ยศตำรวจไทย

ระดับยศของตำรวจไทย

ยศตำรวจไทย เริ่มมีการใช้งานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด โดยปัจจุบันยศตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติถูกกำหนดโดยพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565[1]

ร้อยตำรวจเอกสังกัดกองบังคับการตำรวจน้ำ (ซ้าย) และเจ้าหน้าที่ยามฝั่งฟิลิปปินส์ (ขวา) ระหว่างการฝึก SEACAT 2018

ในขณะที่ตำรวจประเภทอื่นของไทยคือตำรวจรัฐสภา[2] และตำรวจศาล ไม่มียศ มีเพียงตำแหน่งตามรูปแบบข้าราชการพลเรือน เว้นแต่ว่าได้รับการแต่งตั้งยศก่อนที่จะมาเป็นตำรวจรัฐสภา และตำรวจศาล และยังคงชื่อเรียกยศก่อนชื่ออยู่

ประวัติ

แก้

ในช่วงแรกของกิจการตำรวจไทยนั้น ได้ใช้การถ่ายโอนทหารบกไปดำรงตำแหน่งในตำรวจ

ก่อน พ.ศ. 2458 ใช้ยศร่วมกับทหารบก

แก้

กิจการตำรวจเดิมทีเป็นรูปแบบของตำรวจวัง หรือตำรวจหลวง สำหรับรักษาความปลอดภัยองค์พระมหากษัตริย์เป็นการเฉพาะ ต่อมาช่วงรัชกาลที่ 4 (พ.ศ. 2405) ได้โปรดเกล้าให้ตั้งกองตำรวจตามรูปแบบของตะวันตกขึ้นครั้งแรก โดยให้กัปตัน เอส.เจ.เบิร์ด เอมส์ ต่อมาดำรงตำแหน่งหลวงรัฐยาภิบาลบัญชา เป็นผู้บังคับบัญชาโดยประชาชนในสมัยนั้นเรียกขานกันว่าโปลิศ มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยให้กับบ้านเมือง แต่งกายตามรูปแบบของอังกฤษ และได้รับการไว้วางใจจากรัชกาลที่ 4 ให้สามารถพกพาอาวุธเข้าไปในเขตพระราชฐานชั้นในได้ และพระราชทานตราแผ่นดินประดับไว้บนหน้าหมวก[3]

ต่อมาในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ได้มีการก่อตั้งกองตระเวนขึ้นมาประมาณปี พ.ศ. 2440 ในเวลานั้นยังไม่มีเครื่องบ่งบอกเครื่องหมายยศตำรวจที่ชัดเจน ซึ่งเริ่มมีการกำหนดเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2440[4]

ตำรวจภูธร พ.ศ. 2440

แก้

เครื่องหมายยศของนายตำรวจภูธรชั้นสัญญาบัตร[4] แบ่งออกเป็น

  • นายร้อยตรี
    • นายร้อยตรีประจำการ ประดับจักรชุบทองติดอยู่ปลายอินทรธนู อินทรธนูละ 1 จักร
    • นายร้อยตรีพนักงาน ประดับจักรชุบทองติดอยู่กลางอินทรธนู อินทรธนูละ 1 จักร
  • นายร้อยโท
    • นายร้อยโทประจำการ ประดับจักรชุบทองติดเรียงจากปลายอินทรธนูมากลางอินทรธนู อินทรธนูละ 2 จักร
    • นายร้อยโทพนักงาน ประดับจักรชุบทองติดเรียงบนปลายอินทรธนูจากด้านหน้ามาตรงกลาง อินทรธนูละ 2 จักร
  • นายร้อยเอก
    • นายร้อยเอกประจำการ ประดับจักรชุบทองติดเรียงกันจากปลายอินทรธนูมากลางและพาดไปทางต้นบ่า อินทรธนูละ 3 จักร
    • นายร้อยเอกพนักงาน ประดับจักรชุบทองติดเรียงกันบนปลายอินทรธนูจากหน้าอินทรธนูไปด้านหลังอินทรธนู อินทรธนูละ 3 จักร
  • ขณะที่นายพันตรี นายพันโท นายพันเอก ใช้รูปแบบเดียวกัน แต่มีแถบเงินกว้าง 1 เซนติเมตรทาบกลางอินทรธนูตามแนวความยาว
 
ตำรวจม้าในภูเก็ต พ.ศ. 2447

จากนั้นในปี พ.ศ. 2452 ได้มีการเปลี่ยนแปลงเครื่องแต่งกาย โดยมีการระบุการแต่งกลายและเครื่องหมายของแต่ละยศ[4] ได้แก่

