยการเมืองการปกครอง เป็นหน่วยงานด้านรัฐศาสตร์ที่ไม่ได้ใช้ชื่อคณะว่ารัฐศาสตร์ สำหรับที่มาของชื่อคณะ เกิดจากแนวคิดที่ต้องการตั้งชื่อคณะให้มีความแตกต่าง และไม่ให้ซ้ำซ้อนกับชื่อคณะรัฐศาสตร์ที่ปรากฏทั่วไปตามมหาวิทยาลัยอื่นๆ เห็นตัวอย่างจากกรณีของชื่อมหาวิทยาลัย “ธรรมศาสตร์และการเมือง” จึงเห็นควรตั้งชื่อเป็น “วิทยาลัยการเมืองการปกครอง” ผลของการดำเนินการระยะแรกปรากฏว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนักเรียนภาคอีสานส่วนใหญ่หากเลือกเรียนด้านรัฐศาสตร์มักนิยมเดินทางไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ดังนั้น เมื่อมหาวิทยาลัยมหาสารคามเปิดสาขารัฐศาสตร์ จึงเป็นการสร้างทางเลือกในการศึกษาแก่คนในภูมิภาค รวมทั้งยังเป็นการผลิตแรงงานตอบสนองต่อหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น[10]
- สีประจำคณะ
สีน้ำตาลอ่อน
- สมญานาม
ราชสีห์แห่งที่ราบสูง
- สัญลักษณ์ประจำคณะ
สัญลักษณ์ประจำวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้แก่ "สิงห์น้ำตาล" โดย "สิงห์" หมายถึง ผู้ปกครองดั่งราชสีห์ ผู้เป็นจ้าวแห่งป่า และ "สีน้ำตาล" หมายถึง สีแห่งแผ่นดินของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ที่ราบสูงโคราช) และสีประจำคณะ
“สิงห์” เป็นตราประจำกระทรวงมหาดไทยในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงโปรดให้ชำระสะสางระเบียบราชการซึ่งเคยมีอยู่มากมาย แต่กระจัดกระจายหายไปบางส่วนครั้งเสียกรุงแก่พม่า ครั้นชำระแล้วให้ประทับตราพระราชสีห์ (สิงห์) พระคชสีห์ บัวแก้ว ไว้ทุกเล่มเป็นสำคัญเรียกกฎหมายนี้ว่า “กฎหมายตรา 3 ดวง” และ“สิงห์” ได้กลายมาเป็นตราสัญลักษณ์ของบุคลากรสายงานด้านปกครองที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนานของประเทศ ทำให้ถือเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ควบคู่กับสายงานด้านการปกครองป้องกันของประเทศไทย รวมทั้งสถาบันการศึกษาที่จัดการเรียนการสอนเกี่ยวข้องกับสายงานด้านการปกครองไม่ว่าจะอยู่ในระดับคณะ ภาควิชา หรือสาขาวิชาทางด้านรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ นำโดยคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ในปี พ.ศ. 2491 (สิงห์ดำ) ติดตามด้วยคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (สิงห์แดง) ในปีถัดมา จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2508 ก็ได้มีการจัดตั้งภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (คณะรัฐศาสตร์ฯ ในปัจจุบัน) (สิงห์ขาว)
ในปี พ.ศ. 2547 มหาวิทยาลัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มมีการให้ความสำคัญในวิชาทางด้านรัฐศาสตร์มากขึ้น โดยมีมหาวิทยาลัยมหาสารคามเป็นผู้เริ่มพัฒนาการศึกษาทางด้านรัฐศาสตร์ โดยจัดตั้งวิทยาลัยการเมืองการปกครอง (สิงห์น้ำตาล) และภายในปี พ.ศ. 2548 จึงเริ่มมีการจัดการเรียนการสอนสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ในมหาวิทยาลัยขอนแก่น (สิงห์มอดินแดง) และมีการจัดตั้งคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (สิงห์แสด) ขึ้น[11]
หน่วยงานภายใน
แก้ การบริหารงานภายในวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม | |||
---|---|---|---|
ด้านการบริหารงาน | ด้านการเรียนการสอน | ด้านการวิจัยและพัฒนา | |
|
|
|
หลักสูตร
แก้ปัจจุบัน วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทำการเรียนการสอนใน 3 หลักสูตร 3 สาขาวิชา ประกอบด้วย
หลักสูตรที่เปิดสอนในวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม | |||
---|---|---|---|
ระดับปริญญาบัณฑิต | ระดับปริญญามหาบัณฑิต | ระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต | |
|
หลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต (ร.ม.)
