ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติก พ.ศ. 2562
ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติก พ.ศ. 2562 คือช่วงของฤดูกาลที่เคยมีการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนในซีกโลกเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นปีที่สี่ติดต่อกันแล้วที่มีกิจกรรมของฤดูกาลสูงกว่าค่าเฉลี่ยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 และเท่ากับเมื่อปี พ.ศ. 2512 และเป็นฤดูกาลที่มีการใช้ชื่อพายุมากที่สุดเป็นอันดับที่สี่ ในบรรดาฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติกที่มีการบันทึกไว้ด้วย โดยมีพายุได้รับชื่อ 18 ลูก และมีพายุหมุนเขตร้อนทั้งสิ้น 20 ลูก แม้ว่าหลายลูกจะเป็นพายุกำลังอ่อนและมีช่วงชีวิตที่สั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายของฤดูกาลก็ตาม ฤดูกาลอย่างเป็นทางการนั้นเริ่มนับในวันที่ 1 มิถุนายน และสิ้นสุดในวันที่ 30 พฤศจิกายน วันเหล่านี้เป็นขอบระยะเวลาตามประวัติศาสตร์ที่จะมีพายุก่อตัวขึ้นมากที่สุดในแอ่งแอตแลนติก อย่างไรก็ตามการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนสามารถก่อตัวได้ทุกเวลาในปี ซึ่งแสดงให้เห็นในฤดูกาลนี้ด้วยการก่อตัวขึ้นของพายุกึ่งโซนร้อนแอนเดรียในวันที่ 20 พฤษภาคม โดยเป็นเวลาห้าปีติดต่อกันมาแล้ว ที่มีพายุหมุนเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อนก่อตัวขึ้นก่อนวันเริ่มฤดูกาลอย่างเป็นทางการ ทำลายสถิติเดิมที่ช่วงปี พ.ศ. 2494–2497 ทำไว้[1] นอกจากนี้ปีนี้ยังเป็นปีที่สองติดต่อกันแล้ว ที่ไม่มีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวในเดือนมิถุนายนเลย
ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติก พ.ศ. 2562 | |
---|---|
แผนที่สรุปฤดูกาล | |
ขอบเขตฤดูกาล | |
ระบบแรกก่อตัว | 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 |
ระบบสุดท้ายสลายตัว | 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 |
พายุมีกำลังมากที่สุด | |
ชื่อ | โดเรียน |
• ลมแรงสูงสุด | 185 ไมล์/ชม. (295 กม./ชม.) (เฉลี่ย 1 นาที) |
• ความกดอากาศต่ำที่สุด | 910 มิลลิบาร์ (hPa; 26.87 inHg) |
สถิติฤดูกาล | |
พายุดีเปรสชันทั้งหมด | 20 ลูก |
พายุโซนร้อนทั้งหมด | 18 ลูก |
พายุเฮอริเคน | 6 ลูก |
พายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ (ระดับ 3 ขึ้นไป) | 3 ลูก |
ผู้เสียชีวิตทั้งหมด | ≥ 98 คน |
ความเสียหายทั้งหมด | > 1.198 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงิน USD ปี 2019) |
พายุเฮอริเคนลูกแรกของฤดูกาลชื่อว่า แบร์รี ก่อตัวขึ้นในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ทางด้านเหนือของอ่าวเม็กซิโก และเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่รัฐลุยเซียนาของสหรัฐ จากนั้นกิจกรรมของแอ่งเว้นว่างไปเป็นเวลาห้าสัปดาห์ ก่อนที่จะเริ่มขึ้นอีกครั้งในเดือนสิงหาคม โดยมีพายุก่อตัวขึ้นบ้าง รวมทั้งพายุเฮอริเคนโดเรียน ซึ่งส่งผลกระทบกับหมู่เกาะวินด์เวิร์ดและหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐในฐานะพายุหมุนเขตร้อนที่มีกำลังแรง และจากนั้นได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุเฮอริเคนระดับ 5 อย่างรวดเร็วขณะกำลังประชิดประเทศบาฮามาส ซึ่งสร้างความเสียหายให้เกาะที่อยู่ทางปลายสุดด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปยังอีสเทิร์นซีบอร์ดต่อ และสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก
ในเดือนกันยายน พายุโซนร้อนเฟอร์นันด์ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วใกล้กับชายฝั่งเม็กซิโก และได้พัดขึ้นฝั่งในรัฐตาเมาลิปัสของประเทศเม็กซิโก ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันอย่างรุนแรงไปทั่วทั้งรัฐ พายุเฮอริเคนอุมเบร์โตทำให้เกิดฝนตกอย่างหนักและมีลมแรงระดับเฮอริเคนไปถึงเบอร์มิวดาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พายุเฮอริเคนนิโคลในปี พ.