มีดที่ 13 เป็นการ์ตูนไทยที่สร้างสรรค์โดยทีมงาน Big Boss Band เคยตีพิมพ์ในนิตยสาร BOOM สร้างสรรค์โดยนพ วิฑูรย์ทอง (Whitecrow) และ บุญเชิด แช่มประเสริฐ (Ice Hornet)[1] โดยเขียนต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ. 2537และเป็นหนึ่งในการ์ตูนไทยที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ปัจจุบันมี 4 ภาค ซึ่งได้แก่ มีดที่ 13, The Legend, Nostalgia,และมีดที่ 13 Extinction[2][3] รวมถึง ยังได้รับการจัดพิมพ์เป็นฉบับนิยายในชื่อภาค Reborn เป็นการนำภาคแรกมาเล่าและตีความใหม่ซึ่งเนื้อหาจะมีความเข้มข้นและละเอียดกว่าในฉบับการ์ตูน[4] นอกจากนี้ ยังมี มีดที่ 13 เล่ม Another Story ซึ่งเป็นการรวมตอนพิเศษอีกด้วย ซึ่งจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ตัวละครแต่ละคนในมีดที่ 13 มีตอนด้วยกัน 8 และตอนที่ 5 เป็นตอนพิเศษที่มี สุทธิชาติ ศราภัยวานิช หรือ SS แห่ง มอนสเตอร์คลับ เจ้าของผลงาน Joe The Sea-Cret Agentเป็นผู้วาดรับเชิญ

มีดที่ 13
มีดที่ 13
มีดที่ 13
ชื่อ มีดที่ 13
ชื่ออังกฤษ Knife 13Th
แนว แอ็คชั่น
หนังสือการ์ตูน
ผู้แต่ง บุญเชิด แช่มประเสริฐ (Ice Hornet)
ผู้วาดภาพประกอบ นพ วิฑูรย์ทอง (Whitecrow)
สำนักพิมพ์ ไทย สำนักพิมพ์เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์
จำนวนเล่ม มีดที่ 13 ภาคแรก 7 เล่ม

ภาค The Legend 15 เล่ม
ภาค Nostalgia 28 เล่ม
ภาค Extinction 18 เล่ม (ยังไม่จบ)

บทความนี้อยู่ในประเภทการ์ตูนไทย

มีดที่ 13 เป็นการ์ตูนไทยที่วาดต่อเนื่องมากว่า 30 ปี รวมถึงเป็นเรื่องยาวมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมากเรื่องหนึ่ง[5]ทว่าในปี 2557 นิตยสารบูมได้ปิดตัวลงอย่างกะทันหัน[6] ทำให้ทางทีมงานผู้วาดตัดสินใจที่จะจัดพิมพ์รวมเล่มจำหน่ายแก่นักอ่านด้วยตัวเองในระบบพรีออเดอร์[7]นอกจากนี้ยังมีการผลิตโมเดลและสินค้าที่ระลึก[8]ออกมาจำหน่ายอีกต่างหากด้วย[9]โดยการ์ตูนชุดนี้ยังคงจัดพิมพ์มาจนปัจจุบันในแบบรายสะดวกให้สั่งซื้อโดยตรง

เนื้อเรื่อง แก้

ภาคแรก แก้

เป็นภาคที่จะกล่าวถึงประวัติของมาร์คัสในวัยเด็ก ตั้งแต่พ่อแม่ น้องสาว (มาทิลด้า) ถูกสังหารโดยนักสู้หัวกะโหลก ทั้ง 12 คน[2] ตัวมาร์คัสที่ถูกก็อด ฝังดาบหักกระดูกไว้ในหัวใจ (เทพดาบหัก 1 ในนักสู้หัวกะโหลก) และสาเหตุที่มาร์คัสต้องกลายมาเป็นนักสู้หัวกะโหลกคนที่ 13 โดยผู้ดำเนินเนื้อเรื่องจะเป็นจัสติน ซึ่งเนื้อเรื่องจะเต็มไปด้วยความแค้น ความชิงชัง และ ความรัก