|
หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (ปร.ด.)
|
หลักสูตรที่เคยทำการเรียนการสอน
- หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต (น.บ.) สาขาวิชานิติศาสตร์ ปัจจุบันคือคณะนิติศาสตร์
- หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (ศศ.บ.) สาขาวิชาสิทธิมนุษยชนศึกษา ปัจจุบันเลิกทำการเรียนการสอน
- หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต (รป.บ.) สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น ปัจจุบันเลิกทำการเรียนการสอน
- หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (รป.ม.) สาขาวิชานโยบายสาธารณะ ปัจจุบันทำการสอนในหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต (ร.ม.) วิชาเอกบริหารรัฐกิจและนโยบายสาธารณะ
สาขาวิชา
แก้วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มีสาขาวิชาเอกต่างๆ ดังนี้
สาขาวิชาเอกในวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม | |||
---|---|---|---|
สาขาวิชาเอกรัฐประศาสนศาสตร์ Major in Public Administration |
สาขาวิชาเอกการเมืองการปกครอง Major in Politics and Governance |
สาขาวิชาเอกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ Major in International Relations | |
|
|
|
สถานที่ตั้งและพื้นที่
แก้วิทยาลัยการเมืองการปกครอง ตั้งอยู่ที่อาคารวิทยบริการ D มีอาณาเขตอยู่ภายในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เขตพื้นที่ขามเรียง (ม.ใหม่) ติดกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์และสำนักวิทยบริการ อยู่ตรงข้ามกับอาคารบรมราชกุมารี ที่ตั้งของสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มีพื้นที่ลานอัฐศิลป์หรือลานแปดเหลี่ยม เป็นสถานที่ทำกิจกรรมหลักและเป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของคณะ
อาคารวิทยบริการ D หรืออาคารเทคโนโลยีสารสนเทศและศูนย์บริการเครือข่าย (อาคาร D) มีวงเงินงบประมาณที่ก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 94,700,000 บาท เลขที่สัญญาจ้างจ.49/2547 เริ่มมีการทำสัญญาจ้างลงเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2547 วันสิ้นสุดสัญญาจ้างวันที่ 19 กรกฎาคม 2549 ผู้ออกแบบคือคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ บริษัทที่ปรึกษาผู้ควบคุมงานคือ บริษัท เซ้าท์อี๊สท์เอเชียเทคโนโลยี จำกัด บริษัทผู้รับจ้างคือ บริษัท กำจรกิจก่อสร้าง จำกัด มีลักษณะอาคารจะเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสูงทั้งหมด 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอยรวม 11,000 ตารางเมตร
ปัจจุบันอาคารเทคโนโลยีสารสนเทศและศูนย์บริการเครือข่าย (อาคาร D) ประกอบด้วย[13]
- ชั้น 1 ห้องสมุด สีดา สอนศรี, ศูนย์อาหาร, สหกรณ์ออมทรัพย์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ศูนย์รับถ่ายเอกสาร
- ชั้น 2 ห้องสโมสรนิสิตวิทยาลัยการเมืองการปกครอง, ห้องเรียน, ห้องนั่งสมาธิ, ห้องซ้อมดนตรี, ห้องศูนย์จัดการข้อมูลสาธารณะ
- ชั้น 3 สำนักงานวิทยาลัยการเมืองการปกครอง, ห้องแนะแนวนิสิต, ห้องศูนย์คอมพิวเตอร์
