เจเอ็นอาร์ คลาสดีเอ็กซ์ 50
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด (Japanese Mikado steam locomotive) (SRT Class Japanese Mikado) (ญี่ปุ่น: DX50形)[1] ส่วนใหญ่เรียกรถจักรนี้ว่า รถจักรไอน้ำมิกาโด เป็นชุดรถจักรไอน้ำสุดท้ายของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ใช้ในประเทศไทย สร้างโดยสมาคมอุตสาหกรรมรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2479 - พ.ศ. 2494 จุดประสงค์หลักของรถจักรไอน้ำที่ถูกออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการลากจูงขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าและขบวนรถที่วิ่งบนเส้นทางภูเขา รวมถึงขบวนรถที่มีน้ำหนักมากบนเส้นทางตอนราบในประเทศไทยโดยเฉพาะ ซึ่งมีสมรถนะที่แตกต่างจาก รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิก ที่ใช้ลากจูงขบวนรถโดยสารบนเส้นทางตอนราบ ปัจจุบัน รถจักรไอน้ำมิกาโด คงเหลือส่วนห้องขับทั้งหมด 5 ห้อง ได้แก่ของหมายเลข 354 , 370 , 938 , 940 และ 954 และคงเหลือทั้งตัวรถจักรไอน้ำทั้งหมด 8 คัน แบ่งเป็นจอดเป็นอนุสรณ์ 7 คัน คือหมายเลข 351 , 353 , 943 , 950 , 955 , 962 และ 965 และสามารถใช้การได้ 1 คัน คือหมายเลข 953 ซึ่งจะวิ่งในวันสำคัญต่างๆ โดยปัจจุบันนี้ หมายเลข 953 อยู่ในระหว่างการรอซ่อมแซม นอกจากนี้รถจักรไอน้ำมิกาโดะมีจำนวนรถทั้งสิ้น 97 คัน คือหมายเลขรถ 351-378 และ 901-970 โดยการนำเข้ามาใช้งาน แบ่งเป็นสองช่วง (ล็อต) ต่อไปนี้
- ช่วงแรก (พ.ศ. 2479 - พ.ศ. 2488) รถจักรหมายเลข 351 - 378 เป็นช่วงที่การรถไฟฯ สั่งนำเข้ามาใช้โดยคำแนะนำจากเอช ฟูรูซาวา (3 มกราคม พ.ศ. 2432 - 27 ธันวาคม พ.ศ. 2517) ข้าราชการกรมรถไฟหลวง ตำแหน่งนายช่างฝ่ายกองช่างกล โรงไฟฟ้าที่โรงงานมักกะสัน ชาวญี่ปุ่นในเวลานั้น เพราะสมัยนั้นซึ่งเป็นหัวรถจักรไอน้ำที่ประเทศญี่ปุ่นผลิตขึ้นใหม่ในช่วงเวลานั้น มีคุณภาพประหยัด กำลังฉุดลากดี ความเร็วดี มีความเหมาะสมกับความต้องการใช้ของเมืองไทยและราคาถูกมาก เมื่อกรมรถไฟพิจารณารายละเอียดต่างๆ แล้วอนุมัติให้สั่งเข้านำมาทดลองใช้รุ่นแรกจำนวน 10 คันก่อน ปรากฏว่าได้ผลดีมาก ต่อมาได้สั่งเข้ามาใช้งานอีกหลาย 10 คัน[2]
- ช่วงที่สอง (พ.ศ. 2492 - พ.ศ. 2494) รถจักรหมายเลข 901 - 970 เป็นช่วงที่การรถไฟฯ สั่งนำเข้ามาใช้โดยโครงการบูรณะกิจการรถไฟ โดยมีการปรับปรุงรายละเอียดบางส่วนของรุ่นก่อนหน้านี้[3]
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด | |
---|---|
![]() รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 950 ตั้งอยูที่พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน (สถานีรถไฟธนบุรี (เดิม)) บริเวณโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ในเขตบางกอกน้อย, กรุงเทพมหานคร | |
ข้อมูลทั่วไป | |
ชื่อทางการ | รถจักรไอน้ำแห่งการรถไฟแห่งประเทศไทย ชั้นญี่ปุ่นมิกาโด |
ชนิด | รถจักรไอน้ำ |
แรงม้า | 1280 แรงม้า |
น้ำหนัก | จอดนิ่ง 48.80 ตัน ทำงาน 51.30 ตัน กดเพลา 10,500 กก. |
การจัดวางล้อ | 2-8-2 (มิกาโด) |
พิกัดตัวรถ | กว้าง 3,750 มม. สูง 3,870 มม. ยาว 18,945 มม. |
ระบบห้ามล้อ | สุญญากาศ (ลมดูด) (ดั้งเดิม) |
ความจุ | 10 ลบม. |
ความเร็วสูงสุด | 85 กม./ชม. |
ผู้สร้าง | สมาคมอุตสาหกรรมรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น, ![]() |
เริ่มใช้งาน | พ.ศ. 2479 - พ.ศ. 2488 (หมายเลข 351 - 378) พ.ศ. 2492 - พ.ศ. 2494 (หมายเลข 901 - 970) |
จำนวนคันทั้งหมด | 98 คัน |
หมายเลข | 351 - 378 และ 901 - 970 |
ใช้งานใน | ![]() |
ระบบห้องขับ | มี 1 ห้องขับ,ฝั่ง |
จำนวนคันที่ถูกตัดบัญชี | 97 คัน |
