วัดศรีธรรมาราม (จังหวัดยโสธร)

วัดในจังหวัดยโสธร

วัดศรีธรรมาราม เดิมชื่อ วัดท่าชี, วัดนอก และวัดท่าแขกตามลำดับ เป็นพระอารามหลวง​ชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ตั้งอยู่ภายในเขตเทศบาลเมืองยโสธรอำเภอเมืองยโสธรจังหวัดยโสธร​ เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองคือ พระคัมภีร์พระพุทธเจ้า หรือพระพุทธมงคลรุ่งโรจน์ (หลวงพ่อพระสุก) มีพระครูประสิทธิ์สีลคุณ (ประสิทธิ์ กันตสีโล) เป็นเจ้าอาวาส

วัดศรีธรรมาราม
แผนที่
ชื่อสามัญวัดศรีธรรม , วัดท่าชี
ที่ตั้งถนนวิทยะธำรงค์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร 35000
ประเภทพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ
นิกายธรรมยุติกนิกาย
พระพุทธรูปสำคัญพระคัมภีร์พระพุทธเจ้า หรือ พระพุทธมงคลรุ่งโรจน์ (ศิลปะล้านช้าง)
เจ้าอาวาสพระครูประสิทธิ์สีลคุณ (ประสิทธิ์ กันตสีโล)
จุดสนใจเจดีย์พระพุทธมงคลรุ่งโรจน์ และพิพิธภัณฑ์พระเทพสังวรญาณ (พวง สุขินฺทฺริโย)
กิจกรรมงานสรงน้ำพระพุทธมงคลรุ่งโรจน์ (ช่วงวันมหาสงกรานต์)
icon สถานีย่อยพระพุทธศาสนา

ประวัติ

แก้
 
พระอุโบสถวัดศรีธรรมาราม

วัดศรีธรรมาราม สร้างครั้งแรกประมาณปี พ.ศ. 2395 ในสมัยรัชกาลที่ 4 มูลเหตุของการสร้างวัดมาจากการสิ้นชีวิตของครอบครัวเจ้าอุปราชบุตร และเจ้าคำม่วน ซึ่งเป็นญาติของพระสุนทรราชวงศาฯ (เจ้าฝ่ายบุต) เจ้าผู้ครองเมืองยศสุนทร องค์ที่ 3 ด้วยความอาลัยรันทดในวิบากกรรมของท่านทั้งหลายนั้น เจ้าผู้ครองเมืองจึงได้สร้างวัดนี้ไว้เพื่อเป็นที่รำลึก​ ด้วยท่านเหล่านั้นได้สิ้นชีวิตจากการถูกประหารใน "คุกเพลิง" ระหว่างสงครามปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์​ และได้สร้างพระอุโบสถครอบสถานที่ทำการประหาร ชื่อวัดจึงบอกถึงความหมายและความเป็นมา หลังจากการสร้างวัดแล้วก็มีการเปลี่ยนชื่อวัดหลายต่อหลายครั้ง

ปี พ.ศ. 2416 พระสุนทรราชวงศาฯ (เจ้าเหม็น) ได้นำไพร่พลชาวเมืองยศสุนทรมาบูรณปฏิสังขรณ์วัดต่อจากพระบิดา เปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็น วัดศรีธรรมหายโศก และเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จประพาสเมืองยศสุนทรในปี พ.ศ. 2449 จึงโปรดให้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดอโศการาม ต่อมาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงโปรดประทานชื่อให้ใหม่ว่า วัดสร่างโศกเกษมสันต์ จนมาปี พ.ศ. 2500 พระครูพิศาลศีลคุณ (บุญสิงห์ สีหนาโท) เป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้นได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัด และเปลี่ยนชื่อเสียใหม่ว่า วัดศรีธรรมาราม ตราบจวบจนปัจจุบัน

ตำนานหลวงพ่อพระสุก

แก้
 
พระคัมภีรพุทธเจ้า หรือพระพุทธมงคลรุ่งโรจน์ (หลวงพ่อพระสุก)

