แกเร็ท เบล

(เปลี่ยนทางจาก แกเร็ธ เบล)

แกเร็ท แฟรงก์ เบล MBE (อังกฤษ: Gareth Frank Bale; เกิด 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1989) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวเวลส์ ที่เล่นในตำแหน่งปีกเป็นหลัก เขายังสามารถเล่นในตำแหน่งกองหน้าได้อีกด้วย

แกเร็ท เบล
เบลขณะเล่นให้กับทีมชาติเวลส์ในฟุตบอลโลก 2022
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม แกเร็ท แฟรงก์ เบล[1]
วันเกิด (1989-07-16) 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1989 (34 ปี)[2]
สถานที่เกิด คาร์ดิฟฟ์ เวลส์
ส่วนสูง 6 ft 1 in (1.86 m)[3]
ตำแหน่ง ปีก
สโมสรเยาวชน
คาร์ดิฟฟ์ซีวิลเซอร์วิส
1999–2006 เซาแทมป์ตัน
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
2006–2007 เซาแทมป์ตัน 40 (5)
2007–2013 ทอตนัมฮอตสเปอร์ 146 (42)
2013–2022 เรอัลมาดริด 176 (81)
2020–2021ทอตนัมฮอตสเปอร์ (ยืม) 20 (11)
2022–2023 ลอสแอนเจลิส 12 (2)
ทีมชาติ
2005–2006 เวลส์ อายุไม่เกิน 17 ปี 7 (1)
2006 เวลส์ อายุไม่เกิน 19 ปี 1 (1)
2006–2008 เวลส์ อายุไม่เกิน 21 ปี 4 (2)
2006–2022 เวลส์ 111 (41)
* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

เขาเคยอยู่กับเรอัลมาดริดในลาลิกาและทอตแนมฮ็อตสเปอร์ในพรีเมียร์ลีก และยังเป็นนักฟุตบอลที่ได้รางวัลผู้เล่นแห่งปีจากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ[4] ต่อมาได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ด้วยราคา 85 ล้านปอนด์ เป็นสถิติโลกใหม่ของการซื้อขายนักฟุตบอล แต่ถูกทำลายลงโดยปอล ปอกบา ที่ย้ายจากสโมสรฟุตบอลยูเวนตุส สู่สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ในฤดูกาล 2017–18[5]

เบล เกิดที่คาร์ดิฟฟ์ เมืองหลวงของเวลส์ เป็นลูกชายแฟรงค์ เบล และเป็นหลานชายของ คริส เพคส์ อดีตผู้เล่นของคาร์ดิฟฟ์ซิตี อีกด้วย โดยสมัยที่เจ้าตัวอายุได้ 9 ขวบ เจ้าตัวก็ได้รับความสนใจจากแมวมองของเซาท์แธมป์ตัน จากนั้น เบล ก็เข้าเรียนที่โรงเรียนวิทเชิร์ช ไฮสคูล ในคาร์ดิฟฟ์ที่ซึ่งลงเล่นรักบี้, ฮ็อคกี้ และวิ่งระยะไกล ไปพร้อมกับการเล่นฟุตบอล โดยระหว่างที่เรียนที่วิทเชิร์ช เบลก็ได้ฝึกฝีเท้ากับสถาบันฟุตบอลของทีมเซาแทมป์ตันที่เมืองบาธ ไปด้วยพร้อม ๆ กัน กล่าวกันว่าเมื่อกลับจากโรงเรียนเบลไม่เคยอ้อนวอนพ่อให้เปิดดูการ์ตูนหรือโทรทัศน์ มีแต่อ้อนวอนให้ออกไปเล่นฟุตบอล[6]

เมื่ออายุได้ 16 ปี เบล ก็เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมชุดอายุต่ำกว่า 18 ปีของโรงเรียนคว้าแชมป์ "คาร์ดิฟฟ์ แอนด์ เวล ซีเนียร์ คัพ" ไปครอง และเมื่อเรียนจบในช่วงซัมเมอร์ 2005 แผนกพลศึกษาของโรงเรียนก็ได้มอบรางวัลยอดเยี่ยมด้านกีฬาให้กับดาวรุ่งรายนี้ด้วย

เบล พัฒนาฝีเท้าได้อย่างรวดเร็วและเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะจอมยิงฟรีคิกของทีม ขณะที่เกมสุดท้ายของเบล กับเซาแทมป์ตัน เป็นเกมเพลย์ออฟแชมเปี้ยนชิพ รอบรองชนะเลิศ กับดาร์บี้ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2007 แต่เจ้าตัวกลับโชคร้ายได้รับบาดเจ็บในช่วงครึ่งหลังจนไม่สามารถฝืนเล่นต่อไปได้ โดยรวมทั้งหมดเบลเล่นให้กับเซาแทมป์ตันไป 45 นัด และทำไป 5 ประตู