  • จ่านายสิบ
    • จ่านายสิบประจำการ ใช้สังกะสีตัดเป็นแผ่นยาวตามความยาวอินทรธนู ย่อมุมสองมุมทางโคนอินทรธนูและหุ้มด้วยผ้าสักหลาดสีเทา ประดับหมายเลขตามราบทหารบกบนปลายอินทรธนูทั้ง 2 ข้าง
    • จ่านายสิบพนักงานยกกระบัตรคลัง ใช้สังกะสีตัดแผ่นย่อมุม 4 มุม หุ้มด้วยผ้าสักหลาดสีบานเย็นติดขวางอินทรธนู มีหมายเลขตามทหารราบบกประดับกลางอินทรธนูทั้ง 2 ข้าง
    • จ่านายสิบพนักงานฟังคดี สังกัดกองอัยการตำรวจภูธร ใช้สังกะสีตัดแผ่นย่อมุม 4 มุม หุ้มด้วยผ้าสักหลาดสีเม็ดมะปรางติดขวางบ่า มีหมายเลขตามทหารราบบกประดับกลางอินทรธนูทั้ง 2 ข้าง
  • นายพัน และนายร้อย กองบัญชาการตำรวจภูธรกรุงเทพฯ โรงเรียนนายร้อยตำรวจภูธร และที่ประจำการตามมณฑลหัวเมืองต่าง ๆ
    • นายพันและนายร้อยประจำการ
      • ประดับตราพระเกี้ยวชุบทองติดที่พับคอเสื้อบริเวณด้านหน้า 1 คู่
      • อินทรธนู ใช้อินทรธนูตามข้างต้น แต่ให้ใช้ผ้าสักหลาดสีเทา
      • เครื่องหมายยศ
        • นายพันตรี นายร้อยตรี ประดับจักรชุบทองบนปลายอินทรธนู อินทรธนูละ 1 จักร
        • นายพันโท นายร้อยโท ประดับจักรชุบทอง 2 จักรคู่กันบนปลายอินทรธนู อินทรธนูละ 2 จักร
        • นายพันเอก นายร้อยเอก ประดับจักรชุบทอง 2 จักรคู่กันบนปลายอินทรธนู และประดับบนต้นอินทรธนูอีก 1 จักร อินทรธนูละ 3 จักร
    • นายพันนายร้อยพนักงาน
      • ประดับดอกจันชุดทองติดที่พับคอเสื้อบริเวณด้านหน้า 1 คู่
      • อินทรธนู
        • พนักงานคลังเงิน ใช้อินทรธนูตามข้างต้น แต่ให้ใช้ผ้าสักหลาดสีน้ำเงินแก่
        • พนักงานยกกระบัตร ใช้อินทรธนูตามข้างต้น แต่ให้ใช้ผ้าสักหลาดสีเม็ดมะปราง
      • เครื่องหมายยศ
        • นายพันตรี นายร้อยตรี ประดับจักรชุบทองบนปลายอินทรธนู อินทรธนูละ 1 จักร
        • นายพันโท นายร้อยโท ประดับจักรชุบทอง 2 จักรคู่กันบนปลายอินทรธนู อินทรธนูละ 2 จักร
        • นายพันเอก นายร้อยเอก ประดับจักรชุบทอง 2 จักรคู่กันบนปลายอินทรธนู และประดับบนต้นอินทรธนูอีก 1 จักร อินทรธนูละ 3 จักร

จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น พบว่ายศของตำรวจในเวลานั้นยังยืมคำมาใช้จากทหารบก ยังไม่มีการนำคำว่าตำรวจเข้ามาใช้งานในการเรียกยศ

ในปี พ.ศ. 2457 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าให้ ยุบรวมกรมพลตระเวนและกรมตำรวจภูธร เข้าด้วยกันกัน และมีการกำหนดการแต่งกายตามพระราชกำหนดเครื่องแต่งตัวตำรวจภูธร พุทธศักราช 2458[4]

พ.ศ. 2458 พระราชทานชั้นยศตำรวจ

แก้

แต่เดิมได้มีการโอนทหารไปรับราชการเป็นตำรวจและใช้ยศทหารบกสำหรับตำรวจ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้ทรงมีพระบรมราชโองการกำหนดให้มียศตำรวจขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2458[5] เนื่องจากการแต่งตั้งและกระจายกองตำรวจภูธรออกไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศในทุก ๆ มณฑล ซึ่งขณะนั้นตำรวจภูธรเป็นกรมหนึ่งในกระทรวงมหาดไทย จึงได้มีการพระราชทานลำดับชั้นยศของตำรวจเองเป็นครั้แรก ได้แก่

 
นายร้อยตำรวจเอก ขุนประดิษฐสกลการ (ไปล่ จันทประดิษฐ) เครื่องแบบประดับพระมหามงกุฎที่คอเสื้อ น่าจะเป็นภาพที่ถ่ายก่อนการเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายยศในช่วงปี พ.ศ. 2475 ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตในการปราบกบฏบวรเดช
  • นายพลตำรวจเอก
  • นายพลตำรวจโท
  • นายพลตำรวจตรี
  • นายพันตำรวจเอก
  • นายพันตำรวจโท
  • นายพันตำรวจตรี
  • นายร้อยตำรวจเอก
  • นายร้อยตำรวจโท
  • นายร้อยตำรวจตรี
  • นายดาบตำรวจ
  • จ่านายสิบตำรวจ
  • นายสิบตำรวจเอก
  • นายสิบตำรวจโท
  • นายสิบตำรวจตรี

เครื่องหมายยศ

แก้

การใช้งานเครื่องหมายยศรูปแบบดังภาพนี้มีการใช้งานประมาณปี พ.ศ. 2458-2475[4] โดยแบ่งเป็น

