ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี (อังกฤษ: UEFA European Under-21 Championship) เป็นการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติเพื่อหาทีมผู้ชนะในระดับทวีปยุโรปในรุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี จัดการแข่งขันโดยยูฟ่าทุก 2 ปี โดยทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในการแข่งขันที่เกิดขึ้นก่อนกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1 ปี จะได้สิทธิ์แข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน ในปีถัดมา
ถ้วยรางวัลของทีมผู้ชนะฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี | |
ก่อตั้ง | 1989 |
---|---|
ภูมิภาค | ยุโรป (ยูฟ่า) |
จำนวนทีม | 55 (รอบคัดเลือก) 16 (รอบสุดท้าย) |
ทีมชนะเลิศปัจจุบัน | อังกฤษ (3 สมัย) |
ทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุด | อิตาลี สเปน (ทีมละ 5 สมัย) |
เว็บไซต์ | เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ |
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี 2023 |
อิตาลีและสเปน เป็นทีมที่ชนะเลิศการแข่งขันมากที่สุด ซึ่งสเปนยังคงเป็นทีมผู้ชนะ ณ ปัจจุบัน หลังจากชนะเลิศการแข่งขันในปี ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา จากการเอาชนะเยอรมนี ในรอบชิงชนะเลิศ 2–1
ประวัติ
แก้ตั้งแต่ปี 1967 ถึง 1970 ยูฟ่าได้จัดตั้งการแข่งขันประเภทผู้เล่นอายุต่ำกว่า 23 ปีขึ้นครั้งแรกในระดับยุโรปมีชื่อว่า Under-23 Challenge Cup ในปี ค.ศ. 1970 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี และมีจำนวนทีมที่มากขึ้นและใช้รูปแบบนี้จนถึงปี 1976 จึงเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันเป็นระดับรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีและเริ่มต้นครั้งแรกในปี 1978 และคงรูปแบบนี้นับแต่นั้นมา โดยในรอบคัดเลือกผู้เล่นทุกคนจะต้องเกิดในหรือหลัง 21 ปีก่อนหน้า เช่น การแข่งขันรอบคัดเลือกของการแข่งขันในปี 2019 ซึ่งเริ่มต้นแข่งขันในปี 2017 ผู้เล่นทุกคนจะต่องเกิดในหรือหลังปี ค.ศ. 1996 แต่ในรอบสุดท้ายซึ่งจะแข่งขันในอีก 2 ปีข้างหน้านับจากรอบคัดเลือก ก็จะใช้กฎที่ทุกคนต้องเกิดในหรือหลังปี ค.ศ. 1996 เช่นกัน ฉะนั้นผู้เล่นจึงสามารถมีอายุมากกว่า 21 ปีได้ในการแข่งขันรอบสุดท้ายแต่จะไม่เกิน 23 ปี
แต่เดิมนั้น การแข่งขันจะมีการลงเล่นในเดือน พฤษภาคม–มิถุนายน ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกและฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปของทีมชุดใหญ่ แต่ได้เปลี่ยนแปลงไปนับจากที่การแข่งขันถูกย้ายไปแข่งขันในปีคี่
การแข่งขันนี้ถือว่าเป็นก้าวสำคัญสู่ทีมชุดใหญ่ ซึ่งมีนักเตะที่คว้าแชมป์กับทีมชุดใหญ่มากมายเคยผ่านแข่งขันในรายการนี้ เช่น เมซุท เออซิล กลาส-ยัน ฮึนเตอลาร์ มานูเอ็ล น็อยเออร์ ผู้ชนะการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014, ฌูอัน กัดดาบิลา การ์เลส ปูยอล ชาบี ผู้ชนะการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 เป็นต้น