จำนวนคันที่คงเหลือใช้งาน | 1 คัน |
จำนวนคันที่ปรับปรุง | 1 คัน |
รวมระยะเวลาใช้งานทั้งหมด | 87 ปี |

รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด ถูกสร้างขึ้นโดย สมาคมอุตสาหกรรมรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Association of Railway Industry) ซึ่งในสมาคมจะประกอบไปด้วยบริษัทผู้สร้างหลายบริษัทด้วยกัน ทั้งนี้เมื่อมีคำสั่งให้ผลิตรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด ทาง สมาคมอุตสาหกรรมรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น จะกระจายคำสั่งการผลิตนี้ให้กับ 5 บริษัทที่รับผิดชอบในการสร้างรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด ดังนี้
1. บริษัท นิปปอน ชาเรียว เซโซะ ไกรชะ จำกัด โรงงานตั้งอยู่ที่นครนาโงยะ, จังหวัดไอจิ, ประเทศญี่ปุ่น (ผลิตรถจักรหมายเลข 351, 352, 363 และ 364)
2. บริษัท กิช่า เซโซะ ไกรชะ จำกัด โรงงานตั้งอยู่ที่นครโอซากะ, จังหวัดโอซากะ, ประเทศญี่ปุ่น (ปัจจุบันถูกควบรวมกิจการโดย บริษัท คาวาซากิเฮฟวี่อินดรัสทรีส์ จำกัด ไปเมื่อเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2515)
3. บริษัท คาวาซากิเฮฟวี่อินดรัสทรีส์ จำกัด โรงงานตั้งอยู่ที่ระหว่างนครโคเบะ และ เขตมินาโตะ (โตเกียว), ในกรุงโตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น
4. บริษัท ฮิตาชิ จำกัด (มหาชน) โรงงานตั้งอยู่ที่ในกรุงโตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น
5. บริษัท มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์ จำกัด โรงงานตั้งอยู่ที่เมืองมิฮาระ, จังหวัดฮิโรชิมะ, ประเทศญี่ปุ่น (ผลิตรถจักรหมายเลข 908, 909, 915, 916, 928, 929, 930, 935, 936, 940, 943, 944, 946, 949, 950, 951, 960, 963, 967 และ 970)
ประวัติแก้ไข
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 กรมรถไฟได้ประสบความเสียหายในบริภัณฑ์รถไฟและสิ่งปลูกสร้างเป็นอย่างมาก เมื่อสงครามได้ยุติลง จึงปรากฏว่ากรมรถไฟขาดแคลนรถจักรและล้อเลื่อนที่จะใช้งานตามสถานะเดิมต่อไป ดังนั้นในปี พ.ศ. 2489 ด้วยความเอื้อเฟื้อของสหประชาชาติได้จำหน่ายรถจักรไอน้ำที่เหลือใช้จากสงครามให้แก่กรมรถไฟจำนวน 68 คัน (รุ่นเลขที่ 380-447) เพื่อบรรเทาการขาดแคลนดังกล่าว รถจักรเหล่านี้เป็นชนิดมิกาโด (2-8-2) ซึ่งเรียกกันโดยเฉพาะในวงการของสหประชาชาติว่า “รถจักรไอน้ำแมคอาเธอร์” เป็นรถจักรที่สร้างโดยบริษัทต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา ตามรายการจำเพาะที่กำหนดขึ้นโดยทางการทหารแห่งสหรัฐ ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 ตามโครงการบูรณะกิจการรถไฟ ทางการได้จัดซื้อรถจักรไอน้ำจากผู้สร้างต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น 50 คัน และในปีถัดไปอีก 50 คัน เป็นรถจักรแบบมิกาโดและแปซิฟิค เหมือนกันกับรถจักรที่เคยซื้อจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ดังกล่าวข้างต้น แต่ได้มีการปรับปรุงบางสิ่งให้เหมาะสมขึ้นอีก รถจักรจำนวน 100 คันนี้ อาจจะถือได้ว่าเป็นรถจักรไอน้ำรุ่นสุดท้ายที่จะมีใช้การในการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการรถไฟฯ มีนโยบายที่จะนำเอารถจักรดีเซลมาใช้การแทนรถจักรไอน้ำ
เอช ฟูรูซาวา[2]แก้ไข
นายเอช ฟูรูซาวา ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2432 ที่เมืองมิโต้ ประเทศญี่ปุ่น ในตระกูล "ซามูไร" แห่งแขวงอิบารากิ ครอบครัวประกอบอาชีพอุตสาหกรรมเลี้ยงไหม และผลิตเส้นใยไหม เมื่อจบการศึกษาขั้นต้นจากเมืองมิโต้แล้ว จึงเดินทางไปศึกษาต่อที่วิทยาลัยการไฟฟ้าคันดะ กรุงโตเกียว สาขาวิชาการไฟฟ้า แล้วศึกษาต่อในวิชาเครื่องยนต์ดีเซลจนจบหลักสูตร