ศ. 2559 ต่อมาพายุโซนร้อนอีเมลดาก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในอ่าวเม็กซิโก ก่อนจะพัดขึ้นฝั่งในรัฐเท็กซัส ทำให้เกิดอุทกภัยขึ้นในพื้นที่ ขณะที่พายุเฮอริเคนลอเรนโซได้กลายเป็นพายุระดับ 5 ที่อยู่ทางด้านตะวันออกสุดในบันทึกของพายุเฮอริเคนแอตแลนติก และทำให้เรือสัญชาติฝรั่งเศสชื่อ Bourbon Rhode อับปางลงหลังจากที่แล่นผ่านตัวพายุ นอกจากนี้พายุเนสตอร์ยังทำให้เกิดเหตุการณ์พายุทอร์เนโดพัดถล่มไปทั่วทั้งด้านตะวันตกของรัฐฟลอริดา ในช่วงกลางเดือนตุลาคม ทำให้เกิดความเสียหายปานกลางในพื้นที่ที่เคยได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไมเคิลเมื่อปีก่อน พายุเฮอริเคนลูกสุดท้าย คือ พายุเฮอริเคนปาโปล กลายเป็นพายุเฮอริเคนที่ก่อตัวขึ้นทางตะวันออกที่สุดนับตั้งแต่พายุเฮอริเคนวินซ์ พายุโดเรียนและโลเรนโซ ทำให้ฤดูกาลกลายเป็นฤดูกาลที่สี่ติดต่อกันแล้วที่มีพายุอย่างน้อยหนึ่งลูกเป็นพายุเฮอริเคนระดับ 5 (แมตทิวในปี 2559, ไอร์มาและมารีอาในปี 2560 และไมเคิลในปี 2561) และยังเป็นหนึ่งในเจ็ดฤดูกาลที่มีพายุเฮอริเคนระดับ 5 หลายลูกด้วย
การพยากรณ์ฤดูกาล แก้
ข้อมูล | วันที่ | พายุที่ ได้รับชื่อ |
พายุเฮอริเคน | พายุเฮอริเคน ขนาดใหญ่ | |
ค่าเฉลี่ย (2524–2553[2]) | 12.1 | 6.4 | 2.7 | ||
สถิติสูงที่สุด | 28 ลูก | 15 ลูก | 7 ลูก | ||
สถิติต่ำที่สุด | 4 ลูก | 2† ลูก | 0† ลูก | ||
––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––– | |||||
TSR[3] | 11 ธันวาคม 2561 | 12 ลูก | 5 ลูก | 2 ลูก | |
CSU[4] | 4 เมษายน 2562 | 13 ลูก | 5 ลูก | 2 ลูก | |
TSR[5] | 5 เมษายน 2562 | 12 ลูก | 5 ลูก | 2 ลูก | |
NCSU[6] | 16 เมษายน 2562 | 13–16 ลูก | 5–7 ลูก | 2–3 ลูก | |
UKMO[7] | 21 พฤษภาคม 2562 | 13 ลูก* | 7 ลูก* | 3 ลูก* | |
NOAA[8] | 23 พฤษภาคม 2562 | 9–15 ลูก | 4–8 ลูก | 2–4 ลูก | |
TSR[9] | 30 พฤษภาคม 2562 | 12 ลูก | 6 ลูก | 2 ลูก | |
CSU[10] | 4 มิถุนายน 2562 | 14 ลูก | 6 ลูก | 2 ลูก | |
UA[11] | 11 มิถุนายน 2562 | 16 ลูก | 8 ลูก | 3 ลูก | |
TSR[12] | 4 กรกฎาคม 2562 | 12 ลูก | 6 ลูก | 2 ลูก | |
CSU[13] | 9 กรกฎาคม 2562 | 14 ลูก | 6 ลูก | 2 ลูก | |
CSU[14] | 5 สิงหาคม 2562 | 14 ลูก | 7 ลูก | 2 ลูก | |
TSR[15] | 6 สิงหาคม 2562 | 13 ลูก | 6 ลูก | 2 ลูก | |
NOAA[16] | 8 สิงหาคม 2562 | 10–17 ลูก | 5–9 ลูก | 2–4 ลูก | |
––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––––– | |||||
เกิดขึ้นจริง |
18 ลูก | 6 ลูก | 3 ลูก | ||
* เฉพาะเดือนมิถุนายน–เดือนพฤศจิกายนเท่านั้น † ฤดูกาลล่าสุดของเหตุการณ์ลักษณะนี้ซึ่งขึ้นหลายครั้ง (ดูทั้งหมด) |
ทั้งก่อนหน้าและในระหว่างฤดูกาล หน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาระดับชาติหลายหน่วยงาน และองค์กรทางวิทยาศาสตร์ จะพยากรณ์จำนวนของพายุที่จะได้รับชื่อ (มีความรุนแรงถึงพายุโซนร้อน) จำนวนของพายุเฮอริเคน และพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ (ระดับ 3 ขึ้นไปตามมาตราของแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน) ที่จะก่อตัวขึ้นในระหว่างฤดูกาล และ/หรือ จำนวนของพายุหมุนเขตร้อนที่จะส่งผลกระทบกับประเทศต่าง ๆ หน่วยงานต่าง ๆ นั้น ประกอบด้วย องค์การความเสี่ยงพายุโซนร้อน (TSR) ของมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน, องค์การบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) และมหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโด (CSU) การพยากรณ์จะประกอบด้วยการพยากรณ์รายสัปดาห์และรายเดือน โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญด้านปัจจัย ที่จะกำหนดจำนวนของพายุโซนร้อน พายุเฮอริเคน และพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ภายในปีนั้น ๆ การพยากรณ์บางชิ้นจะคำนึงถึงกิจกรรมในฤดูกาลที่ผ่านมา และเหตุการณ์ลานีญาที่กำลังดำเนินอยู่ในตั้งแต่ก่อตัวในเดือนพฤศจิกายน 2560[17] โดยเฉลี่ย ฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติกในระหว่าง 2524 ถึง 2553 จะมีพายุโซนร้อนเกิดขึ้น 12 ลูก พายุเฮอริเคน 6 ลูก และพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 3 ลูก โดยมีดัชนีการสะสมพลังงานในพายุหมุน (ACE index) อยู่ระหว่าง 66 ถึง 103 หน่วย[2]
การคาดหมายก่อนฤดูกาล แก้