จากนั้น เบล ก็ได้ย้ายไปค้าแข้งกับ สเปอร์ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2007 และเซ็นสัญญาเป็นเวลา 4 ปี โดยสเปอร์จ่ายค่าตัวไป 5 ล้านปอนด์ (ราว 300 ล้านบาทในเวลานั้น) พร้อมกับอ็อปชั่นที่ว่าจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมหากว่า เบล สามารถช่วยให้สเปอร์ส ประสบความสำเร็จได้ ซึ่งคาดว่ารวม ๆ แล้วอาจจะสูงถึง 10 ล้านปอนด์ เบล ประเดิมสนามนัดแรกให้สเปอร์ส ในเกมอุ่นเครื่องกับเซนต์ แพตทริคส์ แอตแลติก เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2007 ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวในช่วงท้ายเกมเนื่องจากบาดเจ็บ

จากนั้น เบล ก็สามารถพังประตูแรกให้สเปอร์ในแมตช์อย่างเป็นทางการได้สำเร็จในเกมที่เสมอกับฟูแล่ม 3-3 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2007 ก่อนที่จะตามมาด้วยการทำสกอร์จากฟรีคิกในเกมดาร์บี้แมตช์แห่งลอนดอนเหนือกับอาร์เซนอล และตามด้วยการทำประตูในเกมลีก คัพ ที่พบกับมิดเดิลสโบรช์ ซึ่งทำให้เบล ซึ่งเป็นดาวรุ่งวัย 18 ปีในเวลานั้น กลายเป็นขวัญใจแฟนบอลสเปอร์ส อย่างรวดเร็ว หลังทำไป 3 ประตูจากการลงสนาม 4 นัดแรก

ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2007 เบล ก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าขวาอย่างรุนแรง จนต้องพักนานหลายเดือน อย่างไรก็ตามในเดือนสิงหาคม 2008 เจ้าตัวก็ได้เซ็นสัญญากับสเปอร์ส เพิ่มอีก 4 ปีแม้ส่วนตัวแล้วจะทำผลงานได้ดี แต่ไม่น่าเชื่อว่า เบล จะมีสถิติลงเล่นเกมพรีเมียร์ลีก 24 นัดให้สเปอร์ส โดยที่ทีมไม่ชนะเลย จนโดนตราหน้าว่าเป็น "ตัวซวย"[6] ที่เมื่อลงสนามเมื่อไหร่ ทีมจะไม่ชนะ ซึ่งกว่าที่เบลจะได้สัมผัสชัยชนะในลีกเป็นนัดแรกก็ต้องรอจนถึงเกมที่พบกับเบิร์นลีย์ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2009 ซึ่งกินเวลามากกว่า 2 ปี หลังจากที่เซ็นสัญญาในถิ่นไวท์ ฮาร์ท เลน โดยเกมดังกล่าวเบลถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 85

ฤดูกาล 2010-11 เบล เริ่มต้นได้อย่างสวยหรูเมื่อเหมาคนเดียว 2 ประตูให้ทีมชนะสโตกซิตี 2-1 เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2010 และถัดมาอีก 4 วัน เบลก็ทำแอสซิสต์ทั้ง 4 ลูกให้ สเปอร์ส ถล่ม ยัง บอยส์ เบิร์น จากสวิตเซอร์แลนด์ 4-0 ในศึกแชมเปียนส์ลีก รอบเพลย์ออฟ ที่ไวต์ฮาร์ตเลน ฤดูกาล 2012-13 เบล เปลี่ยนมาใส่เสื้อหมายเลข 7 ซึ่งเป็นเบอร์ของไรอัน กิกส์ ขวัญใจของเบลในทีมชาติเวลส์

เบลได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ด้วยราคา 85.3 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติโลกของคริสเตียโน โรนัลโด นักเตะของรีล มาดริดเช่นกัน โดยทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2013

รางวัลเกียรติยศ

ทอตนัมฮอตสเปอร์

เรอัลมาดริด

ลอสแอนเจลิส

อ้างอิง

  1. "Acta del Partido celebrado el 20 de marzo de 2016, en Madrid" [Minutes of the Match held on 20 March 2016, in Madrid] (ภาษาสเปน). Royal Spanish Football Federation. สืบค้นเมื่อ 15 June 2019.[ลิงก์เสีย]
  2. "Gareth Bale: Overview". ESPN. สืบค้นเมื่อ 25 May 2020.
  3. "FIFA World Cup Qatar 2022™: List of Players: Wales" (PDF). FIFA. 15 November 2022. p. 32. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 30 November 2022.
  4. "Spurs' Gareth Bale wins PFA player of the year award". BBC. 17 April 2011. สืบค้นเมื่อ 18 April 2011.
  5. [1]
  6. 6.0 6.1 หน้า 17 ต่อ 20, มนุษย์ (แข้ง) ทองคำ ?. เดลินิวส์ (กีฬา) ฉบับที่ 23,340: เสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556