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน (ปัจจุบันคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน) เป็นผู้อำนวยการก่อตั้งกิจการ "กรมรถไฟแผ่นดินสยาม" ขึ้น พอดีกับทูตญี่ปุ่นประจำประเทศสยามในสมัยนั้น รู้จักชอบพอกับบิดามารดาของนายเอชฯ จึงชักชวนให้มาทำงานในประเทศสยาม โดยเดินทางมากับเรือเดินทะเลของบริษัทบอร์เนียว เข้ามาทำงานในสยามประเทศครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2454 เป็นนายช่างควบคุมการก่อสร้างโรงเลื่อยและติดตั้งเครื่องจักรทั้งหมด จนเสร็จเรียบร้อยตั้งอยู่ที่ชายทะเล อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ชื่อ "โรงเลื่อยศรีมหาราชา" อันเป็นโรงเลื่อยที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น
เวลาต่อมา ความทราบถึงนายพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง จึงทรงขอตัวนายเอชฯ มารับราชการ ในฝ่ายกองช่างกล ของกรมรถไฟแผ่นดินสยาม ประจำโรงไฟฟ้าที่โรงงานมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ซึ่งในขณะนั้นมีได้มีนายช่างชาวต่างประเทศประจำอยู่แล้วหลายคน นายเอชฯ ได้ทำงานในกรมรถไฟแผ่นดินสยาม เมื่อปี พ.ศ. 2464 ในฐานะทดสอบงานและได้รับการบรรจุเป็นหัวหน้าช่าง ในปี พ.ศ. 2465 โดยได้ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์และมีประสิทธิภาพตลอดมา
จนกระทั่งปี พ.ศ. 2468 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 5 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.) (อังกฤษ: The Most Noble Order of the Crown of Thailand) ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงสถาปนาขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2412 และจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้อีก แต่ให้ไปทำการโอนสัญชาติเป็นสยามเสียก่อน ด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงรีบไปดำเนินการโอนสัญชาติที่สถานทูตญี่ปุ่น แต่ถูกเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศสยาม ที่เป็นผู้นำพามาอยู่ประเทศสยามปฎิเสธ ด้วยความเกรงใจจึงต้องปฏิบัติตาม
เมื่อมีการก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา นายเอชฯ เป็นบุคคลหนึ่งที่ได้ไปร่วมการก่อสร้างในฐานะนายช่างกล ฝ่ายโรงงานมักกะสัน เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วทางการตั้งชื่อว่า "สะพานพระราม 6"
ต่อมานายเอชฯ ได้เสนอให้กรมรถไฟจัดซื้อรถจักรไอน้ำ "มิกาโด" แบบล้อ 2-8-2 ซึ่งเป็นหัวรถจักรไอน้ำที่ประเทศญี่ปุ่นผลิตขึ้นใหม่ในช่วงเวลานั้น มีคุณภาพประหยัด กำลังฉุดลากดี ความเร็วดี มีความเหมาะสมกับความต้องการใช้ของเมืองไทยและราคาถูกมาก เมื่อกรมรถไฟพิจารณารายละเอียดต่างๆ แล้วอนุมัติให้สั่งเข้านำมาทดลองใช้รุ่นแรกจำนวน 10 คัน ปรากฏว่าได้ผลดีมาก ต่อมาได้สั่งเข้ามาใช้งานอีกหลายสิบคัน จนครบ 28 คัน
จวบจนกระทั่งสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เหลือนายช่างชาวต่างประเทศเพียง นายเอชฯ ผู้เดียวเท่านั้นที่ยังรับราชการอยู่ ตำแหน่งครั้งสุดท้าย เป็นสารวัตรโรงงาน โรงงานมักกะสัน และได้ขอลาออกจากราชการกรมรถไฟหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยสมัครใจขอรับเป็นบำเหน็จแทนบำนาญ
นายเอช. ฟูรูซาวา มีภรรยาเป็นคนไทยคนแรกชื่อแม่เชื้อ มีบุตรธิดา 11 คน ภรรยาคนที่สองชื่อแม่อู๊ด มีบุตรธิดา 2 คน รวมทั้งหมด 13 คน โดยบุตรชายใช้นามสกุลไทยว่า "ประสพสันต์" บางคนยังคงใช้นามสกุลตามบิดา