การพยากรณ์แรกถูกตีพิมพ์โดย TSR เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2561 โดยพยากรณ์ว่าฤดูกาล 2562 จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย มีจำนวนพายุโซนร้อน 12 ลูก พายุเฮอริเคน 5 ลูก และพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 2 ลูก เนื่องจากคาดว่าจะมีสภาพของเอลนีโญเกิดขึ้นในช่วงฤดูกาล[3] วันที่ 4 เมษายน 2562 มหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโดออกการคาดการณ์ของมหาวิทยาลัย โดยพยากรณ์ว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลที่ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย โดยมีพายุได้รับชื่อจำนวน 13 ลูก เป็นพายุเฮอริเคน 5 ลูก และเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 2 ลูก[4] ต่อมาในวันที่ 5 เมษายน องค์การความเสี่ยงพายุโซนร้อนได้ออกการพยากรณ์ฉบับปรับปรุง ซึ่งมีเนื้อความเช่นเดียวกับฉบับก่อนหน้า[5] วันที่ 16 เมษายน มหาวิทยาลัยรัฐนอร์ทแคโรไลนาได้ออกการพยากรณ์ตามมาเช่นกัน โดยพยากรณ์ว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย มีพายุได้รับชื่อ 13–16 ชื่อ เป็นพายุเฮอริเคน 5–7 ลูก และเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 2–3 ลูก[6] วันที่ 6 พฤษภาคม The Weather Company ได้พยากรณ์ว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย มีพายุได้รับชื่อ 14 ลูก เป็นพายุเฮอริเคน 7 ลูก และเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 3 ลูก[18] วันที่ 21 พฤษภาคม สำนักงานอุตุนิยมวิทยาสหราชอาณาจักร (UK Met Office) ได้ออกการพยากรณ์ฤดูกาล โดยคาดหมายว่าจะมีพายุที่ได้รับชื่อ 13 ลูก เป็นพายุเฮอริเคน 7 ลูก เป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 3 ลูก และมีดัชนีการสะสมพลังงานในพายุหมุนอยู่ที่ 109 หน่วย[7] วันที่ 23 พฤษภาคม องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐ (NOAA) ได้ออกการพยากรณ์ฉบับแรกของหน่วยงาน โดยระบุว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลที่ใกล้เคียงค่าปกติ ด้วยมีพายุที่ได้รับชื่อจำนวน 9–15 ลูก ซึ่งเป็นพายุเฮอริเคน 4–8 ลูก และเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 2–4 ลูก[8] วันที่ 30 พฤษภาคม องค์การความเสี่ยงพายุโซนร้อนได้ปรับปรุงการคาดการณ์ของหน่วยงาน โดยเพิ่มจำนวนของการคาดการณ์พายุเฮอริเคนเป็น 5 ถึง 6 ลูก[9]
การคาดหมายกลางฤดูกาล แก้
วันที่ 4 มิถุนายน มหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโดได้ปรับปรุงการคาดการณ์ของมหาวิทยาลัยฯ โดยเปลี่ยนเป็นมีพายุที่ได้รับชื่อ 14 ลูก ในจำนวนนั้นเป็นพายุเฮอริเคน 6 ลูก และในจำนวนพายุเฮอริเคนนั้นเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 2 ลูก ทั้งนี้หมายรวมไปถึงพายุกึ่งโซนร้อนแอนเตรียด้วย[10] ต่อมาวันที่ 11 มิถุนายน มหาวิทยาลัยรัฐแอริโซนา (UA) ได้ออกการคาดหมายว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลที่มีกิจกรรมสูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยมีพายุที่ได้รับชื่อจำนวน 16 ลูก ในจำนวนนั้นเป็นพายุเฮอริเคน 8 ลูก และในจำนวนพายุเฮอริเคนนั้นเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 3 ลูก และคาดว่ามีดัชนีการสะสมพลังงานพายุหมุนที่ 150 หน่วย[11] วันที่ 4 กรกฎาคม องค์การความเสี่ยงพายุโซนร้อนได้ออกการคาดหมายกลางฤดูฉบับแรกออกมา โดยยังคงจำนวนที่คาดการณ์ไว้เท่ากับฉบับก่อนหน้า[12] วันที่ 9 กรกฎาคม มหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโดได้ออกการคาดการณ์กลางฤดูฉบับที่สอง โดยยังคงจำนวนที่พยากรณ์ไว้เท่ากันกับฉบับก่อนหน้าของมหาวิทยาลัยฯ เช่นกัน[13] วันที่ 5 สิงหาคม มหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโดออกการคาดการณ์กลางฤดูฉบับที่สาม ทั้งนี้ยังคงจำนวนการพยากรณ์ไว้เท่าเดิมกับสองฉบับก่อนหน้า เว้นแต่จำนวนของพายุเฮอริเคนที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย[14] วันที่ 6 สิงหาคม องค์การความเสี่ยงพายุโซนร้อนได้ออกการคาดหมายฉบับที่สองและฉบับสุดท้ายของการคาดหมายกลางฤดู โดยมีการเปลี่ยนแปลงเพียงจำนวนของพายุที่ได้รับชื่อจาก 12 เป็น 13 ลูก.[15] วันที่ 8 สิงหาคม องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐได้ออกการคาดหมายฉบับที่สองของหน่วยงาน โดยเพิ่มโอกาสของพายุที่จะได้รับชื่อเป็น 10–17 ลูก ในจำนวนนี้เป็นพายุเฮอริเคน 5–9 ลูก และในจำนวนพายุเฮอริเคนนั้นเป็นพายุเฮอริเคนขนาดใหญ่ 2–4 ลูก[16]
