โรคเมนิแยร์ (อังกฤษ: Ménière's disease) เป็นโรคอย่างหนึ่งของหูชั้นใน ผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะหมุนเป็นระยะๆ ได้ยินเสียงผิดปกติในหู สูญเสียการได้ยิน และหูอื้อได้[1][2] ส่วนใหญ่จะเป็นเพียงข้างเดียวในระยะแรก[1] อาการครั้งหนึ่งมักคงอยู่ประมาณ 20 นาที ไปจนถึง 2-3 ชั่วโมง[3] โดยแต่ละครั้งอาจเป็นนานไม่เท่ากันได้[1] อาการสูญเสียการได้ยินและอาการได้ยินเสียงผิดปกติในหูอาจเป็นมากขึ้น จนเป็นถาวรได้[2]

โรคเมนิแยร์
(Ménière's disease)
บัญชีจำแนกและลิงก์ไปภายนอก
ICD-10H81.0
ICD-9386.0
OMIM156000
DiseasesDB8003
MedlinePlus000702
eMedicineemerg/308
MeSHD008575

สาเหตุของโรคเมนิแยร์ยังไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าสัมพันธ์กับสาเหตุทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมประกอบกัน[1][4] บางทฤษฎีเชื่อว่าสาเหตุของโรคสัมพันธ์กับการเกิดหลอดเลือดตีบ การติดเชื้อไวรัส และปฏิกิริยาแพ้ภูมิตนเอง[1] ผู้ป่วย 10% มีคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วย[2] อาการของโรคเชื่อว่าเกิดจากการที่มีสารน้ำคั่งกว่าปกติในโพรงเลบิรินท์ของหูชั้นใน การวินิจฉัยทำได้โดยการสัมภาษณ์อาการ การตรวจร่างกาย และการตรวจการได้ยิน[1] โรคอื่นที่อาจทำให้มีอาการคล้ายกันได้แก่อาการเวียนศีรษะจากไมเกรนและภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว[4]

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาใดที่สามารถรักษาโรคเมนิแยร์ให้หายขาดได้[1] การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการในแต่ละครั้งที่มีอาการกำเริบ ซึ่งทำได้ด้วยการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการเวียนศีรษะ อาการคลื่นไส้ และความกังวล วิธีที่แนะนำไว้ในการป้องกันการเกิดอาการกำเริบมีหลายวิธี แต่ละวิธียังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนว่าได้ผล ผู้ป่วยอาจใช้การลดปริมาณเกลือในอาการ การใช้ยาขับปัสสาวะ หรือยาสเตียรอยด์ได้ภายใต้การแนะนำของแพทย์[2] การทำกายภาพบำบัดอาจช่วยบรรเทาปัญหาการทรงตัวได้ และการรับคำปรึกษาอาจช่วยลดความกังวลได้[2][1] บางครั้งแพทย์อาจแนะนำให้รักษาด้วยการฉีดยาเข้าหูชั้นใน หรือการผ่าตัด หากรักษาด้วยวิธีอื่นๆ แล้วยังไม่ได้ผล แต่วิธีการรักษาเช่นนี้ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้[3][1] การวางท่อที่แก้วหูเป็นวิธีรักษาหนึ่งที่ทำกันมาก แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนว่าได้ผล[3]

โรคเมนิแยร์ค้นพบครั้งแรกเมื่อช่วงต้นคริสต์ศตวรรษ 1800 โดย Prosper Ménière[3] มีความชุก 0.3-1.9 ต่อ 1000 ประชากร[4] ผู้ป่วยส่วนใหญ่เริ่มมีอาการในช่วงอายุ 40-60[1] เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย[4] หลังเริ่มมีอาการไปประมาณ 5-15 ปี อาการเวียนศีรษะหมุนมักลดลงจนไม่เป็นอีก คงเหลือเฉพาะอาการทรงตัวลำบากเล็กน้อย สูญเสียการได้ยินปานกลาง และมีเสียงผิดปกติในหู[3]

อ้างอิง แก้

  1. 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 "Ménière's Disease". NIDCD. June 1, 2016. สืบค้นเมื่อ 18 July 2016.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 Seemungal, Barry; Kaski, Diego; Lopez-Escamez, Jose Antonio (August 2015). "Early Diagnosis and Management of Acute Vertigo from Vestibular Migraine and Ménière's Disease". Neurologic Clinics. 33 (3): 619–628, ix. doi:10.1016/j.ncl.2015.04.008. ISSN 1557-9875. PMID 26231275.
  3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 Harcourt J, Barraclough K, Bronstein AM (2014). "Meniere's disease". BMJ (Clinical Research Ed.). 349: g6544. doi:10.1136/bmj.g6544. PMID 25391837.
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 Lopez-Escamez, Jose A.; Carey, John; Chung, Won-Ho; Goebel, Joel A.; Magnusson, Måns; Mandalà, Marco; Newman-Toker, David E.; Strupp, Michael; Suzuki, Mamoru (2015). "Diagnostic criteria for Menière's disease". Journal of Vestibular Research: Equilibrium & Orientation. 25 (1): 1–7. doi:10.3233/VES-150549. ISSN 1878-6464. PMID 25882471.