นายเอชฯ เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวาย เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2517 เวลา 16.30 น. สิริรวมอายุได้ 87 ปี ได้รับพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุวัดธาตุทอง เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2518
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 351, 353, 354, 363, 366, 370, 938 , 940, 943, 950, 951, 952, 953, 954, 955, 956, 957, 962, 965, 968, 969 และ 970แก้ไข
เดิมใช้การใช้การบนเส้นทางรถไฟสายเหนือ ประจำการแขวงอุตรดิตถ์ รถจักรไอน้ำเริ่มทำขบวนตั้งแต่สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ไปสถานีรถไฟเชียงใหม่ ส่วนใหญ่จะทำขบวนรถสินค้าและรถด่วนพิเศษไปถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ บางครั้งก็ทำขบวนรถโดยสารจากสถานีรถไฟกรุงเทพ, ทางรถไฟสายเหนือ, ทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ และทางรถไฟสายตะวันออก และทางรถไฟสายใต้ในสมัยนั้นด้วยด้วย หลังจากนั้น ก่อนปลดประจำการก็ไปใช้การบนเส้นทางรถไฟสายใต้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 จนถึง พ.ศ. 2520 หลังจากที่การรถไฟฯ ได้เลิกใช้รถจักรไอน้ำทำขบวนรถโดยสารและรถสินค้าไปเมื่อปี พ.ศ. 2520 รถจักร 3 คันนี้ได้ปลดระวางเลิกใช้การเข้ามานอนจอดสงบนิ่งอยู่ที่โรงรถจักรธนบุรี รางข้างโรงรถจักรจอดอยู่คันในสุดของรถจักรรวม 4 คันในรางนี้ ตั้งแต่วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2517 แต่ก็ยังใช้งานทำขบวนรถโดยสารเชิงพาณิชย์ในช่วง 3 ปีสุดท้ายของรถจักรไอน้ำ จนถึงปี พ.ศ. 2520 ต่อมาในปลายปี พ.ศ. 2528 ทางการรถไฟฯมีแนวคิดที่จะฟื้นฟู บูรณะรถจักรไอน้ำขึ้นจำนวน 6 คันแบ่งเป็นรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด ดีเอ็กซ์ 50 2 คันคือ 953 และ 962 รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นแปซิฟิค ซีเอ็กซ์ 50 2 คันคือ 824 และ 850 และรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นโมกุล ซี 56 หมายเลข 713 และ 715 โดยศูนย์กลางซ่อมอยู่ที่โรงรถจักรธนบุรี ในยุคที่นายสวัสดิ์ ม้าไว เป็นสารวัตรรถจักรธนบุรี โดยการขับเคลื่อนของนายช่าง สุเมธ หนูงาม ตำแหน่งวิศวกรอำนวยการลากเลื่อนในขณะนั้น ท่านได้ระดมอุปกรณ์อะไหล่ที่เก็บไว้ที่ โรงรถจักรทุ่งสง และโรงรถจักรอุตรดิตถ์ พร้อมช่างฝีมือจากทุ่งส่งจำนวน 4 นาย มาร่วมกับช่างฝีมือที่ธนบุรีเพื่อ พร้อมซ่อมบูรณะรถจักรไอน้ำดังกล่าวข้างต้น การซ่อมรถจักรไอน้ำในครั้งนั้นใช้เวลาซ่อมจำนวน 4 เดือนจึงสามารถทำการทดลองวิ่งตัวเปล่ารถจักร 962 และ 953 จาก ธนบุรี - วัดงิ้วราย - ธนบุรี ในวันที่ 10 มีนาคม 2529 และทำการทดลองเดินขบวนเปล่าจำนวนตู้โดยสาร 10 ตู้ในวันที่ 13 มีนาคม 2529 สำหรับรถจักร 824 และ 850 ซ่อมเสร็จทำการทดลองวิ่งตัวเปล่าจาก ธนบุรี - วัดงิ้วราย - ธนบุรี ในวันที่ 19 มีนาคม 2529 และทำการทดลองเดินขบวนเปล่าจำนวนตู้โดยสาร 8 ตู้ในวันที่ 22 มีนาคม 2529 ต่อมาในวันที่ 26 มีนาคม 2529 เป็นเป็นวันคล้ายวันสถาปนาการรถไฟแห่งประเทศไทยครบรอบ 90 ปีในครั้งนั้น การรถไฟฯ จึงจัดรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด ดีเอ็กซ์ 50 หมายเลข 953 พหุกับ รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด ดีเอ็กซ์ 50 หมายเลข 962 เดินขบวนพิเศษจากสถานีกรุงเทพ - อยุธยา - กรุงเทพ นับเป็นครั้งแรกที่มีการเดินรถจักรไอน้ำในโอกาสพิเศษ และเป็นการเดินรถจักรไอน้ำครั้งแรกหลังจากที่ปลดระวางไปตั้งแต่ปี 2520 เป็นระยะเวลา 15 ปี ซึ่งได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนสองข้างทางรถไฟอย่างมากมาย พนักงานขับรถจักรไอน้ำในครั้งนั้น