รูปแบบการแข่งขัน
แก้ในการแข่งขันในปีก่อนหน้าและในปี 1992 ในรอบคัดเลือกได้มีเข้าร่วมทั้งหมด 33 ทีมจะถูกแบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีมและจะมี 1 กลุ่มที่มี 5 ทีมทีมที่มีลำดับดีที่สุดจะผ่านเข้าสู่การแข่งขันในรอบสุดท้าย โดยในรอบสุดท้ายจะลงเล่นในรูปแบบแพ้คัดออก 2 นัด เหย้า–เยือน จนหาทีมชนะเลิศได้
การแข่งขันในปี 1994 ได้มีเจ้าภาพของการแข่งขันรอบสุดท้ายขึ้นเป็นครั้งแรกนั่นคือ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันที่เหลือจากรอบรองชนะเลิศเป็นต้นไป เท่านั้น และมีการแข่งขันเพียงนัดเดียวไม่มีเหย้า–เยือน แต่ในรอบก่อนรองชนะเลิศยังคงใช้กฎกติกาเดิมของปีก่อนหน้า
การแข่งขันในปี 1998 ในรอบคัดเลือก ได้มีการคัดเลือกโดยมีกลุ่มมากถึง 9 กลุ่มเนื่องจากการมีทีมเข้าร่วมถึง 46 ทีม โดยทีมแชมป์กลุ่มทั้งหมดที่มีคะแนนดีที่สุด 7 ทีมจะผ่านเข้ารอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ขณะที่ทีมแชมป์กลุ่มที่มีคะแนนต่ำที่สุด 2 ทีม จะไปแข่งขันกันในรูปแบบเหย้า–เยือน เพื่อหาผู้ชนะเข้าสู่รอบสุดท้าย โดยในรอบสุดท้าย การแข่งขันที่เหลือจากรอบรองชนะเลิศเป็นต้นไป ได้ถูกจัดขึ้นใน ประเทศโรมาเนีย ซึ่ง โรมาเนีย ก็ได้เป็นหนึ่งในแปดที่ผ่านเข้ารอบด้วย
การแข่งขันในปี 2000 ยังคงใช้ 9 กลุ่มในการคัดเลือกซึ่งมี 47 ทีมเข้าร่วม โดยทีมที่เป็นแชมป์กลุ่ม 9 ทีมและรองแชมป์กลุ่มที่มีคะแนนมากที่สุด 7 ทีม จะไปแข่งขันกันเพื่อหา 8 ทีมเข้าสู่รอบสุดท้าย โดยในรอบสุดท้าย สโลวาเกีย ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันในทุกนัด การแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มจึงมีการแข่งขันเพียงนัดเดียวซึ่งทีมที่เป็นแชมป์กลุ่มของทั้ง 2 กลุ่มจะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศและทีมที่เป็นรองแชมป์กลุ่มจะผ่านเข้าสู่รอบชิงที่สาม โดยโครงสร้างการแข่งขันในปี 2002 ที่สวิตเซอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพ ยังคงเหมือนกันแต่ได้มีการเพิ่มการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศเข้ามา ซึ่งจะนำแชมป์และรองแชมป์กลุ่มมาแข่งขันเพื่อหาทีมเข้าสู่รอบชิงที่สาม และรอบชิงชนะเลิศ
การแข่งขันในปี 2004 มีการใช้กลุ่มสิบกลุ่มสำหรับการคัดเลือก โดยทีมแชมป์กลุ่ม 10 ทีม และรองแชมป์กลุ่มที่มีคะแนนมากที่สุด 6 ทีมจะเข้าไปลงเล่นพบกันเพื่อหาผู้ชนะ 8 ทีมเข้าสู่รอบสุดท้าย โดยเยอรมนีเป็นเจ้าภาพในปีนั้น, การแข่งขันในปี 2006 ได้เปลี่ยนรูปแบบเหลือ 8 กลุ่มโดยแชมป์และรองแชมป์กลุ่มรวม 16 ทีมจะไปแข่งขันพบกัน โดยโปรตุเกสเป็นเจ้าภาพการแข่งขันในรอบสุดท้ายในปีนี้
นับจากนั้น การแข่งขันได้ย้ายไปแข่งขันในปีคี่ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเนื่องจากทีมชุดใหญ่ของหลายประเทศมักเลือกที่จะส่งเสริมผู้เล่นจากทีมอายุต่ำกว่า 21 ปี ขึ่นสู่ทีมเนื่องจากการแข่งขันของพวกเขามีมาก การแข่งขันที่เลื่อนออกไปทำให้ผู้เล่นมีเวลามากขึ้นกับการพัฒนาตัวเองกับทีมอายุต่ำกว่า 21 ปีแทนที่จะได้รับการลงเล่นในทีมชุดใหญ่ซึ่งเร็วเกินไปและจบลงด้วยการเป็นตัวสำรองของผู้เล่นทีมชุดใหญ่