- ชั้น 4 ห้องประชุม ทองใบ ทองเปาด์, ห้องประชุม ศาสตราจารย์บุญชนะ อัตถากร, ห้องประชุม จำลอง ดาวเรือง, ห้องเรียน
- ศูนย์ศึกษาการเมืองท้องถิ่นอีสานและอาเซียน
- ศูนย์ศึกษาสิทธิมนุษยชนและสันติวิธี
- ศูนย์พัฒนานโยบายสาธารณะเชิงสร้างสรรค์
- โครงการผลิตวารสารการเมืองการปกครอง ( TCI กลุ่ม1 )
- 1 คณะ 1 ศิลปวัฒนธรรม 1 หลักสูตร 1 ชุมชน
- ห้องสมุดสีดา สอนศรี
ห้องสมุดสีดา สอนศรี
แก้ห้องสมุดสีดา สอนศรี เริ่มแรกเป็น ห้องสมุดภายในวิทยาลัยการเมืองการปกครองซึ่งอยู่ที่ชั้น 2 ของวิทยาลัย ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2552 ได้ทำการย้ายห้องสมุดลงมายังชั้น 1 ตามเจตนารมณ์ ของผู้บริหาร ณ ขณะนั้นที่อยากให้ห้องสมุดเป็นสถานที่ที่เข้าถึงง่าย สะดวก เพื่อ ให้นิสิตและผู้สนใจเข้ามาใช้บริการกันอย่างกว้างขวาง โดยให้บริการหนังสือด้าน รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาเซียน กฎหมาย และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ต่อมาในปี 2560 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ห้องสมุดสีดา สอนศรี เพื่อเป็นการเชิดชูดเกียรติ รศ.สีดา สอนศรี (อดีตคณบดีวิทยาลัยการเมืองการปกครอง ปี 2552-2560) โดยห้องสมุดสีดา สอนศรี ได้บริการแก่ผู้ใช้ ซึ่งได้แก่ อาจารย์ นิสิตทั้งภายใน และภายนอกวิทยาลัย และนักศึกษาต่างมหาวิทยาลัยด้วย โดยภายในห้องสมุดมีการแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่
- ส่วนที่ 1 ห้องที่อยู่ด้านในที่มีหนังสือเป็นโซนชื่อว่า “โซนเงียบกริบ” ให้บริการนั่งอ่านและค้นคว้าหนังสือภายใต้ความเงียบ ห้ามใช้เสียง
- ส่วนที่ 2 เป็นห้องอาเซียน ซึ่งรวบรวมทรัพยากรเกี่ยวกับอาเซียนและท้องถิ่นในห้องนี้
- ส่วนที่ 3 ห้องโซนด้านนอกชื่อ “โซนกระซิบได้” โซนนี้สามารถใช้เสียงได้นิดหน่อย เพื่อให้นิสิตสามารถทำงานในห้องสมุดได้สะดวกขึ้น
- ส่วนที่ 4 เป็นห้องประชุมเพื่อบริการกลุ่มนิสิตที่ต้องการปรึกษาหารือ ประชุม หรือทำงานกลุ่ม ซึ่งได้เปิดให้บริการในปีการศึกษา 2561
ทำเนียบคณบดี
แก้รายนามคณบดีวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบันมีดังนี้
รายนามคณบดี วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม | |||
ลำดับ | รายนามคณบดี | วาระการดำรงตำแหน่ง | |
---|---|---|---|
รักษาการ | ผศ.ดร.สมชัย ภัทรธนานันท์ | 17 ก.ค. 2546 - 16 ก.ค. 2548 | |
รักษาการ | ศ.นพ.อดุลย์ วิริยะเวชกุล ราชบัณฑิต | 17 ก.ค. 2549 - 31 ม.ค. 2551 | |
รักษาการ | ร.ต.อ.ดร.วิเชียร ตันศิริมงคล | 1 ก.พ. 2551 - 12 มี.ค. 2552[15] | |
1 | รศ.สีดา สอนศรี | 13 มี.ค. 2552 - 27 ก.พ. 2556 (วาระที่ 1)[16] | 28 ก.พ. 2556 - 23 ก.พ. 2560 (วาระที่ 2)[17] |
2 | ผศ.เชิงชาญ จงสมชัย | 24 ก.พ. 2560 - 19 มี.ค. 2564 (วาระที่ 1)[18] | |
3 | ผศ.กันตา วิลาชัย | 20 มี.ค. 2564 - 10 มี.ค. 2566[19] | |
รักษาการ | ผศ.ดร.กนกพร รัตนสุธีระกุล | 11 มี.ค. 2566 - 28 พ.ค. 2566[20] | |
4 | ผศ.เชิงชาญ จงสมชัย | 29 พ.ค. 2566 - ปัจจุบัน (วาระที่ 2)[21] |
ชีวิตนิสิต
แก้ชมรม
แก้ชมรมต่อไปนี้เป็นชมรมสังกัดสโมสรนิสิตวิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