ภาค 2: The Legend แก้

ในตอนต้นเรื่อง มาร์คัสจะยุติความแค้นของตัวเอง และกำลังจะแต่งงานกับชาช่า แต่ถูกขัดขวางโดยนักสู้หัวกะโหลกที่เหลือ คือ ซับบาธ กับ โทมาฮ็อค จากการกระทำของ 2 คนนี้ เป็นสาเหตุให้ชาช่าต้องตาย ซึ่งเป็นชนวนความแค้นอีกครั้งของมาร์คัส และจะรุนแรงกว่าครั้งก่อน เพราะการสูญเสียคนที่รักที่สุด การกลับมาของเซพัลทูล่าซึ่งสำเร็จวิชาอวตาร อีกทั้งยังมีนักสู้หัวกะโหลกคนที่ 14 อีก รวมถึงการปรากฏตัวของราชาโซโลมอนและขุนพลราชาทั้ง 5 และความเกรียงไกรของกองทัพเทวดา โดยจัสตินจะเป็นผู้ดำเนินเรื่อง ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าภาคนี้ จัสติน กับ มาร์คัส เป็นพระเอกเหมือนกัน

ภาค 3: Nostalgia แก้

หลังจากที่พวกของจัสตินพ่ายแพ้ที่หอทรงธรรมจนต้องหนีจากผืนดิน ไปอาศัยในทะเลกลายเป็นโจรสลัด และเหล่านักสู้หัวกะโหลกได้ครองยุทธภพ ทุก ๆ อย่างก็เริ่มเลวร้ายลงทุกขณะ มาคัสซึ่งบัดนี้ถูกจองจำในเหล็กได้รับการปลดปล่อยจาก พันธนาการ แต่เขากลับสูญเสียความทรงจำ เขาได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านกล้วยไม้สวรรค์ซึ่งปกครองโดย กล้วยไม้ขาวรุ่นที่ 2 นี้เป็นเพียงความสงบสุขเพียงชั่วคราว จนกระทั่งกล้วยไม้แดงได้ลักพาตัวเด็กที่สนิทกับมาคัสไป มาคัสจึงออกตามหา และทำให้ความทรงจำของเขากลับมา เขาจะต้องสะสางความแค้นกับหัวกะโหลก ความแค้นที่มืดมิด การต่อสู้ที่ร้อนระอุได้เปิดฉากขึ้นอีกครั้ง

ภาค 4: Extinction แก้

บทสรุปความแค้นของมาร์คัสและอิสรภาพสุดท้ายของชาวโลก ซึ่งเหล่าอธรรมได้กระทำการโจมตีเกาะมรกต ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของเก็งโคริว จัสติน[2]

ภาคนิยาย: Reborn แก้

เป็นการทำมีดที่ 13 ออกมาในนิยายกำลังภายในและแฟนตาซี เนื้อหานั้นจะคล้ายกับมีดที่ 13 ในภาคแรก แต่จะมีรายละเอียดต่างๆมากกว่า เพราะจะมีส่วนที่ผู้แต่งต้องการเสริมให้ผู้อ่านเพิ่มเติมเข้าไปด้วย ถึงจะไม่มีภาพเหมือนฉบับการ์ตูนแต่ก็จะมีการบรรยายที่ละเอียดและสวยงาม มีความสนุกได้อรรถรสไม่แพ้ฉบับการ์ตูนจริงๆ