คือนายชำนาญ ล้ำเลิศ (เสียชีวิตแล้ว) นายกุล มณีกุล (เสียชีวิตแล้ว) ต่อมาได้บูรณะรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด ดีเอ็กซ์ 50 เพื่อทำการเดินขบวนรถจักรไอน้ำนำเที่ยวที่ 901 จากสถานีรถไฟกรุงเทพไปยังสถานีรถไฟอยุธยา ในวันที่ 26 มีนาคม 2529 รถจักรไอน้ำทุกคันที่มีการซ่อม ได้ดัดแปลงระบบไฟฟ้า ห้ามล้อ และเครื่องยนต์ของรถจักร Henschel เพื่อต่อพหุ จนเป็นเหตุให้รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 962 กลายเป็นรถจักรอนุสรณ์อยู่ที่อุทยานประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ในอำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง ตั้งแต่นั้นมา รถจักรไอน้ำมิกาโด จึงเหลือใช้การ 1 คันคือหมายเลข 953 ซึงจะใช้ทำขบวนในวันสำคัญต่างๆ โดยปัจจุบันนี้ รถจักรไอน้ำหมายเลข 953 อยู่ในระหว่างการรอซ่อมแซมในระยะยาว
ส่วนรถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 943 เมื่อการรถไฟฯ ได้เลิกใช้รถจักรไอน้ำทำขบวนรถโดยสารและรถสินค้าไปเมื่อปี พ.ศ. 2520 รถคันนี้ถูกลากลงมาจากแขวงอุตรดิตถ์เมื่อปี พ.ศ. 2529 แล้วนำไปจอดที่อนุสรณ์ไว้ที่สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) ในเขตจตุจักร, กรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2530 จนถึง พ.ศ. 2565 ต่อมาก็เคลื่อนย้ายจากสวนวชิรเบญจทัศ ไปยัง สวนสาธารณะสะพานดำ จังหวัดลำปาง ในเดือนกันยายน ปีพ.ศ. 2565
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 953 เคยได้เดินขบวนรถนอกวันสำคัญทางราชการมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งนั้นเป็นขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำ กรุงเทพ - กาญจนบุรี - สะพานข้ามแม่น้ำแคว - วังโพ เมื่อราวๆปี พ.ศ. 2542 และได้แสดงในละครเรื่อง ขุมทรัพย์แม่น้ำแคว ออกอากาศทางช่อง 7 เอชดี ในปี พ.ศ. 2544
รายชื่อหมายเลขรถจักรและผู้ผลิต[4][5]แก้ไข
หมายเหตุ: ปัจจุบันบริษัท กิช่า เซโซะ ไกรชะ จำกัด ถูกควบรวมกิจการโดย บริษัท คาวาซากิเฮฟวี่อินดรัสทรีส์ จำกัด ไปเมื่อเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2515
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด รุ่นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2แก้ไข
หมายเลขรถจักร | ผู้ผลิต | ปีที่เข้าประจำการ | หมายเลขที่ผลิต | ขนาดความกว้างของรางรถไฟ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
351 | Nippon Sharyo | พ.ศ. 2480 | 475 | 1.000 เมตร (Metre gauge) | ปัจจุบันอยู่ที่บริษัท เอเซียอุตสาหกรรมปุ๋ยและโรงสีข้าว จำกัด ในอำเภอธัญบุรี, จังหวัดปทุมธานี[6] |
352 | 476 | ||||
353 | Kisha Seizo | พ.ศ. 2479 | 1390 | ปัจจุบันอยู่ที่บริษัท เอเซียอุตสาหกรรมปุ๋ยและโรงสีข้าว จำกัด ในอำเภอธัญบุรี, จังหวัดปทุมธานี | |
354 | ปัจจุบันยังเหลือซากห้องขับที่โรงรถจักรปากน้ำโพ, บนสถานีรถไฟปากน้ำโพ , จังหวัดนครสวรรค์ | ||||
355 | Kawasaki | 1687 | |||
356 | 1688 | ||||
357 | Hitachi | 746 | |||
358 | 747 | ||||
359 | Kawasaki | พ.ศ. 2481 | 1917 | ปัจจุบันซากโครงประธานห้องขับอยู่ที่โรงรถจักรอุตรดิถ์ | |
360 | 1918 | ||||
361 | Hitachi | 958 | |||
362 | 959 | ||||
363 | Nippon Sharyo | 543 | |||
364 | 544 | ||||
365 | Kisha Seizo | 1576 | |||
366 | 1577 | ปัจจุบันซากโครงประธานห้องขับอยู่ที่โรงรถจักรอุตรดิถ์ | |||
367 | พ.ศ. 2486 | 2297 | |||
368 | 2298 | ||||
369 | 2299 | ||||
370 | 2300 | ปัจจุบันเหลือซากโครงประธานห้องขับอยู่ที่สวนหย่อมในย่านสถานีรถไฟพิษณุโลก, จังหวัดพิษณุโลก | |||