โดยรอบคัดเลือกของการแข่งขันในปี 2007 จัดขึ้นก่อนการแข่งขันรอบสุดท้ายของปี 2006 โดยมี 52 ประเทศเข้าร่วม รอบคัดเลือกเริ่มต้นด้วยการแข่งขันของทีมชาติที่มีอันดับต่ำที่สุด 16 อันดับ เพื่อนำ 8 ทีมเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มกับอีก 34 ทีม ซึ่งแบ่งออกเป็น 14 กลุ่มกลุ่มละ 3 ทีม ผู้ชนะทั้ง 14 กลุ่มถูกจับคู่เพื่อลงเล่นพบกับแบบเหย้า–เยือน เพื่อตัดสินคัดเลือก 7 ทีมเข้ารอบสุดท้ายพร้อมกับเจ้าภาพ, ในช่วงปี 2009–2015 มีการใช้สิบกลุ่มสำหรับการคัดเลือก โดยแชมป์กลุ่ม และรองแชมป์กลุ่มที่ดีที่สุด 4 ทีมจะเข้าไปแขงขันพบกัน 2 นัดเหย้า–เยือน เพื่อหา 7 ทีมเข้ารอบสุดท้ายพร้อมกับเจ้าภาพ
การแข่งขันในปี 2017 ยูฟ่าได้เพิ่มจำนวนทีมในรอบสุดท้ายเป็น 12 ทีม[1] และในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2019 คณะกรรมการบริหารของยูฟ่าได้มีมติเพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมในรอบสุดท้ายเป็น 16 ทีมตัังแต่ปี 2021 และมีเจ้าภาพ 2 ประเทศเป็นครั้งแรก[2]
ผลการแข่งขัน
แก้รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี
แก้ปี | เจ้าภาพ | รอบชิงชนะเลิศ | ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ | จำนวนทีม (ในวงเล็บหมายถึงจำนวนในรอบคัดเลือก) | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ชนะเลิศ | คะแนน | รองชนะเลิศ | ||||||||
1972 | ลงเลนแบบ เหย้า–เยือน |
เชโกสโลวาเกีย |
2–2 / 3–1 รวมผลสองนัด 5–3 |
สหภาพโซเวียต |
บัลแกเรีย และ กรีซ | 8 (23) | ||||
1974 | ลงเลนแบบ เหย้า–เยือน |
ฮังการี |
2–3 / 4–0 รวมผลสองนัด 6–3 |
เยอรมนีตะวันออก |
โปแลนด์ และ สหภาพโซเวียต | 8 (21) | ||||
1976 | ลงเลนแบบ เหย้า–เยือน |
สหภาพโซเวียต |
1–1 / 2–1 รวมผลสองนัด 3–2 |
ฮังการี |
เนเธอร์แลนด์ และ ยูโกสลาเวีย | 8 (23) |
รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี
แก้ผลการแข่งขันในแต่ละประเทศ
แก้เฉพาะการแแข่งขันในระดับรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี เท่านั้น[3][4]
ทีม | ชนะเลิศ | รองชนะเลิศ | ลำดับที่สาม | ลำดับที่สี่ | ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ | รวม (อยู๋ใน 4 อันดับแรก) |
---|---|---|---|---|---|---|
สเปน | 5 (1986, 1998, 2011, 2013, 2019) | 4 (1984, 1996), 2017, 2023) | 2 | 1 | 11 | |
อิตาลี | 5 (1992, 1994, 1996, 2000, 2004) | 2 (1986, 2013) | 5 | 12 | ||
เยอรมนี[a] | 3 (2009, 2017, 2021) | 2 (1982, 2019) | 1 | 6 | ||
อังกฤษ | 3 (1982, 1984, 2023) | 1 (2009) | 6 | 9 | ||
เนเธอร์แลนด์ | 2 (2006, 2007) | 1 | 3 | 6 | ||
สหภาพโซเวียต | 2 (1980, 1990) | 1 | 3 | |||
ฝรั่งเศส | 1 (1988) | 1 (2002) | 1 | 1 | 2 | 6 |
สวีเดน | 1 (2015) | 1 (1992) | 1 | 2 | 5 | |
เช็กเกีย | 1 (2002) | 1 (2000) | 1 | 3 | ||