  • ชั้นนายสิบ ใช้เป็นบั้งประดับที่แขนเสื้อด้านซ้ายเหนือจากข้อศอก มีตราครุฑประดับอยู่เหนือบั้ง[4]
    • นายสิบตำรวจตรี ติด 1 บั้ง
    • นายสิบตำรวจโท ติด 2 บั้ง
    • นายสิบตำรวจเอก ติด 3 บั้ง
    • จ่านายสิบตำรวจ ติด 4 บั้ง
  • ชั้นนายร้อย นายพัน และนายพล ให้ประดับจักรเงินทับบนแผ่นอินทรธนูตามลำดับยศ[4]
    • นายร้อยตำรวจตรี นายพันตำรวจตรี นายพลตำรวจตรี ติด 1 จักร
    • นายร้อยตำรวจโท นายพันตำรวจโท นายพลตำรวจโท ติด 2 จักร
    • นายร้อยตำรวจเอก นายพันตำรวจเอก นายพลตำรวจเอก ติด 3 จักร

เครื่องหมายตำแหน่ง

แก้

เครื่องหมายตำแหน่งหากประจำการอยู่ตำรวจภูธรให้ติดพระมหามงกุฎสีเงินที่คอเสื้อ หากอยู่กรมกลางให้ประดับพระมหามงกุฎสีเงินที่กลางอินทรธนู หากสังกัดตามหัวเมืองต่าง ๆ หรือภูธรให้ประดับเลขหมายมณฑลกลางอินทรธนู ขณะที่นายสิบพลตำรวจให้ประดับหมายเลขมณฑลบริเวณปลายอินทรธนูตรงกลางของเส้นตามความกว้าง[4]

ต่อจากนั้นได้มีการปรับปรุงแก้ไขระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวกับยศตำรวจเป็นระยะ[4] คือ

  • พ.ศ. 2461 ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม คือพลตำรวจชั้นหนึ่ง ติดบั้งเล็กสำหรับประดับแขนเสื้อข้างซ้ายเหนือศอก และตำรวจแผนกพนักงานยกกระบัตรและคลังเงินเปลี่ยนไปใช้เครื่องหมายดอกจันเงินแทนพระมหามงกุฎ
  • พ.ศ. 2467 ได้ยกเลิกอินทรธนูแพทย์ตำรวจและปรับไปใช้ตามเหล่านครบาลหรือภูธร โดยพื้นที่ล่างเป็นสาบสีเขียวตั้งแต่คอไปหาไหล่
  • พ.ศ. 2471 แก้ไขอินทรธนูนายดาบตำรวจ โดยเพิ่มแถบเงินกว้าง 0.5 เซนติเมตร พาดกลางตามแนวยาวอินทรธนู

พ.ศ. 2475 เปลี่ยนแปลงการปกครอง

แก้

ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ได้มีการวางแผนในการก่อตั้งกรมตำรวจ และเปลี่ยนชื่อจากกรมตำรวจภูธรให้เป็นกรมตำรวจต่อมาในปี พ.ศ. 2480 ได้มีการกำหนดยศตำรวจตามพระราชบัญญัติ โดยแบ่งเป็น 2 ลำดับ[6] ได้แก่

  1. สัญญาบัตร
    • นายพลตำรวจเอก
    • นายพลตำรวจโท
    • นายพลตำรวจตรี
    • นายพันตำรวจเอก
    • นายพันตำรวจโท
    • นายพันตำรวจตรี
    • นายร้อยตำรวจเอก
    • นายร้อยตำรวจโท
    • นายร้อยตำรวจตรี
  2. ประทวน
    • นายดาบตำรวจ
    • จ่านายสิบตำรวจ
    • นายสิบตำรวจเอก
    • นายสิบตำรวจโท
    • นายสิบตำรวจตรี

โดยตำรวจสัญญาบัตรนั้นจะได้รับด้วยการประกาศในพระบรมราชโองการ แต่งตั้งตามลำดับชั้นในกฎหมาย ยกเว้นแต่จะทรงโปรดเกล้าฯ เป็นกรณีพิเศษ และการแต่งตั้งยศชั่วคราวเป็นอำนาจตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขณะที่นายตำรวจชั้นประทวนแต่งตั้งโดยอาศัยอำนาจตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย[6]

เครื่องหมายยศ พ.ศ. 2477-2492

แก้

สำหรับเครื่องหมายยศในช่วง พ.ศ. 2477 ถึงปี พ.ศ. 2478 ตามพระราชบัญยัติเครื่องแบบตำรวจ พ.ศ. 2477 ใช้งานระหว่างวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2477 ถึงวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 และเครื่องหมายแสดงยศในช่วง พ.ศ. 2478 ถึงปี พ.ศ. 2492 กำหนดตามกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 1 ถึงฉบับที่ 11 ออกตามพระราชบัญญัติเครื่องแบบตำรวจ พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 2) เริ่มใช้งานระหว่างวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2492 ถือเป็นการใช้งานที่ยาวที่สุดช่วงหนึ่ง จะประกอบไปด้วย[4]

