รัฐมะละกา
มะละกา[13] หรือ เมอลากา[13] (มลายู: Melaka, ملاک) เป็นรัฐทางตอนใต้ในประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบมะละกา ตรงข้ามกับเกาะสุมาตรา รัฐมะละกาเป็นหนึ่งในสองรัฐของมาเลเซียที่ไม่มีเจ้าผู้ครองรัฐเป็นประมุขแต่มีผู้ว่าราชการรัฐแทน
รัฐมะละกา Negeri Melaka | |
---|---|
การถอดเสียงภาษาอื่น ๆ | |
• มลายู | Melaka (รูมี)
ملاک (ยาวี) |
• จีน | 马六甲 (ตัวย่อ)
馬六甲 (ตัวเต็ม) |
• ทมิฬ | மலாக்கா Malākkā (ทับศัพท์) |
สมญา: Negeri Bersejarah รัฐประวัติศาสตร์ | |
คำขวัญ: เบอร์ซาตูเตอกุฮ์ รวมเป็นหนึ่งอย่างเหนียวแน่น | |
เพลง: "เมอลากามาจูจายา" | |
พิกัด: 2°12′N 102°15′E / 2.200°N 102.250°E | |
ประเทศ | มาเลเซีย |
เมืองหลัก (และเมืองใหญ่สุด) | มะละกา[a] |
การปกครอง | |
• ประเภท | รัฐสภา |
• ยังดีเปอร์ตูวาเนอเกอรี | อาลี รุซตัม |
• มุขมนตรี | ซูไลมัน มัด อาลี (BN-UMNO) |
• ผู้นำฝ่ายค้าน | Mohd Yadzil Yaakub (PN-BERSATU) |
พื้นที่[1] | |
• ทั้งหมด | 1,664 ตร.กม. (642 ตร.ไมล์) |
ความสูงจุดสูงสุด (บูกิตเบิมบัน) | 503 เมตร (1,650 ฟุต) |
ประชากร (2020)[2] | |
• ทั้งหมด | 932,700 คน |
ดัชนีการพัฒนามนุษย์ | |
• HDI (2019) | 0.835 (สูงมาก) (ที่ 4) |
รหัสไปรษณีย์ | 75xxx ถึง 78xxx |
รหัสโทรศัพท์ | 06 |
รหัส ISO 3166 | MY-04 |
ทะเบียนพาหนะ | M |
รัฐสุลต่านมะละกา | คริสต์ศตวรรษที่ 15 |
โปรตุเกสควบคุม[3] | 24 สิงหาคม 1511 |
ดัตช์ควบคุม[4][5] | 14 มกราคม 1641 |
อังกฤษควบคุม[4][5][6][7] | 17 มีนาคม 1824 |
ญี่ปุ่นครอบครอง[8][9] | 11 มกราคม 1942 |
เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพมาลายา[10] | 1 เมษายน 1946 |
เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐมาลายา[11] | 1 กุมภาพันธ์ 1948 |
เป็นเอกราชในฐานะส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐมาลายา[12] | 31 สิงหาคม 1957 |
เว็บไซต์ | www |
^[a] อาเยอร์เกอโระฮ์, ฮังตัวะฮ์จายาเป็นศูนย์บริหารของรัฐและที่ตั้งของรัฐบาลมะละกา (ฝ่ายบริหารและนิติบัญญํติ อย่างไรก็ตาม มะละกายังคงเป็นเมืองหลักของรัฐอย่างเป็นทางการ |
ในอดีต มะละกาเป็นเมืองศูนย์กลางทางการค้าระหว่างตะวันออกและตะวันตกบนช่องแคบมะละกามากว่า 500 ปี มีลักษณะของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างศิลปกรรมโปรตุเกส ดัตช์ และมลายู ได้รับการยกย่องให้เป็นนครประวัติศาสตร์บนช่องแคบมะละกาจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)[14]
ประวัติศาสตร์
แก้เมื่อราว พ.ศ. 1800 เจ้าชายปรเมศวรได้ทรงอพยพออกจากปาเล็มบัง เหตุเนื่องด้วยการรุกรานจากอาณาจักรมัชปาหิต ซึ่งก่อนที่จะมาถึงมะละกานั้น เจ้าชายปรเมศวรได้เข้าไปตั้งเมืองอยู่ที่ตูมาซิก (Tumasik) หรือเตมาเซ็ก หรือสิงคโปร์ในปัจจุบัน แต่เนื่องด้วยในตอนนั้นตูมาซิกตกอยู่ใต้อำนาจของสยาม ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับสยามและเจ้าชายองค์นี้จึงต้องออกเดินทางออกมา จนมาถึงที่มะละกา มาสร้างเมืองใหม่ที่นี่และกลายเป็นจักรวรรดิการค้าที่ยิ่งใหญ่ในอีก 200 ปีต่อมา และเป็นแหล่งแรกที่ศาสนาอิสลามเข้าสู่มาเลเซียผ่านทางพ่อค้ามุสลิมอินเดียที่มาจากปาไซ และเปลี่ยนการปกครองมาเป็นระบอบสุลต่าน
ต่อมา พ.ศ. 2052 โปรตุเกสเดินทางมาถึงมะละกาเพื่อขอตั้งสถานีการค้าแต่ถูกปฏิเสธ จนนำไปสู่สงครามระหว่างโปรตุเกส-มะละกา ซึ่งโปรตุเกสเป็นฝ่ายชนะเมื่อ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2054 มะละกาถูกเนเธอร์แลนด์ยึดครองเมื่อ พ.ศ. 2184 หลังจากเนเธอร์แลนด์ขับไล่โปรตุเกสออกไป ต่อมามะละกากลายเป็นอาณานิคมของอังกฤษตามสนธิสัญญาอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ พ.ศ. 2367
ภายใต้การปกครองของอังกฤษ มะละการวมกับปีนังและสิงคโปร์ในชื่อนิคมช่องแคบซึ่งแยกต่างหากจากสหพันธรัฐมลายู หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มะละกาเข้ารวมอยู่ในสหภาพมาลายา และกลายเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซียเมื่อมาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษ
ประชากร
แก้มะละกามีประวัติศาสตร์ที่เกื่ยวกับกลุ่มคนหลากหลายเชื้อชาติและศาสนา ทำให้ปัจจุบันมะละกาเป็นรัฐที่มีวัฒนธรรมผสมผสาน โดยมีประชากรประมาณ 759,000 คน (พ.ศ. 2550) ซึ่งประกอบด้วย
จุดชมทิวทัศน์
แก้อุทยานธรรมชาติ
แก้- แม่น้ำมะละกา
- ภูเขาเลอดัง
- Klebang Beach
- หาด Pengkalan Balak
- อุทยานมรดกโลก Jonker Walk
จุดที่น่าสนใจและสถานที่ท่องเที่ยว
แก้- Huskitory
- แม่น้ำวอล์ก
- หมู่บ้าน Morten
- โบสถ์เซนต์ปอลฮิลล์
- Jonker Street
- Melaka Chinatown
- จัตุรัสแดง (จัตุรัสเนเธอร์แลนด์)
- สถานี Woof
- Encore มะละกา
- Skydeck Hatten เมืองมะละกา
- หมู่บ้าน Chetti
- แกลเลอรี่ Casababa
- โบสถ์ Our Lady of Guadalupe
- 8 Heeren Street Heritage Center
- Stadthuys
- Menara Taming Sari
- พระราชวังของสุลต่านรัฐมะละกา
- น้ำพุสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย
- ไชนาฮิลล์
- ฟาร์มผลไม้เขตร้อนของมะละกา
พิพิธภัณฑ์
แก้- พิพิธภัณฑ์มรดก Baba & Nyonya
- พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และชาติพันธุ์วิทยาในมะละกา
- Perbadanan Muzium Malacca
- ช่องแคบจีนพิพิธภัณฑ์เครื่องประดับมะละกา
- Sentosa Villa
- พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรม Cheng Ho
- พิพิธภัณฑ์บ้านมะละกา
- อิสรภาพฮอลล์
- พิพิธภัณฑ์เรือดำน้ำ
- พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมมาเลเซีย
- พิพิธภัณฑ์ศุลกากรรอยัลมาเลเซีย
- Illusion 3D Art Gallery
- พิพิธภัณฑ์ผู้ว่าการรัฐ
- พิพิธภัณฑ์เรือนจำมาเลเซีย
- พิพิธภัณฑ์รัฐบาลประชาธิปไตย
- Muzium Kecantikan
- พิพิธภัณฑ์สวนสนุก
- พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมจิก
สถานที่ทางศาสนา
แก้- มัสยิดช่องแคบมะละกา
- วัด Cheng Hoon Teng
- โบสถ์เซนต์ปีเตอร์
- โบสถ์คริสเตียน
- มัสยิดกัมปุงกลิง
- โบสถ์เซนต์ฟรานซิสเซเวียร์
- ศรีลังกาวัด Sri Poyyatha Vinayagar Moorthy
- มัสยิดกัมปุงฮูลู
- วัด Xiang Lin Si
- มัสยิดจีนในมะละกา
อ้างอิง
แก้- ↑ "Laporan Kiraan Permulaan 2010". Jabatan Perangkaan Malaysia. p. 27. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 July 2011. สืบค้นเมื่อ 24 January 2011.
- ↑ https://www.dosm.gov.my/v1/uploads/files/6_Newsletter/Newsletter%202020/DOSM_DOSM_MELAKA_1_2020_Siri-81.pdf [bare URL PDF]
- ↑ Headrick (2010), pp. 63
- ↑ 4.0 4.1 "Melaka Jatuh Ke Tangan Belanda -". hids.arkib.gov.my. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 August 2018. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
- ↑ 5.0 5.1 Mat Rofa Ismail (2015). Kerdipan Bintang Melayu Dilangit Turki. Alaf 21. ISBN 9789678604864 – โดยทาง Google Books.
- ↑ Wong, John; Zou, Keyuan; Zeng, Huaqun, บ.ก. (2006). China-ASEAN Relations: Economic and Legal Dimensions. Singapore: World Scientific. ISBN 9789814478618.
- ↑ "Signing of the Anglo-Dutch Treaty (Treaty of London) of 1824 - Singapore History". eresources.nlb.gov.sg.
- ↑ Singapore, National Library Board. "Malayan Campaign - Infopedia". eresources.nlb.gov.sg.
- ↑ "Info" (PDF). studentsrepo.um.edu.my.
- ↑ "Penubuhan Malayan Union". hids.arkib.gov.my. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 August 2018. สืบค้นเมื่อ 15 August 2018.
- ↑ "Federation of Malaya is inaugurated - Singapore History". eresources.nlb.gov.sg.
- ↑ "Official Portal of Malaysia National Archives". Arkib.gov.my. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 August 2018. สืบค้นเมื่อ 2018-08-18.
- ↑ 13.0 13.1 "ประกาศสำนักงานราชบัณฑิตยสภา เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 139 (พิเศษ 205 ง). 1 กันยายน 2565.
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-11-16. สืบค้นเมื่อ 2018-08-12.