ภาพรวมฤดูกาล แก้
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (≤62 กม./ชม.) | พายุเฮอริเคนระดับ 3 (178–208 กม./ชม.) |
พายุโซนร้อน (63–117 กม./ชม.) | พายุเฮอริเคนระดับ 4 (209–251 กม./ชม.) |
พายุเฮอริเคนระดับ 1 (118–153 กม./ชม.) | พายุเฮอริเคนระดับ 5 (≥252 กม./ชม.) |
พายุเฮอริเคนระดับ 2 (154–177 กม./ชม.) |
ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่ห้าติดต่อกันแล้วที่เริ่มต้นฤดูกาลก่อนวันอย่างเป็นทางการ โดยพายุกึ่งโซนร้อนแอนเดรียก่อตัวขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม
พายุ แก้
พายุกึ่งโซนร้อนแอนเดรีย แก้
พายุกึ่งโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 20 – 21 พฤษภาคม | ||
ความรุนแรง | 40 ไมล์/ชม. (65 กม./ชม.) (1 นาที) 1006 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.71 นิ้วปรอท) |
- วันที่ 17 พฤษภาคม ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (NHC) ได้เริ่มพยากรณ์การก่อตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำที่อยู่ทางใต้ของเบอร์มิวดา ซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาขึ้นเป็นพายุหมุยเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อนในภายหลัง[19]
- วันที่ 18 พฤษภาคม บริเวณขนาดใหญ่และยาวของเมฆและพายุฟ้าคะนองพัฒนาขึ้นทางตะวันออกของบาฮามาส[20] ความแปรปรวนค่อย ๆ จัดระบบข้นขณะกำลังเคลื่อนตัวไปทางเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ว่าจะยังขาดการไหลเวียนที่แจ่มชัดอยู่
- วันที่ 20 พฤษภาคม เที่ยวบินลาดตระเวนทางอากาศกองทัพอากาศสหรัฐเปิดเผยว่าพายุมีศูนย์กลางอย่างชัดเจน ทำให้มีการจัดประเภทระบบเป็นพายุกึ่งโซนร้อนและให้ชื่อว่า แอนเดรีย (Andrea) ในเวลา 22:30 UTC เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับความกดอากาศต่ำระดับบนที่อยู่ทางตะวันตก[21] หลังจากนั้นไม่นาน แอนเดรียก็มีกำลังสูงสุด[22] พายุที่พึ่งก่อตัวขึ้นไม่นานได้เผชิญเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่นานหลังจากนั้นการพาความร้อนของพายุได้สลายตัวลงเนื่องจากถูกบุกรุกโดยอากาศแห้ง
- วันที่ 22 พฤษภาคม โดยจากการสลายตัวลงนั้น ทำให้แอนเดรียกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำหลังเขตร้อน[23][24]
พายุเฮอริเคนแบร์รี แก้
พายุเฮอริเคนระดับ 1 (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 11 – 15 กรกฎาคม | ||
ความรุนแรง | 75 ไมล์/ชม. (120 กม./ชม.) (1 นาที) 991 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.26 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อนช็องตาล แก้
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 21 – 24 สิงหาคม | ||
ความรุนแรง | 40 ไมล์/ชม. (65 กม./ชม.) (1 นาที) 1009 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.8 นิ้วปรอท) |
พายุเฮอริเคนโดเรียน แก้
พายุเฮอริเคนระดับ 5 (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 24 สิงหาคม – 7 กันยายน | ||
ความรุนแรง | 185 ไมล์/ชม. (295 กม./ชม.) (1 นาที) 910 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 26.87 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อนเอริน แก้
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 26 – 29 สิงหาคม | ||
ความรุนแรง | 40 ไมล์/ชม. (65 กม./ชม.) (1 นาที) 1005 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.68 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อนเฟอร์นานด์ แก้
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 3 – 5 กันยายน | ||
ความรุนแรง | 50 ไมล์/ชม. (85 กม./ชม.) (1 นาที) 1000 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.53 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อนกาเบรียล แก้
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 3 กันยายน – 10 กันยายน | ||
ความรุนแรง | 65 ไมล์/ชม. (100 กม./ชม.) (1 นาที) 995 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.38 นิ้วปรอท) |