- ชมรมสิงห์น้ำตาลอาสา
- ชมรมดนตรีโคแพก
- ชมรมโคแพกนิว
กิจกรรมและการสัมมนาของคณะ
แก้- กีฬา 5 วิด’สัมพันธ์
“กีฬา 5 วิด’สัมพันธ์”[22] เป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างวิทยาลัยการเมืองการปกครอง (วิดการเมือง), คณะวิทยาการสารสนเทศ (วิดยาการ), วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ (วิดดุ), คณะวิศวกรรมศาสตร์ (วิดวะ) และคณะวิทยาศาสตร์ (วิดยา) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) โดยมีจุดประสงค์ให้ทั้ง 5 คณะ เกิดความผูกพัน มิตรภาพไมตรี และเกิดความสามัคคีแน่นแฟ้นต่อกันมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังได้รับความสนุกสนามเพลิดเพลินและผ่อนคลาย
ส่วนในกีฬานั้นจะแบ่งออกเป็น 2ประเภท คือกีฬาสากล กับกีฬาพื้นบ้าน ส่วนในเรื่องของแสตนเชียร์และผู้นำเชียร์ได้มีการตกลงถึงกฎ กติกา มารยาทในการแข่งขันกีฬา เช่น มีชักกะเย่อ ส่งลูกปิงปอง และเพิ่มสีสันด้วยกีฬาผู้นำคือให้ผู้นำแต่ละคณะได้ลงมาทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งมีการโชว์สแตนด์เชียร์ จัดกีฬาพื้นบ้านขึ้นมา เพื่อให้น้องที่สแตนด์มีส่วนร่วมด้วยเป็นประจำทุกปี เรียกได้ว่าเป็นประเพณีไปแล้ว สำหรับการเวียนเจ้าภาพ จะเวียนเป็นวงกลมตามภูมิลักษณะของมหาวิทยาลัย เริ่มต้นจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาการสารสนเทศ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง และคณะวิทยาศาสตร์ ตามลำดับ
- โคแพกเกมส์
เป็นกิจกรรมกีฬาภายในวิทยาลัยการเมืองฯ จัดโดยสโมสรนิสิตร่วมกับคณะกรรมการทั้ง 3 สาขาวิชาเอก มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสามัคคีของสาขาวิชาต่าง ๆ นอกจากจะมีการแข่งขันกีฬาชนิดต่าง ๆ แล้ว ยังมีการแข่งขันสแตนด์เชียร์ หรือบางปีจัดเป็นกิจกรรมเต้นสันทนาการ และผู้นำเชียร์
- กิจกรรมและค่ายสาขาวิชาเอก
ในแต่ละสาขาวิชาเอก จะมีการจัดกิจกรรมและค่ายของสาขาตนเองขึ้น เช่น
- สิงห์บริหารสัมพันธ์ สาขา PA
- กิจกรรมเปิดถ้ำสิงห์ สาขา PO
- ค่ายรัฐศาสตร์สานสัมพันธ์ IR
กิจกรรมและการสัมมนาระหว่างมหาวิทยาลัย
แก้- สิงห์อีสานสัมพันธ์
เป็นกิจกรรมที่มี นักศึกษา หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต และหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต ทั่วภาคอีสาน กิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้แต่ละสถาบันการศึกษา ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิด และประสบการณ์ในการพัฒนากิจกรรมเสริมหลักสูตรของแต่ละสถาบัน การแสดงผลงานทางวิชาการ และสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างสถาบัน[23]
- สิงห์ตักสิลาสัมพันธ์
เป็นกิจกรรมการสัมมนาและแข่งขันกีฬา ระหว่าง คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กับ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยสลับกันเป็นเจ้าภาพ จัดครั้งแรกในปี 2560 ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ภายในงานมีกิจกรรมสันทนาการและการเล่นกีฬาพื้นบ้าน การแข่งขันกีฬาฟุตบอล และพิธีมอบธงกีฬาสัมพันธ์ โดยมีนิสิตนักศึกษาจากทั้ง 2 สถาบันเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนกว่า 150 คน[24]