371 | 2301 | ||||
372 | 2302 | ||||
373 | Kawasaki | 2902 | |||
374 | 2903 | ||||
375 | 2904 | ||||
376 | 2905 | ||||
377 | 2906 | ||||
378 | 2907 |
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด รุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2แก้ไข
หมายเลขรถจักร | ผู้ผลิต | ปีที่เข้าประจำการ | หมายเลขที่ผลิต | ขนาดความกว้างของรางรถไฟ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
901 | Kisha Seizo | พ.ศ. 2492 | 2581 | 1.000 เมตร (Metre gauge) | ไม่มีกระบังควันเหมือนชุดรถจักรหมายเลข 351 - 378 |
902 | 2582 | ||||
903 | Kawasaki | 3177 | |||
904 | Hitachi | 2038 | |||
905 | Kisha Seizo | 2583 | |||
906 | Kawasaki | 3178 | |||
907 | 3179 | ||||
908 | Mitsubishi | 670 | |||
909 | 671 | ||||
910 | Hitachi | 2039 | |||
911 | 2040 | ||||
912 | Kisha Seizo | 2584 | |||
913 | Kawasaki | 3180 | |||
914 | 3181 | ||||
915 | Mitsubishi | 672 | |||
916 | 673 | ||||
917 | Hitachi | 2041 | |||
918 | Kisha Seizo | 2585 | |||
919 | 2586 | ||||
920 | 2587 | ||||
921 | Hitachi | 2042 | |||
922 | 2043 | ||||
923 | 2044 | ||||
924 | Kisha Seizo | 2588 | |||
925 | Kawasaki | 3182 | |||
926 | 3183 | ||||
927 | 3184 | ||||
928 | Mitsubishi | 674 | |||
929 | 675 | ||||
930 | 676 | ||||
931 | Hitachi | 2045 | |||
932 | 2046 | ||||
933 | Kawasaki | 3185 | |||
934 | 3186 | ||||
935 | Mitsubishi | 677 | |||
936 | 678 | ||||
937 | Hitachi | 2047 | |||
938 | Kisha Seizo | 2589 | ปัจจุบันยังเหลือซากห้องขับอยู่ที่อาคารวัฒนธรรมอุตรดิตถ์, จังหวัดอุตรดิตถ์[7]; ไม่มีกระบังควันเหมือนชุดรถจักรหมายเลข 351 - 378 | ||
939 | 2590 | ไม่มีกระบังควันเหมือนชุดรถจักรหมายเลข 351 - 378 | |||
940 | Mitsubishi | 679 | ปัจจุบันยังเหลือซากโครงประธานห้องขับอยู่ที่สวนสาธารณะในเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์, จังหวัดอุตรดิตถ์[8]; ไม่มีกระบังควันเหมือนชุดรถจักรหมายเลข 351 - 378 | ||
941 | Kisha Seizo | พ.ศ. 2493 | 2593 | ||
942 | พ.ศ. 2492 | 2594 | |||
943 | Mitsubishi | พ.ศ. 2493 | 691 | ปัจจุบันจอดอยู่ที่สวนสาธารณะสะพานดำ (สวนรถไฟ) ใน, ลำปาง | |
944 | 692 | ||||
945 | Hitachi | 2048 | |||
946 | Mitsubishi | 693 | |||
947 | Kisha Seizo | พ.ศ. 2492 | 2595 | ||
948 | 2596 | ||||
949 | Mitsubishi | พ.ศ. 2493 | 694 | ||
950 | 695 | ปัจจุบันจอดอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน (สถานีรถไฟธนบุรีเดิม) ในเขตบางกอกน้อย, กรุงเทพมหานคร | |||
951 | 696 | ||||
952 | Hitachi | 2049 | |||
953 | 2050 | ปัจจุบันใช้เป็นรถช่วยทำขบวนนำเที่ยวถ้ารถจักรไอน้ำแปซิฟิค CX50 หมายเลข 824 หรือ 850 เกิดปัญหาทางเทคนิค | |||
954 | Kisha Seizo | พ.ศ. 2492 | 2597 | ปัจจุบันยังเหลือซากห้องขับอยู่ที่อาคารวัฒนธรรมอุตรดิตถ์, จังหวัดอุตรดิตถ์[9] | |
955 | 2598 | ปัจจุบันอยู่ในโรงงานมักกะสัน ในเขตราชเทวี, กรุงเทพมหานคร | |||
956 | 2599 | ||||
957 | 2600 | ||||
958 | Hitachi | พ.ศ. 2493 | 2051 | ||
959 | 2052 | ||||
960 | Mitsubishi | 697 | |||
961 | Hitachi | 2053 | |||
962 | 2054 | ปัจจุบันยังเหลือซากตัวรถอยู่ที่อุทยานประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ในอำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง[10] | |||
963 | Mitsubishi | 698 | |||
964 | Kisha Seizo | พ.ศ. 2492 | 2601 | ||