พายุเฮอริเคนอุมเบร์โต แก้
พายุเฮอริเคนระดับ 3 (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 13 – 20 กันยายน | ||
ความรุนแรง | 125 ไมล์/ชม. (205 กม./ชม.) (1 นาที) 951 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 28.08 นิ้วปรอท) |
พายุเฮอริเคนเจร์รี แก้
พายุเฮอริเคนระดับ 2 (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 17 – 25 กันยายน | ||
ความรุนแรง | 105 ไมล์/ชม. (165 กม./ชม.) (1 นาที) 976 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 28.82 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อนอีเมลดา แก้
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 17 – 19 กันยายน | ||
ความรุนแรง | 40 ไมล์/ชม. (65 กม./ชม.) (1 นาที) 1005 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.68 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อนคาเรน แก้
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 22 – 27 กันยายน | ||
ความรุนแรง | 45 ไมล์/ชม. (75 กม./ชม.) (1 นาที) 1002 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.59 นิ้วปรอท) |
พายุเฮอริเคนโลเรนโซน แก้
พายุเฮอริเคนระดับ 5 (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 23 กันยายน – 2 ตุลาคม | ||
ความรุนแรง | 160 ไมล์/ชม. (260 กม./ชม.) (1 นาที) 925 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 27.32 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อนเมลิสซา แก้
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 11 – 14 ตุลาคม | ||
ความรุนแรง | 65 ไมล์/ชม. (100 กม./ชม.) (1 นาที) 995 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.38 นิ้วปรอท) |
พายุดีเปรสชันเขตร้อนสิบห้า แก้
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 14 – 16 ตุลาคม | ||
ความรุนแรง | 35 ไมล์/ชม. (55 กม./ชม.) (1 นาที) 1006 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.71 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อนเนสตอร์ แก้
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 18 – 19 ตุลาคม | ||
ความรุนแรง | 60 ไมล์/ชม. (95 กม./ชม.) (1 นาที) 996 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.41 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อนออลกา แก้
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 25 – 25 ตุลาคม | ||
ความรุนแรง | 40 ไมล์/ชม. (65 กม./ชม.) (1 นาที) 998 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.47 นิ้วปรอท) |
พายุเฮอริเคนปาโบล แก้
พายุเฮอริเคนระดับ 1 (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 25 – 28 ตุลาคม | ||
ความรุนแรง | 80 ไมล์/ชม. (130 กม./ชม.) (1 นาที) 977 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 28.85 นิ้วปรอท) |
พายุกึ่งโซนร้อนรีเบกาห์ แก้
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน | ||
ความรุนแรง | 45 ไมล์/ชม. (75 กม./ชม.) (1 นาที) 987 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.15 นิ้วปรอท) |
พายุโซนร้อนเซบัสเตียง แก้
พายุโซนร้อน (SSHWS) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 19 – 25 พฤศจิกายน | ||
ความรุนแรง | 65 ไมล์/ชม. (100 กม./ชม.) (1 นาที) 994 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 29.35 นิ้วปรอท) |
รายชื่อพายุ แก้
รายชื่อต่อไปนี้จะใช้สำหรับพายุที่ก่อตัวในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือในปี พ.ศ. 2562 หากมีชื่อที่ถูกถอน จะมีการประกาศโดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกในฤดูใบไม้ผลิ พ.ศ. 2563 และชื่อที่ไม่ได้ถูกถอนจากรายการนี้จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งในปี พ.ศ. 2568 โดยรายการที่ใช้ในปีนี้เป็นรายการเดียวกับที่ใช้ในฤดูกาล พ.ศ. 2556 เว้นชื่อ อีเมลดา ซึ่งถูกนำมาใช้แทนที่ อิงกริด
ในปี 2562 มีชื่อถูกใช้ทั้งสิ้น 18 ชื่อ ดังนี้
รายชื่อพายุหมุนเขตร้อนของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือในฤดูกาล 2562 | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