- สิงห์ร้อยแก่นสารสินธุ์
เป็นกิจกรรมการสัมมนา ระหว่างมหาวิทยาลัยในเขตจังหวัด ร้อยเอ็ด, ขอนแก่น, มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ จัดครั้งแรกในปี 2566 ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
- สิงห์สัญจรสัมพันธ์
เป็นโครงการสืบเนื่องจาก สิงห์ร้อยแก่นสารสินธุ์ เป็นการขยายเครือข่ายนอกกลุ่มร้อยแก่นสารสินธุ์ ครั้งที่ 1 วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีมหาวิทยาลัยเข้าร่วม 6 มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยามหาสารคาม, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์, มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม, มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น
- กิจกรรมพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาต่างชาติ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรม (Outbound)
เป็นกิจกรรมการสัมมนาระหว่างประเทศของสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (IR) โดยปี 2566 จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติมาเลเซีย (Universiti Sains Malaysia) รัฐปีนัง สหพันธรัฐมาเลเซีย ซึ่งในปีก่อนหน้านั้นได้จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ความร่วมมือ
แก้วิทยาลัยการเมืองการปกครองได้ดำเนินงานตามพันธกิจด้านการเรียนการสอน การวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน โดยวิทยาลัยการเมืองการปกครองได้วางรากฐานทางปัญญาอย่างต่อเนื่องผ่านการจัดตั้งโครงการความร่วมมือต่างๆ ที่เน้นการเสริมสร้างความรู้คู่คุณธรรมและการทำงานเพื่อส่วนรวม อาทิ โครงการลงชุมชนของนิสิต โครงการติวนิสิต (Copag Tutor) โครงการให้นิสิตริเริ่มทำกิจการ (Copag Creative) โครงการสร้างวิทยาลัยสีเขียว (Copag Green) ตลอดจนได้จัด Copag Open House และ Copag Open Book เพื่อเปิดบ้านวิทยาลัยให้บุคคลภายนอกได้ทราบกิจกรรมต่าง ๆ ของวิทยาลัย รวมทั้งการทำความตกลงกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนตำบลวังแสง เพื่อทำกิจกรรมร่วมกันนอกจากนี้ วิทยาลัยการเมืองการปกครองได้ทำข้อตกลงร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาความรู้ทางวิชาการ เช่น คณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว, ผู้แทนจากลักแซมเบิร์ก, คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, องค์กรพัฒนาเอกชนทางด้านกฎหมาย (BABSEA CLE Foundation Thailand), เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม เพื่อร่วมมือทางวิชาการ แลกเปลี่ยนนิสิต อาจารย์ และผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น
อันดับ
แก้มหาวิทยาลัยมหาสารคามได้รับการจัดอันดับเป็นสถาบันที่มีสาขารัฐศาสตร์ที่ดีที่สุดอันดับที่ 14 ในประเทศไทย จัดอันดับโดยอีดียูแรงก์ (EduRank) ด้านปรัชญา อยู่ในอันดับที่ 15[25]
อ้างอิง
แก้- ↑ ราชกิจจานุเบกษา. การแบ่งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. 2518. 29 มีนาคม 2565.