ยูโกสลาเวีย | 1 (1978) | 1 (1990) | 2 | 4 | ||
โปรตุเกส | 3 (1994, 2015, 2021) | 1 | 3 | |||
เซอร์เบีย | 2 (2004, 2007) | 1 | 3 | |||
เยอรมนีตะวันออก | 2 (1978, 1980) | 2 | ||||
กรีซ | 2 (1988, 1998) | 2 | ||||
สวิตเซอร์แลนด์ | 1 (2011) | 1 | 2 | |||
ยูเครน | 1 (2006) | 1 | ||||
นอร์เวย์ | 1 | 1 | 2 | |||
เบลารุส | 1 | 1 | ||||
สกอตแลนด์ | 1 | 2 | 3 | |||
สโลวาเกีย | 1 | 1 | ||||
เดนมาร์ก | 2 | 2 | ||||
เบลเยียม | 1 | 1 | ||||
บัลแกเรีย | 1 | 1 | ||||
ฮังการี | 1 | 1 | ||||
โรมาเนีย | 1 | 1 | ||||
รวม | 23 | 23 | 6 | 6 | 34 | 92 |
- ↑ รวมการแข่งขันของเยอรมนีตะวันตก
รางวัล
แก้ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน
แก้ตั้งแต่ปี 2013 ผู้เล่นของการแข่งขันจะได้รับการคัดเลือกโดยทีมงานด้านเทคนิคของยูฟ่า เพื่อหานักเตะยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันเพียงคนเดียว[5]
รองเท้าทองคำ
แก้อาดิดาส รางวัลรองเท้าทองคำ จะมอบให้กับผู้เล่นที่ทำประตูมากที่สุดในการแข่งขันมาตั้งแต่ปี 2000 นับตั้งแต่ในปี 2013 ได้มีการมอบรางวัล รองเท้าเงิน และ รองเท้าทองแดง ให้กับผู้ทำประตูสูงสุดอันดับสองและสามในการแข่งขันตามลำดับ
การแข่งขัน | รองเท้าทองคำ | ประตู | รองเท้าเงิน | ประตู | รองเท้าทองแดง | ประตู | อ้างอิง |
---|---|---|---|---|---|---|---|
สโลวาเกีย 2000 | อันเดรอา ปีร์โล | 3 | [12] | ||||
สวิตเซอร์แลนด์ 2002 | มัสซีโม มักกาโรเน | 3 | [12] | ||||
เยอรมนี 2004 | อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน | 4 | [12] | ||||
โปรตุเกส 2006 | กลาส-ยัน ฮึนเตอลาร์ | 4 | [12] | ||||
เนเธอร์แลนด์ 2007 | มัสซิโอ ริกเจอร์ | 4 | [12] | ||||
สวีเดน 2009 | มาร์คัส เบิร์ก | 7 | [12] | ||||
เดนมาร์ก 2011 | อาเดรียน | 5 | [12] | ||||
อิสราเอล 2013 | อัลบาโร โมราตา | 4 | เตียโก | 3 | อิสโก | 3 | [13] |
สาธารณรัฐเช็ก 2015 | ยาน คลิเมนท์ | 3 | เควิน ฟ็อลลันท์ | 2 | จอห์น กุยเดตติ | 2 | [12] |
โปแลนด์ 2017 | ซาอุล | 5 | มาร์โก อาเซนซิโอ | 3 | บรูมา | 3 | [14] |
อิตาลี 2019 | ลูคา วายชมิดท์ | 7 | โจนเจ ปุสกัส | 4 | มาร์โก ริทแตร์ | 3 | [15] |
ฮังการีและสโลวีเนีย 2021 | ลูคัส อึนเมชา | 4 | ปาตริก กูโตรเน | 3 | ดานี โมตา | 3 | [16] |
ทีมผู้เล่นยอดเยี่ยมตลอดกาล
แก้ในวันที่ 17 มิถุนายน 2015 ยูฟ่า ได้ประกาศทีมผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันตลอดกาล โดยจัดอันดับจากผลงานในการแข่งขันรอบสุดท้ายของรายการนี้[17]
ผู้รักษาประตู | กองหลัง | กองกลาง | กองหน้า |
---|---|---|---|
มานูเอ็ล น็อยเออร์ | มัทซ์ ฮุมเมิลส์ จอร์โจ กีเอลลีนี อาเลสซันโดร เนสตา บรานิสลัฟ อิวานอวิช |
แฟรงก์ แลมพาร์ด เมซุท เออซิล อันเดรอา ปีร์โล ชาบี |
ฟรันเชสโก ตอตตี ราอุล |
ดูเพิ่ม
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ "U21 final tournament expanding to 12 teams". UEFA.com. 24 January 2014.
