โคเรียนชินโด (อังกฤษ: Korean Jindo; เกาหลี진돗개; ฮันจา珍島狗; อาร์อาร์Jindotgae; เอ็มอาร์Chindotgae) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ชินโด เป็นสุนัขสายพันธุ์หนึ่ง มีถิ่นกำเนิดมาจากคาบสมุทรเกาหลี เป็นสุนัขที่มีถิ่นกำเนิดที่เกาะชินโด ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทอยู่นอกชายฝั่งทางตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี โดยที่เกาะชินโดนั้นจะมีรูปปั้นสุนัขโคเรียนชินโดตั้งอยู่และผู้ที่มาท่องเที่ยวจะนิยมมาถ่ายรูปกับรูปปั้นนี้และได้รับมอบป้ายประกาศ [1]

โคเรียนชินโด
White dog laying on floor pictured from above. one leg extended on front. Ears pricked and slightly colored as is the tail. Long straight nose. Medium length hair.
โคเรียนชินโดสีแดงเหลือง
ชื่ออื่น ชินโด
ชินโดแก
หมาชิน
ชินโดกู (สะกดแบบฮันจา)
ประเทศกำเนิด เกาะชินโด, เกาหลีใต้
คุณสมบัติ
น้ำหนัก เพศผู้ 18–23 kg (40–51 lb)
เพศเมีย 15–19 kg (33–42 lb)
ส่วนสูง เพศผู้ 50–55 ซm (20–22 in)
เพศเมีย 45–50 ซm (18–20 in)
ขน ขนคู่มีความยาวปานกลาง ขนชั้นนอกมีความแข็งตรงและยื่นห่างจากร่างกายเล็กน้อย ขนชั้นในนุ่ม
สี สีแดงเหลือง, สีขาว, สีดำ, สีดำและสีน้ำตาล, สีแบบหมาป่าสีเทาและสีขนด้านในสีอ่อน
อายุขัย 10 ปีขึ้น
หมายเหตุ ไม่มีมาตรฐานใน AKC และเชื่อมโยงกับ FCI
หมา (Canis lupus familiaris)

โคเรียนชินโดจัดเป็นสุนัขล่าเหยื่อและเล่นกิจกรรมประเภทสปิตซ์ มีความซื่อสัตย์ต่อผู้เป็นเจ้าของและใช้เฝ้าบ้านได้เป็นอย่างดี ได้รับการรับรองสายพันธุ์จากสหภาพสมาคมสุนัขเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1998[2] และสหพันธ์ไซโนลอจิกนานาชาติ เมื่อปี ค.ศ. 2005 [3][4]

ปัจจุบันทางการเกาหลีใต้ได้พยายามที่จะรักษาสายพันธุ์ของสุนัขสายพันธุ์นี้ให้คงความเป็นสายพันธุ์แท้ไว้ โดยได้จดทะเบียนไว้เป็นสายพันธุ์สุนัขแห่งปีตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962 และไม่ให้มีการผสมเทียมหรือผสมข้ามสายพันธุ์เกิดขึ้น แต่จะให้ผสมพันธุ์กันตามธรรมชาติ โดยบนเกาะชินโดในปัจจุบัน มีการจัดตั้งศูนย์ทดลองและศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสุนัขโคเรียนชินโดขึ้นมา ที่เกาะแห่งนี้ สุนัขตัวไหนที่มิใช่สายพันธุ์โคเรียนชินโดจะถูกไล่ออกจากเกาะ และก็จะไม่ให้สุนัขเข้ามาบนเกาะเลย นอกจากได้รับการอนุญาต โดยทุกวันนี้ทางศูนย์วิจัยได้ใช้เงินงบประมาณมากถึงปีละ 2,000 ล้านวอน (ประมาณ 61 ล้านบาทไทย) เมื่อลูกสุนัขอายุครบ 6 เดือน จะได้รับการตรวจประเมินอย่างเข้มงวด เช่น ทรงของใบหู, ขา และหาง รวมถึงส่วนหัวเพื่อฝังไมโครชิป และขึ้นทะเบียนไว้เป็นสมบัติของชาติ สุนัขตัวไหนที่ไม่ผ่านการประเมินจะถูกคัดออก

ปัจจุบัน ได้มีการฝึกให้โคเรียนชินโดเป็นสุนัขกู้ภัยและสุนัขตำรวจ เนื่องจากมีสัญชาตญาณนักล่า และเคยมีความเชื่ออยู่ว่าอาจจะสืบสายพันธุ์มาจากสุนัขในญี่ปุ่นหรือจีน แต่ทว่ามีรายงานจากหน่วยงานวิเคราะห์ดีเอ็นเอของรัฐบาลเกาหลีใต้พบว่า แท้จริงแล้วโคเรียนชินโดสืบสายพันธุ์มาจากหมาป่าของคาบสมุทรเกาหลีนี่เอง โดยทำการศึกษาจากสุนัขทั้งหมด 23,000 ตัว จากทั้งหมด 33 คอก และ 3 สายพันธุ์พื้นบ้านของเกาหลีคละกันไป คือ โคเรียนชินโด, ดองเคียง และพุงซาน พบว่าทั้งหมดสืบสายพันธุ์มาจากหมาป่า แต่ทว่าโคเรียนชินโดนั้นมีความเกี่ยวพันกับหมาป่าน้อยที่สุด[5]

ในทางการเมือง โคเรียนชินโดจัดเป็นสุนัขที่เป็นที่รักของบรรดาผู้นำเกาหลีทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เช่น คิม แด-จุง อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยมอบโคเรียนชินโดสองตัว ให้แก่รัฐบาลเกาหลีเหนือ เมื่อต้นทศวรรษ 2000 ตามนโยบายตะวันฉาย อันเป็นนโยบายที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และโคเรียนชินโดยังถูกนำไปเลี้ยงไว้ในทำเนียบสีน้ำเงิน หรือทำเนียบของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เช่น อี มย็อง-บัก และพัก กึน-ฮเย[1]

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 หน้า 10 สารพันต่างแดน, สุนัขจินโด. "สารพันต่างแดน" โดย ฮิวแมน. เดลินิวส์ฉบับที่ 24,685: วันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 แรม 4 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา
  2. "United Kennel Club breed recognition". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-06-03. สืบค้นเมื่อ 2017-05-14.
  3. "FCI Breeds Nomenclature". สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.
  4. "Jindo to host dog show to promote its own breed" press release by the Korean Culture and Information Service on September 25 2008[ลิงก์เสีย]
  5. "Asia Connect". ครอบครัวข่าวเช้า. 2018-02-07. สืบค้นเมื่อ 2018-02-08.[ลิงก์เสีย]

แหล่งข้อมูลอื่น แก้