  • พลตำรวจอาสาสมัคร ให้ประดับอักษร "อ" ทำจากโลหะสีเงินเหนือกระเป๋าด้านซ้าย เหนือจากหมายเลขประจำตัว
  • ชั้นนายสิบตำรวจ ให้ประดับบั้งพื้นสีกากี บั้งทำจากผ้าสักหลาดสีขาว เย็บติดกับแขนเสื้อเหนือจากข้อศอกด้านซ้าย หันมุมลงด้านล่าง ยาวจากมุมข้างละ 5 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร
    • นายสิบตำรวจตรี 1 บั้ง
    • นายสิบตำรวจโท 2 บั้งซ้อนกัน
    • นายสิบตำรวจเอก 3 บั้งซ้อนกัน
    • จ่านายสิบตำรวจ 4 บั้งซ้อนกัน
  • นายดาบตำรวจ ประดับเครื่องหมายโลหะสีเงินรูปดาบ 2 เล่มไขว้กันบริเวณอินทรธนูทั้ง 2 ข้าง
  • นายร้อยตำรวจ ประดับดอกจันแปดกลีบที่ทำด้วยโลหะสีเงินบริเวณอินทรธนูทั้ง 2 ข้าง
    • นายร้อยตำรวจตรี 1 ดอก
    • นายร้อยตำรวจโท 2 ดอก ตามยาวของอินทรธนู
    • นายร้อยตำรวจเอก 3 ดอก ตามยาวของอินทรธนู
  • นายพันตำรวจ ประดับเช่นเดียวกับนายร้อยตำรวจ แต่เพิ่มขีด สันเหลี่ยม ทำจากโลหะสีเงินบนอินทรธนูที่ปลายบ่า ข้างละ 1 ขีด
  • นายพลตำรวจ ประดับเช่นเดียวกับนายพันตำรวจ แต่เพิ่มขีด สันเหลี่ยม ทำจากโลหะสีเงินบนอินทรธนูที่ปลายบ่า ข้างละ 1 ขีด

เครื่องหมายยศ พ.ศ. 2492-2496

แก้
 
นักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 4 สังเกตได้จากอินทรธนูแข็ง ระหว่างพระราชพิธึบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2562

สำหรับเครื่องหมายแสดงยศในช่วง พ.ศ. 2492 ถึงปี พ.ศ. 2496 กำหนดตามกฎกระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2492 และได้ยกเลิกการใช้งานเครื่องแบบก่อนหน้านี้ทั้งหมด และมีการประกาศกฎกระทรวงฉบับที่ 2 ถึง 6 ออกมาแก้ไขเพิ่มเติมตามลำดับ ใช้งานระหว่างวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2492 ถึงวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2496 ประกอบไปด้วย[4]

  • นักเรียนนายร้อยตำรวจ ประดับอักษร นร. กลางอินทรธนูและมีเลขประจำชั้นใต้อักษร หากทำหน้าที่นักเรียนช่วยบังคับบัญชาให้ประดับพระมหามงกุฎไม่มีรัศมีเหนืออักษร นร.
  • นายดาบตำรวจ ประดับรูปดาบทำจากเงิน 2 เล่มไขว้กันที่ริมอินทรธนูด้านไหล่ หันส่วนโค้งของดาบไปที่ต้นคอ
  • นายร้อยตำรวจ ประดับดอกจันแปดกลีบ ทำจากโลหะสีเงิน เริ่มติดจากไหล่ หากมากกว่า 1 ดอกให้เรียงไปตามความยาวอินทรธนูระยะห่างพองาม
    • นายร้อยตำรวจตรี 1 ดอก
    • นายร้อยตำรวจโท 2 ดอก
    • นายร้อยตำรวจเอก 3 ดอก
  • นายพันตำรวจ ประดับเช่นเดียวกับนายร้อยตำรวจ แต่ประดับพระมหามงกุฎมีรัศมีติดกับดอกจันที่เพิ่มขึ้นมา โดยให้ยอดพระมหามงกุฎอยู่ด้านของคอ
  • นายพลตำรวจ ประดับเช่นเดียวกับนายพันตำรวจ แต่ประดับช่อชัยพฤกษ์โค้งเข้าหาส่วนล่างของพระมหามงกุฎทั้ง 2 ข้าง โดยให้มีดอกจันระหว่างพระมหามงกุฎและช่อชัยพฤกษ์ คือ
    • นายพลจัตวาไม่มีดอกจัน
    • นายพลตำรวจตรี 1 ดอก
    • นายพลตำรวจโท 2 ดอก
    • นายพลตำรวจเอก 3 ดอก
  • จ่านายสิบและนายสิบตำรวจ ประดับบั้งพื้นสีเลือดหมู สาบสีดำ ตัวบั้งสีขาวหรือสีเงิน มีรูปตราโล่เขตทำจากโลหะสีเงินอยู่เหนือจากบั้ง ประดับแขนเสื้อด้านซ้ายเหนือข้อศอกเป็นมุมข้อศอกยาวมุมด้านละ 5 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร คือ
    • นายสิบตำรวจตรี 1 บั้ง
    • นายสิบตำรวจโท 2 บั้งซ้อนกัน
    • นายสิบตำรวจเอก 3 บั้งซ้อนกัน
    • จ่านายสิบตำรวจ 4 บั้งซ้อนกัน

เครื่องหมายยศ พ.ศ. 2496-2501

แก้

สำหรับเครื่องหมายแสดงยศในช่วงปี พ.ศ. 2490 ถึงปี พ.ศ. 2501 เป็นต้นไปนั้น ยกเลิกการใช้งานเครื่องแบบตำรวจและเครื่องหมายตำรวจก่อนหน้าทั้งหมด และมีการนำคำว่าดาวแปดแฉกมาใช้งานครั้งแรกแทนที่ดอกจัน โดยเป็นไปตามกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2496) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบตำรวจ พ.ศ. 2477 (ฉบับที่ 2) ใช้งานระหว่างวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2496 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2501 ประกอบไปด้วย[4]