- ↑ "Aleksander Čeferin re-elected UEFA President until 2023". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). 7 February 2019. สืบค้นเมื่อ 7 February 2019.
- ↑ "Europe – U-23/U-21 Tournaments". rsssf.com. สืบค้นเมื่อ 2 March 2020.
- ↑ "U21 EURO – Champions". worldfootball.net (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2 March 2020.
- ↑ UEFA.com (2013-06-21). "Thiago leads all-star squad dominated by Spain". UEFA.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-05-13.
- ↑ "2013: Thiago Alcântara". UEFA.com. Union of European Football Associations. 26 July 2013. สืบค้นเมื่อ 29 June 2015.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "William named U21 EURO player of the tournament". UEFA.com. Union of European Football Associations. 1 July 2015. สืบค้นเมื่อ 3 July 2015.
- ↑ "Spain's Dani Ceballos named Player of the Tournament". UEFA.com.
- ↑ "Fabián Ruiz named SOCAR Player of the Tournament". UEFA.com.
- ↑ "2021 Under-21 EURO Player of the Tournament: Fábio Vieira". UEFA.com. 6 June 2021. สืบค้นเมื่อ 7 June 2021.
- ↑ "England's Anthony Gordon named 2023 Under-21 EURO Player of the Tournament". UEFA.com. Union of European Football Associations. 8 July 2023. สืบค้นเมื่อ 8 July 2023.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 12.4 12.5 12.6 12.7 "Czech striker Kliment wins Golden Boot award". UEFA.com. 30 June 2015.
- ↑ Adams, Sam (18 June 2013). "Morata wins Golden Boot in Spanish clean sweep". UEFA.com. สืบค้นเมื่อ 1 July 2017.
2013 Under-21 finals top scorers
Golden Boot: Álvaro Morata, Spain – 4 goals, 1 assist
Silver Boot: Thiago Alcántara – 3 goals, 1 assist
Bronze Boot: Isco, Spain – 3 goals - ↑ "Saúl Ñíguez wins U21 EURO adidas Golden Boot". UEFA.com. 30 June 2017. สืบค้นเมื่อ 1 July 2017.
Golden Boot: Saúl Ñíguez (Spain) – 5 goals, 1 assist
Silver Boot: Marco Asensio (Spain) – 3 goals, 1 assist
Bronze Boot: Bruma (Portugal) – 3 goals - ↑ "Spain beat Germany for fifth U21 title". UEFA.com. สืบค้นเมื่อ 30 June 2019.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Germany's Lukas Nmecha wins U21 Top Scorer award". UEFA.com. 6 June 2021. สืบค้นเมื่อ 7 June 2021.
- ↑ "Our all-time Under-21 EURO dream team". UEFA.com. Union of European Football Associations. 17 June 2015. สืบค้นเมื่อ 25 July 2015.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
แหล่งข้อมูลอื่น
แก้- The Rec.Sport.Soccer Statistics Foundation Contains full record of U-21/U-23 Championships.
- UEFA European U-21 Championship at uefa.com