โยโมงิอุ (ญี่ปุ่น: 蓬生โรมาจิYomogiu ; คฤหาสน์หญ้าคา) เป็นบทที่ 15 ของตำนานเก็นจิ ผลงานของ มุระซะกิ ชิคิบุ จากทั้งหมด 54 บท เป็นบทที่ดำเนินเรื่องช่วงระหว่างบท อะคะชิ และ มิโอะซึคุชิ

ภาพจากม้วนภาพตำนานเก็นจิ ตอน โยโมงิอุ จาก พิพิธภัณฑ์ศิลปะโตคุกาวะ


ที่มาของชื่อบท โยโมงิอุ แก้

 
ต้นโยะโมะงิ (โกฐจุฬาลัมพาญี่ปุ่น)

โยโมงิ (蓬 - ヨモギ yomogi ) หรือ Japanese mugwort มีชื่อทางวิชาการว่า Artemisia indica var. maximowiczii โยะโมะงิเป็นพืชป่าที่อยู่ในสกุลโกฐจุฬาลัมพา เป็นพืชที่โตเร็วมาก สามารถโตได้ถึง 1.2 เมตร แตกหน่อขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว มีดอกเล็กๆสีน้ำตาลอมเหลือง 2 เพศในดอกเดียว ออกดอกช่วงเดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิยายน สามารถปลิวไปตามลมได้เพื่อขยายพันธุ์ ใบเป็นรูปขนนก มีขนใต้ใบ เป็นสมุนไพร และ สามารถนำมาทำขนมที่เรียกว่า คุสะโมจิ[1]

โยโมงิอุ ( 蓬生) หมายถึง บ้านทรุดโทรมพุพังที่รกด้วยหญ้าและวัชพืช เช่น โยะโมะงิ


ตัวละครสำคัญในบท แก้

  • เก็นจิ  : ตำแหน่งกอนไดนะกอน อายุ 28-29
  • ซุอะสึมุฮะนะ  : องค์หญิงพระธิดาขององค์ชายแห่งฮิตะจิ
  • พี่ชายของซุเอะสึมุฮะนะ  : เป็นพระ
  • จิจู  : พี่น้องร่วมแม่นมเดียวกับซุเอะสึมุฮะนะ
  • ป้าของซุเอะสึมุฮะนะ  : ภริยาของรองเจ้าเมืองดะไซฟุ
  • โชโช  : ป้าของจิจู นางกำนัลของซุเอะสึมุฮะนะ
  • โคะเระมิตสึ  : คนสนิทและพี่น้องร่วมแม่นมเดียวกับเก็นจิ


เรื่องย่อ แก้

ช่วงที่เก็นจิเนรเทศตัวเองไปยังหาดสุมะนั้น ไม่มีผู้ใดคอยดูแลซุเอะสึมะฮะนะ เจ้าหญิงแห่งฮะตะจิเลย เมื่อขาดการดูแล คฤหาสน์ที่นางพำนักก็เก่าโทรมพุพังไป นกเค้าแมวร้องเสียงน่ากลัวออกมาจากป่า ผีป่าโคะดะมะปรากฏตนหลอกหลอน วัชพืชพงหญ้าแขมรกเรื้อสูงจดหลังคา เถาวัลย์เรื้อนบังประตูเข้าออกหนาทึบ เด็กเลี้ยงวัวถึงกับต้อนวัวและม้าเข้ามากินหญ้าในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน พายุพัดโถงทางเดินจนพังทลาย กระทั่งโขมยขโจรยังเมินเพราะไม่มีอะไรให้ลักขโมย

เจ้าหญิงแห่งฮิตะจิมีป้าคนนึง ป้านางแค้นเคืองมารดาของนางมาก บัดนี้คฤหาสน์ของซุเอะสึมุฮะนะนั้นทรุดโทรมเต็มที ป้าของนางจึงคิดจะจ้างซุเอะสึมุฮะนะที่มีศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงไปเป็นพี่เลี้ยงของลูกๆ ป้าของนางภูมิใจมากที่สามีได้รับตำแหน่งเป็นรองเจ้าเมืองดะไซฟุอันห่างไกล นางขึ้นรถเทียมวัวหรูมาเทียบหน้าคฤหาสน์พุพังของซุเอะสึมุฮะนะ และพยายามหว่านล้อมให้ซุเอะสึมุฮะนะไปดะไซฟุเป็นพ่เลี้ยงเด้กให้ได้ แต่ซุเอะสึมุฮะนะไม่ยอม ป้าของนางจึงขอนำบ่าวไพร่รู้งานทั้งหลายในคฤหาสน์ไปด้วยจนหมด องค์หญิงต้องร้องไห้ด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง


รถเทียมวัวของเก็นจิผ่านมายังทางคุ้นตา ซึ่งบัดนี้ดอกฟุจิบานสะพรั่งย้อยช่อล้อลมลงมาจากกิ่งต้นสนยักษ์ กิ่งหลิวไร้การตัดแต่งลู่สู่พื้นที่รกเรื้อราวป่าละเมาะ เขาจึงสั่งหยุดรถและให้โคะเระมิตสึเข้าไปสำรวจภายใน เก็นจิรู้ว่าซุเอะสึมุฮะนะคงยังต้องพำนักอยู่ ณ ที่นี้ โคะเระมิตสึใช้แซ่ม้าตวัดแผ้วถางทางรกเรื้อให้เก็นจิเดินตามเข้าไป จนเปียกไปหมดทั้งเท้าถึงหัวเข่า กระนั้นความมั่นคงในรักขององค์หญิงแห่งฮิตะจิประทับใจเก็นจิอย่างมาก แม้จะไม่รักใคร่เอ็นดูนัก แต่เขาก็รับตัวนางไปดูแลอย่างสุขสบายจนตลอดชีวิต[2]

อ้างอิง แก้