  • นายดาบตำรวจ ประดับรูปดาบทำจากโลหะสีเงิน 2 เล่มไขว้กันริมอินทรธนูในด้านของไหล่ และหันปลายดาบไปทางคอ
  • นายร้อยตำรวจ ประดับรูปดาวแปดแฉกทำจากโลหะสีเงินที่ริมอินทรธนูด้านไหล กึ่งกลางด้านกว้างของอินทรธนู ประดับเรียงไปตามส่วนยาวของอินทรธนูเว้นระยะพองาม คือ
    • นายร้อยตำรวจตรี ดวงดาว 1 ดวง
    • นายร้อยตำรวจโท ดวงดาว 2 ดวง
    • นายร้อยตำรวจเอก ดวงดาว 3 ดวง
  • นายพันตำรวจ ประดับรูปดาวแปดแฉกรูปแบบเดียวกับนายร้อยตำรวจ แต่ประดับพระมหามงกุฎมีรัศมีทำด้วยโลหะสีเงินกับดวงดาวที่เพิ่มขึ้น ถ้ามากกว่า 1 ดวงให้ประดับเหนือดวงที่ใกล้กับด้านคอ
  • นายพลตำรวจ ประดับพระมหามงกุฎรูปแบบเดียวกับนายพันตำรวจ แต่ให้เพิ่มช่อชัยพฤกษ์ทำด้วยโลหะสีเงิน ปลายช่อโค้งเข้าหาส่วนล่างของพระมหามงกุฎทั้ง 2 ด้าน ส่วนของพลตำรวจจัตวาไม่มีดาวดาวแปดแฉก นอกจากนั้นให้ประดับระหว่างพระมหามงกุฎและช่อชัยพฤกษ์ หากดาวมากกว่าหนึ่งให้ติดช่อชัยพฤษก์ด้านใกล้ไหล่ คือ
    • นายพลตำรวจตรี 1 ดวง
    • นายพลตำรวจโท 2 ดวง
    • นายพลตำรวจเอก 3 ดวง
  • จ่านายสิบตำรวจและนายสิบตำรวจ ประดับรูปบั้งด้วยแถบสีขาวหรือเงินยาว 5 เซนติเมตร กว้าง 1 เซนติเมตร 2 แถวบรรจบกันลักษณะมุมข้อศอกตรึงบนพื้นสีเลือดหมู สาบดำ ประดับตราโล่เขนรุปโลหะสีเงินเหนือบั้ง กรณีมีมากกว่า 1 บั้ง ให้เว้นระยะห่างระหว่างบั้ง 0.4 เซนติเมตร ประดับที่แขนเสื้อซ้ายเหนือข้อศอกตามยศ ดังนี้
    • นายสิบตำรวจตรี 1 บั้ง
    • นายสิบตำรวจโท 2 บั้ง
    • นายสิบตำรวจเอก 3 บั้ง
    • จ่านายสิบตำรวจ 4 บั้ง หากประดับอินทรธนูแข็งไม่ต้องประดับบั้ง

ดาวแปดแฉก

แก้
 
พลตำรวจจัตวา

ต่อมาในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ประเทศตะวันตกได้แผ่อิทธิพลเข้ามา ทำให้สยามในเวลานั้นปรับและรับเครื่องหมายทางทหารของตะวันตก คือดาวห้าแฉกสำหรับใช้ในยศของทหารตามรูปแบบของสากล ขณะที่ตำรวจหากจะใช้เป็นดาวห้าแฉกเหมือนกันแต่เป็นสีเงินก็จะไปซ้ำซ้อนกับเครื่องหมายยศของทหารอากาศ ทำให้กิจการตำรวจในเวลานั้นได้รับความเมตตาจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (จวน อุฏฺฐายี) สมเด็จพระสังฤราชฯ องค์ที่ 16 ให้ใช้เป็นดาวเงินแปดแฉก แต่ละแฉกมีความหมายถึงธรรมะที่ให้ข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรยึดถือ[3] คือ

  1. สังคหวัตถุ 4
  2. มรรค 8
  3. อิทธิบาท 4
  4. พรหมวิหาร 4
  5. โลกธรรม 8
  6. ทิศ 6
  7. อริยสัจ 4
  8. ความกตัญญู

พ.ศ. 2501 ถึงสิ้นสุดกรมตำรวจ

แก้
 
นายตำรวจปกครองนักเรียนนายร้อยตำรวจ ประดับอินทรธนูแข็งของพันตำรวจตรี (ซ้าย) และร้อยตำรวจเอก (ขวา)

หลังจาก พ.ศ. 2501 ได้มีการประกาศกฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2501) ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบตำรวจ พุทธศักราช 2477 (ฉบับที่ 2) ซึ่งมีเนื้อหาไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก มีการเพิ่มรูปแบบของอินทรธนูอ่อน คืออินทรธนูสีเดียวกับเนื้อผ้าเครื่องแบบ และอินทรธนูแข็งเป็นแผ่นความกว้าง 5 เซนติเมตร ยาวตามขนาดบ่า พื้นสีเลือดหมู ส่วนปลายมีดุมสีโลหะ สาบสีดำ มีรายละเอียดปลีกย่อย ดังนี้[7]