ตอนพิเศษ: Another Story แก้

เป็นส่วนของตอนพิเศษก่อนเริ่มภาค Extinction จะกล่าวรายละเอียดของตัวละคร

ตัวละคร แก้

การสร้าง แก้

มีดที่ 13 เป็นการ์ตูนที่ นพ วิฑูรย์ทอง และ บุญเชิด แช่มประเสริฐ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์จีนยุคชอว์บราเธอร์[2] และครั้งหนึ่ง นพ วิฑูรย์ทอง ได้เปิดเผยว่า มีดที่ 13 เป็นการ์ตูนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนอเมริกันอย่างสปอว์น กับการ์ตูนมาร์เวลคอมิกส์ ตลอดจนการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างดราก้อนบอล และโดราเอม่อน มาเป็นแนวทางในการเขียน ซึ่งได้รับค่าตอบแทนในการตีพิมพ์หน้าละ 200 บาทในช่วงแรก เนื่องจากในช่วงนั้นเขายังไม่ใช่นักเขียนอาชีพ ปัจจุบัน เขามีแผนการณ์สร้างให้ภาคนี้เป็นภาคสุดท้าย และเนื่องจากการลงเส้นที่เน้นความละเอียดและรุนแรง ส่งผลให้ทีมงานคนหนึ่งต้องทนทรมานกับการเว้นช่วงผ่าตัดมือก่อนทำการปิดต้นฉบับในภาคดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง[10]

การตอบรับ แก้

นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ซึ่งเป็นนักวิจารณ์การ์ตูน กล่าวถึงลายเส้นและเนื้อเรื่อง มีดที่ 13 ในช่วงแรกว่าค่อนข้างรบกวนจิตใจอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้กล่าวชมเชยในด้านพัฒนาการ โดยยกย่องเนื้อเรื่องของภาค Extinction ว่ามีความเหนือกว่า Nostalgia อย่างเห็นได้ชัด โดยมีการเล่าเรื่องที่ชัดเจน และมีลายเส้นสวยงามมากขึ้น[2] ซึ่งครั้งหนึ่ง นพ วิฑูรย์ทอง ได้เปิดเผยว่าพบการแสดงความเห็นจากผู้อ่านทางอินเทอร์เน็ตในเชิงลบ โดยการแสดงข้อความขับไล่พร้อมกับการแสดงภาพล้อเลียนการแขวนคอ ทำให้เขาถึงกับร้องไห้มาแล้วครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เขาก็ยืนยันที่จะไม่ท้อถอย และได้รับความเชื่อมั่นจากเพื่อนร่วมทีมทุกคนที่จะให้เขาเป็นหัวหน้าต่อไป[10]

มีดที่ 13 เป็นผลงานที่ได้รับการจัดพิมพ์อย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่าสิบปีกับจำนวนกว่าห้าสิบเล่ม และมีการนับค่าลิขสิทธิ์เฉพาะเล่มแรกอยู่ที่ประมาณเกือบ 5 ล้านบาทในปัจจุบัน[10]

อ้างอิง แก้

  1. "มีดที่ 13 NOSTALGIA". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-07. สืบค้นเมื่อ 2011-02-15.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 มีดที่ 13 ปัญหาเรื้อรังของเทพและมาร. นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์. มติชนสุดสัปดาห์. ปีที่ 32 ฉบับที่ 1673. วันที่ 7-13 กันยายน พ.ศ. 2555. ISSN 1686-8196. หน้า 60
  3. มีดที่ 13 การ์ตูนไทยสุดโหดเรื่องแรกที่มีถึง 4 ภาค[ลิงก์เสีย]
  4. metalbridges
  5. การ์ตูนไทยไปถึงไหนแล้ว? EP.3 เปิดมุมมองหัวเรือใหญ่ธุรกิจการ์ตูนไทย
  6. บ้านการ์ตูนไทย 2557
  7. ตอนนี้ มีดที่ 13 ถึงไหนแล้วครับ? อวสานหรือยัง?
  8. สัมภาษณ์ นพ วิฑูรย์ทอง
  9. การ์ตูนไทย มีดที่ 13 และ อภัยมณีซาก้า ยังเขียนอยู่หรือเปล่า?
  10. 10.0 10.1 10.2 Sonoson. (กรกฎาคม 2552). LET'S Talk. LET'S Comic. Vol 03. หสน.ห้องภาพสุวรรณ. ISBN 978-611-90128-2-0. หน้า 56-63

แหล่งข้อมูลอื่น แก้