ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระจักรพรรดิ
การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระจักรพรรดิ หรือ ถ้วยพระจักรพรรดิ (ญี่ปุ่น: 天皇杯全日本サッカー選手権大会 หรือ 天皇杯 (เท็นโนไฮ), อังกฤษ: Emperor's Cup) เป็นการแข่งขันฟุตบอลของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น และเป็นการแข่งขันฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น มีประวัติย้อนไปตั้งแต่ ค.ศ. 1921 ก่อนการก่อตั้งเจลีก ลีกฟุตบอลญี่ปุ่น (JFL) หรือลีกฟุตบอลญี่ปุ่น (JSL) โดยในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ทีมจากเกาหลี ไต้หวัน และแมนจูกัวสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ด้วย ส่วนรายการของฟุตบอลหญิงนั้นคือ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระจักรพรรดินี
ก่อตั้ง | 1921 |
---|---|
ภูมิภาค | ญี่ปุ่น |
จำนวนทีม | 88 |
ถ้วยในประเทศ | เจแปนนิส ซูเปอร์คัพ |
ถ้วยนานาชาติ | เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก |
ทีมชนะเลิศปัจจุบัน | คาวาซากิ ฟรอนตาเล (สมัยที่ 2) |
ทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุด | อูราวะ เรดไดมอนส์, มหาวิทยาลัยเคโอ (8 สมัย) |
ผู้แพร่ภาพโทรทัศน์ | NHK |
เว็บไซต์ | JFA |
ภาพรวม
แก้จุดประสงค์ของการแข่งขันฟุตบอลรายการนี้คือการหา "ทีมที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น" ในปัจจุบัน ทีมที่สังกัดสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นทั้งจาก เจลีก ดิวิชัน 1 เจลีก ดิวิชัน 2 ทีมผู้ชนะจากลีกท้องถิ่น 47 จังหวัด ทีมอันดับ 1 จากครึ่งฤดูกาลของเจเอฟแอล ทีมชนะเลิศลีกมหาวิทยาลัย (กรณีมีทีมใดถอนตัวออกจากการแข่งขัน ทีมชนะเลิศลีกมหาวิทยาลัยจะได้เข้าร่วมแทน) สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ จัดว่าเป็นถ้วยรางวัลระดับประเทศอันทรงเกียรติ ผู้ชนะเลิศหากมาจากเจลีกจะได้รับสิทธิ์เข้าแข่งขันเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลต่อไป
นับตั้งแต่ก่อตั้งเจลีกในปี 1992 สโมสรฟุตบอลอาชีพเริ่มโดดเด่นในรายการนี้ ถ้วยพระจักรพรรดิทำการแข่งขันแบบแพ้คัดออก จึงเป็นโอกาสที่ทีมสมัครเล่นจะเขี่ยทีมใหญ่ตกรอบและกำเนิดดาวดังขึ้นในวงการฟุตบอล โดยหนึ่งในเหตุการณ์ที่เป็นที่รู้จักกันคือเมื่อคราวที่โรงเรียนมัธยมปลายเขตฟุนาบาชิสามารถล้มแชมป์เจลีกปี 2003 โยโกฮามะ เอฟ มารินอสได้ในฤดูกาล 2003-04 ด้วยการยิงจุดโทษ[1] ทั้งนี้ ทีมนอกลีกทีมสุดท้ายที่เคยได้แชมป์คือทีมมหาวิทยาลัยวาเซดะที่คว้าถ้วยพระจักรพรรดิได้ในปี 1966
ในช่วงปี 1969 ถึงปี 2014 นัดชิงชนะเลิศถ้วยพระจักรพรรดิจะจัดขึ้นในวันขึ้นปีใหม่ของปีต่อมาที่สนามกีฬาโอลิมปิก ตามธรรมเนียมถือว่าเป็นแมตช์ปิดฤดูกาล
รูปแบบ
แก้การแข่งขันเป็นแบบแพ้คัดออก โดยทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันคือทีมจากเจลีก ดิวิชัน 1 เจลีก ดิวิชัน 2 แชมป์ภูมิภาค 47 ทีม (ประกอบไปด้วยทีมสมัครเล่น ตั้งแต่ทีม เจลีก ดิวิชัน 3 ไปจนถึงทีมโรงเรียน) และ 1 ทีมที่ฝ่ายจัดการแข่งขันคัดเลือกมาจากทีมสมัครเล่น (มักจะเป็นทีมแชมป์มหาวิทยาลัย)
ทีมจาก เจลีก ดิวิชัน 1 และ เจลีก ดิวิชัน 2 จะได้รับสิทธิ์ผ่านเข้าไปเล่นรอบต่อไปเลย โดยในอดีต ทีมจาก เจลีก ดิวิชัน 1 และแชมป์ของ เจลีก ดิวิชัน 2 จะได้รับสิทธิ์ 1 "บาย" ส่วนทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกจะได้รับ 3 "บาย" แต่นับตั้งแต่ปี 2017 ทุกทีมจาก เจลีก ดิวิชัน 1 และ เจลีก ดิวิชัน 2 จะได้รับสิทธิ์ 1 "บาย" เท่ากัน
ทั้งนี้ ก่อนปี 2008 นั้น มี 48 ทีมที่เข้าร่วม 2 รอบแรก คือแชมป์ภูมิภาค 47 ทีม กับแชมป์มหาวิทยาลัยอีก 1 ทีม จากนั้น ทีมจากลีก JFL (ลีกสาม) และจาก 13 ทีมในเจลีก ดิวิชัน 2 จะเข้าร่วมในรอบที่ 3 และสุดท้าย ทีมจากเจลีก ดิวิชัน 1 จะเข้าร่วมในรอบที่ 4 ทำให้มีทั้งหมด 80 ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน
ทีมที่ชนะเลิศ (หลังปี 2015)
แก้ปี | ชนะเลิศ | ผลการแข่งขัน | รองชนะเลิศ | สนามแข่งขัน |
---|---|---|---|---|
2016 | คาชิมะ แอนต์เลอส์ | 2–1 (AET) | คาวาซากิ ฟรอนตาเล | สนามฟุตบอลนครซุอิตะ |
2017 | เซเรซโซ โอซากะ | 2–1 (AET) | โยโกฮามะ เอ็ฟ มารินอส | สนามกีฬาไซตามะ 2002 |
2018 | อูราวะ เรดไดมอนส์ | 1–0 | เวกัลตะ เซ็นได | สนามกีฬาไซตามะ 2002 |
2019 | วิสเซล โคเบะ | 2–0 | คาชิมะ แอนต์เลอส์ | กรีฑาสถานแห่งชาติญี่ปุ่น |
2020 | คาวาซากิ ฟรอนตาเล | 1–0 | กัมบะ โอซากะ | กรีฑาสถานแห่งชาติญี่ปุ่น |
2021 | อูราวะ เรดไดมอนส์ | 2–1 | โออิตะ ทรินิตา | กรีฑาสถานแห่งชาติญี่ปุ่น |
2022 | เวนท์ฟอเรท โคฟุ | 1–1 (ต่อเวลา) (ดวลลูกโทษ 5–4) |
ซานเฟรชเช ฮิโรชิมะ | สนามกีฬานานาชาติโยโกฮามะ |
2023 | คาวาซากิ ฟรอนตาเล | 0–0 (ต่อเวลา) (ดวลลูกโทษ 8–7) |
คาชิวะ เรย์โซล | กรีฑาสถานแห่งชาติญี่ปุ่น |
ทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุด
แก้อ้างอิง
แก้- ↑ [1]เก็บถาวร 2012-02-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน [1]