- ↑ ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประวัติภาควิชารัฐศาสตร์. เก็บถาวร 2022-06-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน 29 มีนาคม 2565.
- ↑ สาร MSU Online. โครงการก่อสร้างอาคารเทคโนโลยีสารสนเทศและศูนย์บริการเครือข่าย (อาคาร D). 12 พฤษภาคม 2565.
- ↑ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, กองกลาง สำนักงานอธิการบดี : พระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทบวงมหาวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๓๘. สืบค้นเมื่อ 3 สิงหาคม 2564.
- ↑ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง เก็บถาวร 2021-05-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน สืบค้นเมื่อ 21 พฤษภาคม 2564
- ↑ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, ระเบียบมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ว่าด้วยวิทยาลัยการเมืองการปกครอง พ.ศ. 2546 สืบค้นเมื่อ 26 พฤษภาคม 2564.
- ↑ รัฐศาสตร์+การเมือง สืบค้นเมื่อ 21 พฤษภาคม 2564
- ↑ mgronline. "นิติศาสตร์ ม.มหาสารคามร้องขอแยกเป็นคณะ". สืบค้นเมื่อ March 29, 2019.
- ↑ สถิติจำนวนนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามปีการศึกษา 2563 โดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, สืบค้นเมื่อ 27 มีนาคม 2564.
- ↑ สาร MSU Online. ย้อนที่มาชื่อ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง. 12 พฤษภาคม 2565.
- ↑ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ทำไมต้องสิงห์. 25 กรกฎาคม 2565"
- ↑ COPAG. สำนักงานเลขานุการวิทยาลัยการเมืองการปกครอง. 28 กุมภาพันธ์ 2565.
- ↑ สาร MSU Online. อาคาร D วิทยาลัยการเมืองการปกครอง. 12 พฤษภาคม 2565.
- ↑ COPAG. ศูนย์บริการทางวิชาการ. 28 กุมภาพันธ์ 2565.
- ↑ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. คำสั่งมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ 297/2550. 23 มีนาคม 2564.
- ↑ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. คำสั่งมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ 876/2552. 23 มีนาคม 2564.
- ↑ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. คำสั่งมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ 817/2556. 23 มีนาคม 2564.
- ↑ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. คำสั่งมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ 690/2560. 23 มีนาคม 2564.
- ↑ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. กลุ่มงานประชุม. คำสั่งมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ 474/2564. 28 กุมภาพันธ์ 2565.
- ↑ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. กลุ่มงานประชุม. คำสั่งมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ 602/2566 28 มีนาคม 2566.
- ↑ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. กลุ่มงานประชุม. คำสั่งมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ 1368/2566. 28 พฤษภาคม 2566.
- ↑ สื่อมวลชล. “กีฬา 5 วิด’สัมพันธ์” สานสัมพันธ์ 5 คณะ มมส. เก็บถาวร 2022-10-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน สืบค้น 6 ตุลาคม 2565.
- ↑ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง. วิทยาลัยฯ ร่วมงานประเพณีเครือข่าย “สิงห์อีสานสัมพันธ์ ครั้งที่ 9” ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์. สืบค้นเมื่อ 28 มีนาคม 2566.
- ↑ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง. สิงห์ตักสิลาสัมพันธ์ครั้งที่ 2. สืบค้นเมื่อ 28 มีนาคม 2566.
- ↑ "23 Best universities for Education Majors in Thailand". edurank.org. สืบค้นเมื่อ October 12, 2023.