  • นักเรียนนายร้อยตำรวจ จะมีแถบสีเงินความกว้าง 1 เซนติเมตรพาดกลางตามความยาวของอินทรธนู
  • จ่านายสิบตำรวจและนายดาบตำรวจ จะมีแถบสีเงินความกว้าง 0.5 เซนติเมตรเป็นขอบ เว้นแค่ด้านไหล่
  • นายร้อยตำรวจ จะมีแถบสีเงิน ความกว้าง 1 เซนติเมตรเป็นขอบ เว้นแค่ด้านไหล่
  • นายพันตำรวจ จะเหมือนกับนายร้อยตำรวจ แต่มีแถบสีเงิน ความกว้าง 0.5 เซนติเมตร พาดกลางตามความยาวของอินทรธนู
  • นายพลตำรวจ พื้นอินทรธนูปัด้วยดินเงินเป็นลายถักเต็มแผ่นอินทรธนูแข็ง

ขณะที่จ่านายสิบตำรวจ จะไม่ใช่เครื่องหมายบั้งประดับบริเวณแขนร่วมกับนายสิบตำรวจ แต่เปลี่ยนมาใช้เครื่องหมายประดับที่อินทรธนูทั้ง 2 ข้างแทน มีรายละเอียด[7] คือ

  •  
    เครื่องหมายยศจ่าสิบตำรวจหลังจาก พ.ศ. 2501
    จ่านายสิบตำรวจ รูปบั้งทำจากโลหะสีเงินเป็นรูปหางนกแซงแซว ความกว้าง 0.3 เซนติเมตร ปลายทั้งสองของบั้งห่างกัน 3 เซนติเมตร เรียงห่างกันจำนวน 3 บั้ง ระยะห่าง 0.2 เซนติเมตร ด้านแหลมชี้มาทางด้านคอ และมีขีดความกว้าง 0.3 เซนติเมตร ยาว 3 เซนติเมตร จำนวน 1 ขีด วางตามขวางของอินทรธนูตัดกลับปลายบั้ง ห่างจากอินทรธนูด้านไหล่ 0.5 เซนติเมตร[7]

การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ

แก้

หลังจากกฎกระทรวงดังกล่าว ได้มีการประกาศปรับปรุงระเบียบต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น

  • พ.ศ. 2504 ได้ปรับเครื่องหมายยศของนายพลตำรวจ โดยปรับให้จากเดิมเริ่มต้นประดับดาวที่พลตำรวจตรี 1 ดาว พลตำรวจโท 2 ดาว และพลตำรวจเอก 3 ดาว[8] ปรับเป็น
    • พลตำรวจจัตวา 1 ดาว
    • พลตำรวจตรี 2 ดาว
    • พลตำรวจโท 3 ดาว
    • พลตำรวจเอก 2 ดาว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

แก้

ปัจจุบันยศตำรวจถูกกำหนดโดยพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565[1]

ชั้น ยศ และตำแหน่ง

แก้

สำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปัจจุบันพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565[1] ได้กำหนดชั้นข้าราชการตำรวจ 3 ชั้น ยศตำรวจทั้งหมด 14 ยศ และมีตำแหน่งข้าราชการตำรวจประเภทที่มียศ 13 ตำแหน่ง ได้แก่

ชั้นข้าราชการตำรวจ ยศตำรวจ ตำแหน่งข้าราชการตำรวจประเภทที่มียศ หมายเหตุ
ชั้นสัญญาบัตร
  1. พลตำรวจเอก
  2. พลตำรวจโท
  3. พลตำรวจตรี
  4. พันตำรวจเอก
  5. พันตำรวจโท
  6. พันตำรวจตรี
  7. ร้อยตำรวจเอก
  8. ร้อยตำรวจโท
  9. ร้อยตำรวจตรี
  1. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
  2. รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ จเรตรวจแห่งชาติ
  3. ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ รองจเรตำรวจแห่งชาติ
  4. ผู้บัญชาการ และ จเรตำรวจ
  5. รองผู้บัญชาการ และ รองจเรตำรวจ
  6. ผู้บังคับการ
  7. รองผู้บังคับการ
  8. ผู้กำกับการ
  9. รองผู้กำกับการ และ สารวัตรใหญ่
  10. สารวัตร
  11. รองสารวัตร
[1]
ชั้นประทวน
  1. ดาบตำรวจ
  2. จ่าสิบตำรวจ
  3. สิบตำรวจเอก
  4. สิบตำรวจโท
  5. สิบตำรวจตรี
  1. ผู้บังคับหมู่
  2. รองผู้บังคับหมู่
[1]
ชั้นพลตำรวจ พลตำรวจสำรอง [a]

เครื่องหมายยศ

แก้

เครื่องหมายยศตำรวจไทยของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปัจจุบัน ได้แก่

ชั้นสัญญาบัตร

แก้
กลุ่มชั้นยศ นายพล / นายตำรวจชั้นนายพล ตำรวจชั้นสัญญาบัตรอาวุโส ตำรวจชั้นสัญญาบัตร นักเรียนนายร้อย
  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
                 