รหัสพายุ | ชื่อพายุ | รหัสพายุ | ชื่อพายุ | รหัสพายุ | ชื่อพายุ | รหัสพายุ | ชื่อพายุ | ||||||||
01L | แอนเดรีย (Andrea) |
07L | เฟอร์นานด์ (Fernand) |
12L | คาเรน (Karen) |
18L | ปาโบล (Pablo) | ||||||||
02L | แบร์รี (Barry) |
08L | กาเบรียล (Gabrielle) |
13L | โลเรนโซ (Lorenzo) |
19L | รีเบกาห์ (Rebekah) | ||||||||
04L | ช็องตาล (Chantal) |
09L | อุมเบร์โต (Humberto) |
14L | เมลิสซา (Melissa) |
20L | เซบัสเตียง (Sebastien) | ||||||||
05L | โดเรียน (Dorian) |
11L | อีเมลดา (Imelda) |
16L | เนสตอร์ (Nestor) |
||||||||||
06L | เอริน (Erin) |
10L | เจร์รี (Jerry) |
17L | ออลกา (Olga) |
ส่วนชื่อ แทนยา (Tanya), แวน (Van) และเวนดี (Wendy) ไม่ถูกใช้ในฤดูกาลนี้
ผลกระทบ แก้
ตารางนี้แสดงพายุทั้งหมดที่ก่อตัวในฤดูพายุเฮอริเคนแอตแลนติก พ.ศ. 2562 ประกอบด้วยชื่อพายุ ระยะเวลา พื้นที่ขึ้นฝั่งได้รับผลกระทบ ความเสียหาย และจำนวนผู้เลียชีวิตทั้งหมด ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตในวงเล็บคือการเสียชีวิตเพิ่มเติมและการเสียชีวิตโดยทางอ้อม (เช่นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนน) แต่ยังคงมีความเกี่ยวข้องกับพายุหมุนเขตร้อนอยู่ ความเสียหายและจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นจะรวมไปจนถึงขณะที่พายุกลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อน คลื่นในเขตร้อน หรือ บริเวณความกดอากาศต่ำด้วย ความเสียหายทั้งหมดอยู่ในค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
ชื่อ พายุ |
วันที่ | ระดับความรุนแรง ขณะมีความรุนแรงสูงสุด |
ลมสูงสุด 1-นาที ไมล์/ชม. (กม./ชม.) |
ความกดอากาศ (มิลลิบาร์) |
พื้นที่ได้รับผลกระทบ | ความเสียหาย (ดอลลาร์สหรัฐ) |
เสียชีวิต | อ้างอิง
| |||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แอนเดรีย | 20 – 21 พฤษภาคม | พายุกึ่งโซนร้อน | 40 (65) | 1006 | เบอร์มิวดา | ไม่มี | ไม่มี | [25] | |||
แบร์รี | 11 – 15 กรกฎาคม | พายุเฮอริเคนระดับ 1 | 75 (120) | 991 | ภาคมิดเวสเทิร์นของสหรัฐ, ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ, ชายฝั่งอ่าวของสหรัฐ | >600 ล้าน | 0 (1) | [26][27] | |||
สาม | 22 – 23 กรกฎาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 35 (55) | 1013 | บาฮามาส, รัฐฟลอริดา | ไม่มี | ไม่มี | ||||
ช็องตาล | 21 – 24 สิงหาคม | พายุโซนร้อน | 40 (65) | 1009 | ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ | ไม่มี | ไม่มี | ||||
โดเรียน | 24 สิงหาคม – 7 กันยายน | พายุเฮอริเคนระดับ 5 | 185 (295) | 910 | หมู่เกาะวินด์เวิร์ด, หมู่เกาะลีเวิร์ด, ปวยร์โตรีโก, บาฮามาส, ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ, แคนาดาตะวันออก | >8.28 พันล้าน | 63 (7) | [28][29][30][31][32][33] | |||
เอริน | 26 – 29 สิงหาคม | พายุโซนร้อน | 40 (65) | 1005 | คิวบา, บาฮามาส, ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ, แอตแลนติกแคนาดา | เล็กน้อย | ไม่มี | ||||
เฟอร์นานด์ | 3 – 5 กันยายน | พายุโซนร้อน | 50 (85) | 1000 | เม็กซิโกตะวันออกเฉียงเหนือ, เซาท์เท็กซัส | 213 ล้าน | 1 | [34][35] | |||
กาเบรียล | 3 – 10 กันยายน | พายุโซนร้อน | 65 (100) | 995 | กาบูเวร์ดี, ไอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร | ไม่มี | ไม่มี | ||||
อุมเบร์โต | 13 – 20 กันยายน | พายุเฮอริเคนระดับ 3 | 125 (205) | 951 | เกาะฮิสปันโยลา, คิวบา, บาฮามาส, ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ, เบอร์มิวดา, แอตแลนติกแคนาดา, ไอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร | >1 ล้าน | 1 | [36][33] | |||
เจร์รี | 17 – 25 กันยายน | พายุเฮอริเคนระดับ 2 | 105 (165) | 976 | หมู่เกาะลีเวิร์ด, ปวยร์โตรีโก, เบอร์มิวดา | ไม่มี | ไม่มี | ||||
อีเมลดา | 17 – 19 กันยายน | พายุโซนร้อน | 40 (65) | 1005 | รัฐเท็กซัส, รัฐลุยเซียนา, รัฐโอคลาโฮมา, รัฐอาร์คันซอ | >2 พันล้าน | 4 (1) | [37][32][33] | |||