ได้มีการรวบรวมข้อมูลจากเอกสารหลายแห่ง ร่วมทั้งจากการสอบถามพยานบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ มาจัดทำเป็นหนังสือ "เจดีย์พระสุกและพิพิธภัณฑ์พระเทพสังวรญาณ" เพื่อเป็นที่ระลึกงานสมโภชเจดีย์พระสุกและพิพิธภัณฑ์พระเทพสังวรญาณ เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2559 ใจความบางส่วนจากหนังสือที่ระลึก คือ ตามประวัติและหลักฐานที่จารึกไว้เล่าว่า ผู้ที่นำหลวงพ่อพระสุกมามอบไว้ให้ที่วัดศรีธรรมาราม คือ พระยาอุดรธานีศรีโขมสาครเขตต์ (จิตร จิตตะยโศธร) ต้นตระกูลจิตตะยโศธร ซึ่งชีวิตในวัยเด็กของท่านมีความผูกพันกับวัดศรีธรรมาราม และเมืองยโสธรเป็นอย่างมาก ในช่วงที่ท่านดำรงตำแหน่งปลัดมณฑลอุดร ช่วงปี พ.ศ. 2467 ท่านได้ใช้ให้นักโทษต้องโทษประหารจำนวน 8 คน ไปค้นหาพระสุกจากลำน้ำโขง หากทำสำเร็จก็จะได้รับการละเว้นโทษตาย ซึ่งปรากฏว่านักโทษงมหาหลวงพ่อพระสุกจนพบ และสามารถอัญเชิญขึ้นมาได้ แต่เรื่องราวนี้ไม่เป็นที่เปิดเผย

จากบันทึกรายการทรัพย์สินในพระอุโบสถวัดศรีธรรมาราม คราวที่พระครูวิจิตตวิโสธนาจารย์ (ทองพูล โสภโณ) เจ้าอาวาสลำดับที่ 2 บูรณะพระอุโบสถ (ช่วงปี พ.ศ. 2467 – พ.ศ. 2473) รายการทรัพย์สินลำดับที่ 5 ได้มีการบันทึกไว้ว่า มีพระปางสมาธิพระนามว่า คำภีรพุทธเจ้า ฐานเป็นเรือนแก้ว หน้าตักกว้าง 27 นิ้วฟุต นับรวมตั้งฐานสูง 41 นิ้วฟุต สร้างแต่ยุคเวียงจันทน์ยังดำรงเอกราช เป็นพระขัดเงา พระยาอุดรธานีศรีโขมสาครเขตต์เป็นเจ้าของ ราคาประมาณ 800 บาท จากเอกสารนี้ทำให้ทราบว่า พระยาอุดรธานีศรีโขมสาครเขตต์ได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์สำคัญมาประดิษฐาน ณ พระอุโบสถวัดศรีธรรมาราม คราวบูรณะพระอุโบสถ พ.ศ. 2467 – พ.ศ. 2473 เพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่พระอาจารย์มี คมฺภีโร บิดาของท่าน โดยใช้พระนามว่า คัมภีรพุทธเจ้า ซึ่งพ้องกับฉายาเดิมของบิดาท่าน

 
เจดีย์พระสุกและพิพิธภัณฑ์พระเทพสังวรญาณ (หลวงตาพวง สุขินฺทฺริโย) สถานที่ประดิษฐานพระสุกในปัจจุบัน
 
ภายในเจดีย์พระสุกและพิพิธภัณฑ์พระเทพสังวรญาณ (หลวงตาพวง สุขินฺทฺริโย)

เรื่องราวเกี่ยวกับพระสุกนี้อาจจะคลุมเครือ แต่องค์ที่ประดิษฐาน ณ เจดีย์พระสุกและพิพิธภัณฑ์พระเทพสังวรญาณมีลักษณะเป็นจริงที่สุด คือ ลักษณะขององค์พระที่อ่อนช้อย งดงาม ตามแบบศิลปล้านช้าง เนื้อองค์พระมีความเก่าและความหนัก บริเวณฐานมีร่องรอยกัดกร่อนด้วยจมน้ำเป็นเวลานาน (ราว 100 ปี จาก พ.ศ. 2371 – 2467 โดยประมาณ) รอยคราบโคลนยังปรากฏให้เห็น ผู้ที่อัญเชิญมาคือพระยาอุดรธานีฯ อดีตเจ้าเมืองอุดร ซึ่งเป็นข้าฯ พระบาทที่ใกล้ชิดของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ (พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย) และมีหลักฐานว่า สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงลงความเห็นเกี่ยวกับพระสุก พระเสริม พระใส ว่าเป็นพระพุทธรูปล้านช้างที่งดงามยิ่งกว่าพระพุทธรูปองค์อื่นๆ และทรงสันนิษฐานว่า อาจเป็นพระพุทธรูปที่สร้างจากเมืองหนึ่งเมืองใดทางตะวันออกของอาณาจักรล้านช้าง และต่อมาตกอยู่ในเขตล้านช้าง หรืออาจสร้างขึ้นในเขตล้านช้างโดยฝีมือชาวลาวพุงขาวล้านช้าง ซึ่งเป็นไปได้ว่าพระองค์ทรงเคยเห็นพระพุทธรูปทั้ง 3 พระองค์นี้ ท่านพระยาอุดรธานีฯ ถือได้ว่าเป็นนักประวัติศาสตร์ เพราะได้ติดตามสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพมาตลอด ทำให้ทราบถึงความสำคัญของพระสุก และสามารถค้นพบ และได้อัญเชิญมาไว้ที่วัดศรีธรรมารามแห่งเมืองยโสธร เพื่อเป็นอนุสรณ์แทนคุณแผ่นดินเกิดของท่านและเมืองยโสธร มีประวัติศาสตร์เกี่ยวพันกับเมืองเวียงจันทน์ และนครจำปาศักดิ์มาช้านาน