พลตำรวจเอก
Phon Tam Ruad Ek
พลตำรวจโท
Phon Tam Ruad Tho
พลตำรวจตรี
Phon Tam Ruad Tri
พันตำรวจเอก
Phan Tam Ruad Ek
พันตำรวจโท
Phan Tam Ruad Tho
พันตำรวจตรี
Phan Tam Ruad Tri
ร้อยตำรวจเอก
Roi Tam Ruad Ek
ร้อยตำรวจโท
Roi Tam Ruad Tho
ร้อยตำรวจตรี
Roi Tam Ruad Tri
นักเรียนนายร้อยตำรวจ
Nak Rian Nai Roi Tam Ruad
ตัวย่อ[9] พล.ต.อ. พล.ต.ท. พล.ต.ต. พ.ต.อ. พ.ต.ท. พ.ต.ต. ร.ต.อ. ร.ต.ท. ร.ต.ต. นรต.
การแผลงเป็นอังกฤษ Police General Police Lieutenant General Police Major General Police Colonel Police Lieutenant Colonel Police Major Police Captain Police Lieutenant Police 2nd Lieutenant Police Cadet Officer
ยศเทียบเท่าทหารบก/ตำรวจของสหราชอาณาจักร General
Commissioner
Lieutenant General
Deputy Commissioner
Major General
Assistant Commissioner
Colonel
Chief Superintendent
Lieutenant Colonel
Divisional Superintendent
Major
Superintendent
Captain
Chief Inspector
Lieutenant
Inspector
Second Lieutenant
Subdivisional Inspector
Officer Cadet

ชั้นประทวนและพลตำรวจ

แก้
กลุ่มชั้นยศ ตำรวจชั้นประทวนอาวุโส ตำรวจชั้นประทวน พลสมัคร
และพลตำรวจ
  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
          ไม่มีเครื่องหมาย
ดาบตำรวจ
Dap Tamruat
จ่าสิบตำรวจ
Cha Sip Tamruat
สิบตำรวจเอก
Sip Tamruat Ek
สิบตำรวจโท
Sip Tamruat Tho
สิบตำรวจตรี
Sip Tamruat Tri
พลตำรวจ
Phon Tamruat
ภาษาอังกฤษ Police sergeant major Police Master sergeant Police sergeant Police corporal Police lance corporal Police constable

ตำรวจรัฐสภา

แก้

เครื่องหมายระดับของตำรวจรัฐสภานั้น จะใช้เครื่องหมายลักษณะเดียวกับตำรวจไทยทั่วไป แต่จะแตกต่างในเรื่องของรายละเอียดประเภทตำแหน่งและหลักเกณฑ์ในการประดับ[10]

ประเภททั่วไป

แก้
                 
ตำแหน่ง ระดับทักษะพิเศษ - ระดับอาวุโส ระดับชำนาญงาน
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง 8 ปีขึ้นไป 4 ปี แต่ไม่ถึง 8 ปี ไม่ถึง 4 ปี - - 2 ปีขึ้นไป ไม่ถึง 2 ปี 4 ปีขึ้นไป 2 ปี แต่ไม่ถึง 4 ปี
การแผลงเป็นอังกฤษ Highly Skilled Level - Senior Level Experienced Level
 
ตำรวจรัฐสภาแต่งกายคล้ายกันกับตำรวจแห่งชาติ แต่ไม่ได้ใช้ระบบยศเหมือนกัน เนื่องจากตำรวจรัฐสภามีอำนาจแค่ในพื้นที่รัฐสภา

เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาระดับปฏิบัติงาน

  • ดำรงตำแหน่งระดับปฏิบัติงานไม่ถึง 2 ปี ให้ใช้รูปดาว 8 แฉก ทำด้วยโลหะสีเงิน 1 ดาว
  • ดำรงตำแหน่งระดับปฏิบัติงานตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 4 ปี ให้ใช้รูปดาว 8 แฉก ทำด้วยโลหะสีเงิน 2 ดาว
  • ดำรงตำแหน่งระดับปฏิบัติงานตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป ใช้รูปดาว 8 แฉก ทำด้วยโลหะสีเงิน 3 ดาว

เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาระดับชำนาญงาน ให้ใช้เครื่องหมายรูปพระมหามงกุฎมีรัศมีติดกับรูปดาว 8 แฉก ทำด้วยโลหะสีเงินติดกึ่งกลาง

  • ดำรงตำแหน่งชำนาญงานไม่ถึง 2 ปี ให้ใช้เครื่องหมายรูปพระมหามงกุฎมีรัศมีติดกับรูปดาว 8 แฉก ทำด้วยโลหะสีเงิน 1 ดาว
  • ดำรงตำแหน่งชำนาญงานตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป ให้ใช้เครื่องหมายรูปพระมหามงกุฎมีรัศมีติดกับรูปดาว 8 แฉก ทำด้วยโลหะสีเงิน 2 ดาว

ระดับอาวุโส

  • ให้ใช้เครื่องหมายรูปพระมหามงกุฎมีรัศมีติดกับรูปดาว 8 แฉก ทำด้วยโลหะสีเงิน 3 ดาว

ระดับทักษะพิเศษ ให้ใช้เครื่องหมายรูปพระมหามงกุฎมีรัศมีติดกับรูปดาว 8 แฉก ทำด้วยโลหะสีเงิน ติดกึ่งกลางระหว่างพระมหามงกุฎและช่อชัยพฤกษ์