คาเรน | 22 – 27 กันยายน | พายุโซนร้อน | 45 (75) | 1002 | หมู่เกาะวินด์เวิร์ด, ตรินิแดดและโตเบโก, เวเนซุเอลา, หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ, หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน, ปวยร์โตรีโก | เล็กน้อย | ไม่มี | ||||
โลเรนโซ | 23 กันยายน – 2 ตุลาคม | พายุเฮอริเคนระดับ 5 | 160 (260) | 925 | แอฟริกาตะวันตก, กาบูเวร์ดี, อะโซร์ส, ไอร์แลนด์, สหราชอาณาจักร | 362 ล้าน | 16 | [38][39][40] | |||
เมลิสซา | 11 – 14 ตุลาคม | พายุโซนร้อน | 65 (100) | 995[nb 1] | รัฐมิดแอตแลนติก, นิวอิงแลนด์, รัฐโนวาสโกเชีย | เล็กน้อย | ไม่มี | ||||
สิบห้า | 14 – 16 ตุลาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 35 (55) | 1006 | แอฟริกาตะวันตก, กาบูเวร์ดี | ไม่มี | ไม่มี | ||||
เนสตอร์ | 18 – 19 ตุลาคม | พายุโซนร้อน | 60 (95) | 996 | อเมริกากลาง, เม็กซิโก, ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ | ไม่ทราบ | 0 (3) | ||||
ออลกา | 25 – 26 ตุลาคม | พายุโซนร้อน | 40 (65) | 998 | ชายฝั่งอ่าวของสหรัฐ, รัฐลุยเซียนา, รัฐแอละแบมา, รัฐมิสซิสซิปปี | เล็กน้อย | ไม่มี | ||||
ปาโบล | 25 – 28 ตุลาคม | พายุเฮอริเคนระดับ 1 | 80 (130) | 977 | อะโซร์ส | ไม่มี | ไม่มี | ||||
รีเบกาห์ | 30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน | พายุกึ่งโซนร้อน | 45 (75) | 987 | อะโซร์ส | ไม่มี | ไม่มี | ||||
สรุปฤดูกาล | |||||||||||
19 ลูก | 20 พฤษภาคม–ฤดูกาลยังดำเนินอยู่ | 185 (295) | 910 | >1.1456 หมื่นล้าน | ≥95 (12) |
ดูเพิ่ม แก้
- พายุหมุนเขตร้อนใน พ.ศ. 2562
- พายุเฮอริเคนแอตแลนติก
- ฤดูพายุเฮอริเคนแปซิฟิก พ.ศ. 2562
- ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2562
- ฤดูพายุไซโคลนมหาสมุทรอินเดียเหนือ พ.ศ. 2562
- ฤดูพายุไซโคลนมหาสมุทรอินเดียตะวันตก-ใต้: 2561–2562, 2562–2563
- ฤดูพายุไซโคลนภูมิภาคออสเตรเลีย: 2561–2562, 2562–2563
- ฤดูพายุไซโคลนแปซิฟิกใต้: 2561–2562, 2562–2563
อ้างอิง แก้
- ↑ Klotzbach, Philip [@philklotzbach] (May 20, 2019). "The Atlantic has now had named storms form prior to 1 June in five consecutive years: 2015–2019. This breaks the old record of named storm formations prior to 1 June in four consecutive years set in 1951–1954" (ทวีต). สืบค้นเมื่อ May 20, 2019 – โดยทาง ทวิตเตอร์.
- ↑ 2.0 2.1 "Background Information: The North Atlantic Hurricane Season". Climate Prediction Center. National Oceanic and Atmospheric Administration. August 9, 2012. สืบค้นเมื่อ December 13, 2013.
- ↑ 3.0 3.1 Mark Saunders; Adam Lea (December 11, 2018). "Extended Range Forecast for Atlantic Hurricane Activity in 2019" (PDF). London, United Kingdom: Tropical Storm Risk.
- ↑ 4.0 4.1 "2019 Hurricane Season Expected to Be Near Average, Colorado State University Outlook Says". The Weather Channel (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ April 4, 2019.
- ↑ 5.0 5.1 Mark Saunders; Adam Lea (April 5, 2019). "April Forecast Update for North Atlantic Hurricane Activity in 2019" (PDF). London, United Kingdom: Tropical Storm Risk.
- ↑ 6.0 6.1 Tracey Peake (April 16, 2019). "NC State Researchers Predict Normal 2019 Hurricane Season for East Coast". Raleigh, North Carolina: NC State University.
- ↑ 7.0 7.1 "North Atlantic tropical storm seasonal forecast 2019". Met Office. May 21, 2019. สืบค้นเมื่อ May 23, 2019.
- ↑ 8.0 8.1 Lauren Gaches (May 23, 2019). "NOAA predicts near-normal 2019 Atlantic hurricane season". NOAA. สืบค้นเมื่อ May 23, 2019.
- ↑ 9.0 9.1 Mark Saunders; Adam Lea (May 30, 2019). "Pre-Season Forecast for North Atlantic Hurricane Activity in 2019" (PDF). London, United Kingdom: Tropical Storm Risk. สืบค้นเมื่อ June 3, 2019.
- ↑ 10.0 10.1 "2019 Hurricane Season Expected to Be Near Average, Colorado State University Outlook Says". The Weather Channel (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2019-06-05.