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เคยเสด็จมาที่วัดศรีธรรมารามแห่งนี้ และให้เปลี่ยนชื่อวัดจากวัดศรีธรรมหายโศก เป็นวัดอโสการาม ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นวัดศรีธรรมาราม

 
พระเทพสังวรญาณ (พวง สุขินฺทฺริโย) อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีธรรมาราม

พระราชสุทธาจารย์ (รักษาการเจ้าอาวาสวัดศรีธรรมาราม ณ พ.ศ. 2559) เคยเล่าว่า พระเทพสังวรญาณ (พวง สุขินฺทฺริโย) อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีธรรมาราม ได้กล่าวย้ำกับท่านหลายครั้งว่า "นี่แหละหลวงพ่อพระสุก นี่แหละหลวงพ่อพระสุก"

เมื่อครั้งที่พระเทพสังวรญาณ (พวง สุขินฺทฺริโย) ยังมีชีวิตอยู่ ท่านมีความปรารถนาที่จะสร้างวิหารเพื่อเป็นที่ประดิษฐานแห่งองค์พระสุก แต่เนื่องจากราคาค่าก่อสร้างสูงเป็นสิบๆ ล้านบาท ท่านจึงพิจารณาว่าคงเป็นไปได้ยาก เพราะการรับกิจนิมนต์แต่ละครั้งของทาน ชาวบ้านได้ทำบุญด้วยความศรัทธาตามกำลังของชาวบ้าน จึงเกรงว่าจะก่อให้เกิดความยุ่งยากลำบากใจในภายหลัง ท่านจึงเก็บรักษาพระสุกไว้เป็นอย่างดี คอยย้ายที่ประดิษฐานและใช้ชื่อพระคัมภีรพุทธเจ้าและพระพุทธมงคลรุ่งโรจน์แทนชื่อพระสุก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจป้องกันมีให้ผู้ใดมาลักขโมยองค์พระ ภายหลังจึงได้มีการทำเรื่องส่งให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี ทำการขึ้นทะเบียนพระคัมภีรพุทธเจ้า หรือพระพุทธมงคลรุ่งโรจน์ (หลวงพ่อพระสุก) ไว้เป็นโบราณวัตถุของชาติ เมื่อ พ.ศ. 2548

ภายหลังการมรณภาพของพระเทพสังวรญาณ (พวง สุขินฺทฺริโย) คณะศิษยานุศิษย์ได้ร่วมใจกันสร้างพระเจดีย์ขึ้นภายในพื้นที่วัดศรีธรรมาราม เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระสุก และจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์บริขารและสถานที่ประดิษฐานอัฐิธาตุของพระเทพสังวรญาณ (พวง สุขินฺทฺริโย) ใช้เวลาในการก่อสร้าง 3 ปี จึงแล้วเสร็จ หน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดยโสธรจึงได้ร่วมกันจัดพิธีสมโภชพระสุกอย่างยิ่งใหญ่ และได้อัญเชิญพระสุกมาประดิษฐานไว้เป็นพระประธานในองค์เจดีย์เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 และกระทำพิธีฉลองและเปิดเจดีย์พระสุกและพิพิธภัณฑ์พระเทพสังวรญาณอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2559

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้

[1] [2] [3]

  1. dharma-gateway.com
  2. วัดศรีธรรมาราม (จังหวัดยโสธร)
  3. วัดศรีธรรมาราม (จังหวัดยโสธร)