  • ดำรงตำแหน่งทักษะพิเศษไม่ถึง 4 ปี ให้มีเครื่องหมายรูปพระมหามงกุฎมีรัศมีและมีช่อชัยพฤกษ์ทำด้วยโลหะสีเงินโค้งเข้าหาส่วนล่างของพระมหามงกุฎทั้งสองข้าง ประกอบด้วยรูปดาว 8 แฉก ทำด้วยโลหะสีเงินจำนวน 2 ดาว ติดกึ่งกลางระหว่างพระมหามงกุฎและช่อชัยพฤกษ์
  • ดำรงตำแหน่งระดับทักษะพิเศษตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 8 ปี ให้มีเครื่องหมายรูปพระมหามงกุฎมีรัศมีและมีช่อชัยพฤกษ์ทำด้วยโลหะสีเงินโค้งเข้าหาส่วนล่างของพระมหามงกุฎทั้งสองข้าง ประกอบด้วยรูปดาว 8 แฉก ทำด้วยโลหะสีเงินจำนวน 3 ดาว ติดกึ่งกลางระหว่างพระมหามงกุฎและช่อชัยพฤกษ์
  • ดำรงตำแหน่งระดับทักษะพิเศษตั้งแต่ 8 ปีขึ้นไป ให้มีเครื่องหมายรูปพระมหามงกุฎมีรัศมีและมีช่อชัยพฤกษ์ทำด้วยโลหะสีเงินโค้งเข้าหาส่วนล่างของพระมหามงกุฎทั้งสองข้าง ประกอบด้วยรูปดาว 8 แฉก ทำด้วยโลหะสีเงินจำนวน 4 ดาว ติดกึ่งกลางระหว่างพระมหามงกุฎและช่อชัยพฤกษ์

ประเภทวิชาการ

แก้

ปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงระเบียบเพื่อให้สอดคล้องกับตำแหน่ง เนื่องจากยังไม่มีระเบียบการประดับเครื่องหมายระดับรองรับที่ชัดเจน จึงใช้การเทียบเคียงกับตำแหน่งประเภททั่วไปเป็นการชั่วคราว

ตำรวจศาล

แก้

สำหรับเจ้าพนักงานตำรวจศาลนั้น ใช้มาตรฐานการกำหนดตำแหน่งของสำนักคณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม (ก.ศ.) ประกอบไปด้วย

  • ประเภททั่วไป[11]ระดับปฏิบัติงาน ระดับชำนาญงาน และระดับอาวุโส
  • ประเภทวิชาการ[12] ระดับปฏิบัติการ ระดับชำนาญการ และระดับชำนาญการพิเศษ

หมายเหตุ

แก้
  1. ผู้ที่ได้รับการบรรจุผ่านการคัดเลือก / สอบแข่งขันเข้ารับการศึกษาในสถานศึกษาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ดูเพิ่ม

แก้

อ้างอิง

แก้
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 "พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 : กองสวัสดิการ". welfarepolice.com.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  2. "ตำรวจรัฐสภา : มีบทบาทต่างจากตำรวจทั่วไปอย่างไร". BBC News ไทย. สืบค้นเมื่อ 2024-11-13.
  3. 3.0 3.1 ฐานเศรษฐกิจ (2023-06-10). "เปิดที่มาดาวยศตำรวจ ทำไมต้อง 8 แฉก มีความหมายอย่างไร". thansettakij.
  4. 4.00 4.01 4.02 4.03 4.04 4.05 4.06 4.07 4.08 4.09 4.10 4.11 การแต่งกายไทย : วิวัฒนาการจากอดีตสู่ปัจจุบัน เล่ม 2. คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542. 2542.
  5. ราชกิจจานุเบกษา. ประกาศ ใช้ยศนายตำรวจภูธร พระพุทธศักราช 2458. เล่ม 32 น่า 66 วันที่ 4 เมษายน 2458 (สะกดตามเอกสารจริง)
  6. 6.0 6.1 ราชกิจจานุเบกษา. พระราชบัญญัติยศตำรวจ พุทธศักราช 2480. วันที่ 4 เมษายน 2481 เล่ม 55 หน้า 1-5
  7. 7.0 7.1 7.2 "กฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2501) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบตำรวจ พุทธศักราช 2477 (ฉบับที่ 2)". dl.parliament.go.th. 2501-12-30.
  8. "กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2504) ออกตามความใน พระราชบัญญัติเครื่องแบบตำรวจ พุทธศักราช 2477 (ฉบับที่ 2)". dl.parliament.go.th. 2504-12-20.
  9. [1] เก็บถาวร 2018-12-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
  10. ราชกิจจานุเบกษา. ประกาศประธานรัฐสภา ว่าด้วยเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา พ.ศ. 2556 เก็บถาวร 2022-03-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. เล่ม 130 ตอนพิเศษ 117 ง วันที่ 13 กันยายน 2556 หน้า 16-28
  11. "มาตรฐานกำหนดตำแหน่งประเภททั่วไป สายงานเจ้าพนักงานตำรวจศาล". ojoc.coj.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-03-16.
  12. "มาตรฐานกำหนดตำแหน่งประเภทวิชาการ สายงานเจ้าพนักงานตำรวจศาล". ojoc.coj.go.th. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-07-01. สืบค้นเมื่อ 2022-03-16.