965 | Hitachi | พ.ศ. 2493 | 2055 | ปัจจุบันอยู่ในโรงงานมักกะสัน ในเขตราชเทวี, กรุงเทพมหานคร | |
966 | 2056 | ||||
967 | Mitsubishi | 699 | |||
968 | Hitachi | 2057 | |||
969 | Kisha Seizo | พ.ศ. 2492 | 2602 | ||
970 | Mitsubishi | พ.ศ. 2493 | 700 |
แกลลอรี่แก้ไข
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด ชุดหมายเลข 901-940 ขณะเริ่มการทดสอบวิ่งรถจักรจากโรงงานมิฮะระ ของบริษัทมิตซูบิชิอุตสาหกรรมหนัก ในนครฮิโรชิมะ, จังหวัดฮิโรชิมะ, ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2492
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 363 จอดอยู่ที่โรงรถจักรหาดใหญ่, จังหวัดสงขลา
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด ขณะกำลังข้ามสะพานห้าหอ จังหวัดลำปาง
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 943 จอดอยู่ที่สวนวชิรเบญจทัศ, กรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. 2547
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 950 ทำการสัปเปลี่ยนที่สถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง, จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี พ.ศ. 2522
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 950 ขณะทำขบวน 901 ออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ, กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2529
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด ดีเอ็กซ์ 50 หมายเลข 951 จอดอยู่ที่สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่, จังหวัดสงขลา
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด ดีเอ็กซ์ 50 หมายเลข 953 จอดพักอยู่ที่สถานีรถไฟอยุธยา, จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554
รถจักรไอน้ำญี่ปุ่นมิกาโด หมายเลข 962 ตั้งอยู่ที่อุทยานประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2, ในอำเภอละอุ่น, จังหวัดระนอง
อ้างอิงแก้ไข
- ↑ "Rotfaithai.Com Forums-viewtopic-วันนี้ขอนำเสนอเรื่อง...แฝด...ของรถจักรไทย". portal.rotfaithai.com.
- ↑ 2.0 2.1 "โรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ - นายช่างรถไฟหลวงชาวอาทิตย์อุทัย 🇯🇵🇯🇵🇯🇵นายเอช ฟูรูซาวา🇹🇭🇹🇭🇹🇭 ( ๐๓ มกราคม ๒๔๓๒ - ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๗) (ภาพถ่ายในเครื่องแบบข้าราชการพลเรือนรัฐพาณิชย์ กรมรถไฟ) นายเอช ฟูรูซาวา ถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๐๓ มกราคม พ.ศ.๒๔๓๒ ที่เมืองมิโต้ ประเทศญี่ปุ่น ในตระกูล "ซามูไร" แห่งแขวงอิบารากิ ครอบครัวประกอบอาชีพอุตสาหกรรมเลี้ยงไหม และผลิตเส้นใยไหม เมื่อจบการศึกษาขั้นต้นจากเมืองมิโต้แล้ว จึงเดินทางไปศึกษาต่อที่วิทยาลัยการไฟฟ้าคันดะ กรุงโตเกียว สาขาวิชาการไฟฟ้า แล้วศึกษาต่อในวิชาเครื่องยนต์ดีเซลจนจบหลักสูตร ในยุคนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้อำนวยการก่อตั้งกิจการ "กรมรถไฟแผ่นดินสยาม" ขึ้น พอดีกับทูตญี่ปุ่นประจำประเทศสยามในสมัยนั้น รู้จักชอบพอกับบิดามารดาของนายเอชฯ จึงชักชวนให้มาทำงานในประเทศสยาม โดยเดินทางมากับเรือเดินทะเลของบริษัทบอร์เนียว เข้ามาทำงานในสยามประเทศครั้งแรก เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๕๔ เป็นนายช่างควบคุมการก่อสร้างโรงเลื่อยและติดตั้งเครื่องจักรทั้งหมด จนเสร็จเรียบร้อยตั้งอยู่ที่ชายทะเล อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ชื่อ "โรงเลื่อยศรีมหาราชา" อันเป็นโรงเลื่อยที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น กาลต่อมา ความทราบถึงนายพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง จึงทรงขอตัวนายเอชฯ มารับราชการ ในฝ่ายกองช่างกล ของกรมรถไฟแผ่นดินสยาม ประจำโรงไฟฟ้าที่โรงงานมักกะสัน ซึ่งในขณะนั้นมีได้มีนายช่างชาวต่างประเทศประจำอยู่แล้วหลายคน นายเอชฯ ได้ทำงานในกรมรถไฟแผ่นดินสยาม เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ในฐานะทดสอบงานและได้รับการบรรจุเป็นหัวหน้าช่าง ในปี พ.