- ↑ 11.0 11.1 "University of Arizona (UA) Forecasts an Above-Average Hurricane Season" (PDF). University of Arizona (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-06-16. สืบค้นเมื่อ 2019-06-12.
- ↑ 12.0 12.1 Mark Saunders; Adam Lea (July 4, 2019). "July Forecast Update for North Atlantic Hurricane Activity in 2019" (PDF). London, United Kingdom: Tropical Storm Risk.[ลิงก์เสีย]
- ↑ 13.0 13.1 "ATLANTIC BASIN SEASONAL HURRICANE FORECAST FOR 2019" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-07-09. สืบค้นเมื่อ July 9, 2019.
- ↑ 14.0 14.1 "ATLANTIC BASIN SEASONAL HURRICANE FORECAST FOR 2019" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-08-05. สืบค้นเมื่อ August 5, 2019.
- ↑ 15.0 15.1 Mark Saunders; Adam Lea (August 6, 2019). "August Forecast Update for North Atlantic Hurricane Activity in 2019" (PDF). London, United Kingdom: Tropical Storm Risk.
- ↑ 16.0 16.1 "NOAA TO ISSUE UPDATED 2019 ATLANTIC HURRICANE SEASON OUTLOOK". สืบค้นเมื่อ August 8, 2019.
- ↑ "Here comes La Nina, El Nino's flip side, but it will be weak". ABC News. November 9, 2017. สืบค้นเมื่อ November 25, 2017.
- ↑ Jonathan Erdman; Brian Donegan (May 6, 2019). "2019 Hurricane Season Expected to be Slightly Above Average But Less Active Than Last Year". The Weather Company. สืบค้นเมื่อ May 7, 2019.
- ↑ Eric S. Blake (May 17, 2019). "Graphical Tropical Weather Outlook". National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ May 20, 2019.
- ↑ Stacy R. Stewart (May 18, 2019). "Graphical Tropical Weather Outlook". National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ May 20, 2019.
- ↑ John P. Cangialosi (May 20, 2019). "Subtropical Storm Andrea Special Discussion Number 1". National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ May 20, 2019.
- ↑ Stacy R. Stewart (May 20, 2019). "Subtropical Storm Andrea Public Advisory Number 3". Miami, Florida: National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ May 20, 2019.
- ↑ Stacy Stewart (May 22, 2019). "Subtropical Storm Andrea Discussion Number 3". National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ May 22, 2019.
- ↑ Richard Pasch (May 21, 2019). "Post-Tropical Cyclone Andrea Discussion Number 5". National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ May 21, 2019.
- ↑ "Subtropical Storm Andrea Public Advisory". สืบค้นเมื่อ May 20, 2019.
- ↑ Adams, Char (July 15, 2019). "Good Samaritans Form Human Chain to Rescue Swimmers from Rip Current in รัฐฟลอริดา". PEOPLE.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ July 18, 2019.
- ↑ Global Catastrophe Recap: July 2019 (PDF) (Report). AON. August 1, 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-08-16. สืบค้นเมื่อ August 16, 2019.
- ↑ Knowles, Rachel; Robles, Frances (September 5, 2019). "Death Toll Rises to 30 in Bahamas, as Stories of Survival Emerge". The New York Times. สืบค้นเมื่อ September 5, 2019.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อBahamas damage
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อBahamas deaths
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อCanada Dorian
- ↑ 32.0 32.1 "Billion-Dollar Weather and Climate Disasters". National Centers for Environmental Information. 2019. สืบค้นเมื่อ October 9, 2019.
- ↑ 33.0 33.1 33.2 "Global Catastrophe Recap September 2019" (PDF). Aon Benfield. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-10-10. สืบค้นเมื่อ 10 October 2019.
- ↑ "Minuto a minuto: Fernand azota Monterrey con lluvias torrenciales y deja un muerto". Infobae. September 4, 2019. สืบค้นเมื่อ September 7, 2019.[ลิงก์เสีย]
- ↑ "Fernand deja daños por 4 mil 200 mdp". Pulso Político. September 11, 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-12. สืบค้นเมื่อ September 12, 2019.
- ↑ "62-year-old man drowns after getting caught in rip current at Topsail Beach". WTVD-TV. Associated Press. September 19, 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-09-21. สืบค้นเมื่อ September 19, 2019.
- ↑ Toal, Margaret; Mervosh, Sarah; Ferman, Mitchell (September 20, 2019). "'I Can't Do This': Imelda Left Texas With at Least 5 Deaths and Historic Rainfall". The New York Times. สืบค้นเมื่อ September 21, 2019.
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อBR dead
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อLorenzo NC deaths
- ↑ อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ
<ref>
ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อLorenzo NY ripcurrent
แหล่งข้อมูลอื่น แก้
- ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (อังกฤษ)
- การคาดหมายลมฟ้าอากาศเขตร้อนเขตแอตแลนติกของศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (อังกฤษ)
- แนวทางการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของการก่อกำเนิดพายุหมุนเขตร้อน (อังกฤษ)
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref>
สำหรับกลุ่มชื่อ "nb" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="nb"/>
ที่สอดคล้องกัน