ศ.๒๔๖๕ โดยได้ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์และมีประสิทธิภาพตลอดมา จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๔๖๘ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เบญจมาภรณ์มงกุฏไทย กับจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้อีก แต่ให้ไปทำการโอนสัญชาติเป็นสยามเสียก่อน ด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงรีบไปดำเนินการโอนสัญชาติที่สถานทูตญี่ปุ่น แต่ได้ถูกทูตญี่ปุ่นผู้นำพามาอยู่ประเทศสยามยับยั้งเอาไว้ ด้วยความเกรงใจจึงต้องปฏิบัติตาม เมื่อมีการก่อสร้างสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา นายเอชฯ เป็นบุคคลหนึ่งที่ได้ไปร่วมการก่อสร้างในฐานะนายช่างกล ฝ่ายโรงงานมักกะสัน เมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วทางการตั้งชื่อว่า "สะพานพระราม ๖" ต่อมานายเอชฯ ได้เสนอให้กรมรถไฟจัดซื้อรถจักรไอน้ำ "มิกาโด" ซึ่งเป็นหัวรถจักรไอน้ำที่ประเทศญี่ปุ่นผลิตขึ้นใหม่ในช่วงเวลานั้น มีคุณภาพประหยัด กำลังฉุดลากดี ความเร็วดี มีความเหมาะสมกับความต้องการใช้ของเมืองไทยและราคาถูกมาก เมื่อกรมรถไฟพิจารณารายละเอียดต่างๆ แล้วอนุมัติให้สั่งเข้านำมาทดลองใช้รุ่นแรกจำนวน ๑๐ คัน ปรากฏว่าได้ผลดีมาก ต่อมาได้สั่งเข้ามาใช้งานอีกหลายสิบคัน จวบจนกระทั่งสิ้นสงครามโลกครั้งที่ ๒ เหลือนายช่างชาวต่างประเทศเพียง นายเอชฯ ผู้เดียวเท่านั้นที่ยังรับราชการอยู่ ตำแหน่งครั้งสุดท้าย เป็นสารวัตรโรงงาน โรงงานมักกะสัน และได้ขอลาออกจากราชการกรมรถไฟหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยสมัครใจขอรับเป็นบำเหน็จแทนบำนาญ นายเอช. ฟูรูซาวา มีภรรยาเป็นคนไทยคนแรกชื่อแม่เชื้อ มีบุตรธิดา ๑๑ คน ภรรยาคนที่สองชื่อแม่อู๊ด มีบุตรธิดา ๒ คน รวมทั้งหมด ๑๓ คน โดยบุตรชายใช้นามสกุลไทยว่า " ประสพสันต์" บางคนยังคงใช้นามสกุลตามบิดา นายเอชฯ เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวาย เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๗ เวลา ๑๖.๓๐ น.อายุได้ ๘๗ ปี ได้รับพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุวัดธาตุทอง กรุงเทพมหานคร วันอาทิตย์ที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๘ | Facebook". www.facebook.com.
- ↑ "Rotfaithai.Com Forums-viewtopic-เรื่องน่ารู้ : รถจักรไอน้ำที่เคยใช้การใน รฟท". portal.rotfaithai.com.
- ↑ https://gtaforums.com/topic/927743-historical-railway-by-ingramsl-episode-3-japanese-mikado-and-pacific-steam-locomotive-to-thailand/
- ↑ http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=1660
- ↑ http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=105
- ↑ https://photobucket.com/gallery/user/chayain/media/bWVkaWFJZDoxNDg4NzI1Mg==/?ref=
- ↑ https://photobucket.com/gallery/user/chayain/media/cGF0aDpOb3J0aGVybiByb3V0ZS9zdGVhbS1jYWItMDAxLmpwZw==/?ref=
- ↑ https://photobucket.com/gallery/user/chayain/media/bWVkaWFJZDoxNzA3NjE4NA==/?ref=
- ↑ http://www.tiewplearn.com/%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-2/[ลิงก์เสีย]