เปทรอนีย์แห่งอากีแตน

เปทรอนีย์แห่งอากีแตน (ฝรั่งเศส: Pétronille d'Aquitaine) เป็นบุตรสาวคนที่สองของกีโยมที่ 10 แห่งอากีแตนกับอาเยนอร์แห่งชาเตลแลร์อูลต์ เธอเป็นน้องสาวของอาลีเยนอร์แห่งอากีแตน พระราชินีคู่สมรสแห่งฝรั่งเศสและอังกฤษ ชื่อของเธอถูกเรียกอย่างหลากหลายทั้ง อาลิกซ์ (หรือ อาเอลิต ในภาษาอุตซิตา) และ เปทรอนีย์ เธออาจเปลี่ยนชื่อเป็นอาลิกซ์หลังแต่งงาน ส่วนเปทรอนีย์น่าจะเป็นชื่อตั้งแต่เกิด

ต้นชีวิต แก้

 
พิธีแต่งงานของอาลีเยนอร์แห่งอากีแตน พี่สาวของเปทรอนีย์ กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ภาพวาดจากคริสต์ศตวรรษที่ 14

ข้อมูลของเปทรอนีย์แห่งอากีแตนมีไม่มาก ยากที่จะระบุได้ว่าเธอเกิดในปีไหน เท่าที่รู้คือเธอเป็นน้องสาวของอาลีเยนอร์แห่งอากีแตนที่ไม่มีใครทราบปีพระราชสมภพเช่นกัน แต่เดิมว่ากันว่าทรงเสด็จพระราชสมภพในปี ค.ศ. 1122 แต่งานวิจัยปัจจุบันบอกว่าพระองค์น่าจะเสด็จพระราชสมภพในปี ค.ศ. 1124 อาลีเยนอร์กับเปทรอนีย์มีพี่น้องชายหนึ่งคนชื่อว่ากีโยมซึ่งเสียชีวิตในวัยเด็กในปี ค.ศ. 1130 ไม่มีใครรู้ปีเกิดของกีโยมและไม่มีใครรู้ลำดับการเกิดของสามพี่น้อง บางแหล่งข้อมูลก็ว่าอาลีเยนอร์เป็นพี่คนโต บางแหล่งข้อมูลก็ว่ากีโยมเป็นพี่คนโต กีโยมอาจเป็นคนกลางระหว่างอาลีเยนอร์กับเปทรอนีย์ หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนสุดท้องในบรรดาสามพี่น้อง ลำดับการเกิดที่ไม่ชัดเจนทำให้ระบุได้ยากว่าเปทรอนีย์เกิดในปีใด อาเยนอร์ มารดาของทั้งสามเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1130 นั่นแปลว่าเปทรอนีย์ต้องเกิดก่อนปี ค.ศ. 1130 ความสัมพันธ์ของเปทรอนีย์กับราอูลแห่งแวร์ม็องดัวเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1141 เธอมีบุตรคนแรกราวปี ค.ศ. 1143 เธอจึงไม่น่าจะอ่อนกว่าอาลีเยนอร์มาก ปี ค.ศ. 1125 หรือไม่ก็ ค.ศ. 1126 น่าจะเป็นปีเกิดของเธอ

เปทรอนีย์เข้ามามีบทบาทในปี ค.ศ. 1137 เมื่อกีโยมที่ 10 ดยุคแห่งอากีแตนเสียชีวิต อาลีเยนอร์ พี่สาวของเธอได้สืบทอดดัชชี ส่วนเปทรอนีย์ได้มรดกเป็นที่ดินกับปราสาทจำนวนหนึ่งในบูร์กอญ เปทรอนีย์จะเป็นทายาทของอาลีเยนอร์ไปจนกว่าพระองค์จะมีพระโอรสธิดาเป็นของตัวเอง หลังบิดาเสียชีวิตไม่นาน อาลีเยนอร์แต่งงานกับหลุยส์ซึ่งต่อมากลายเป็นพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 แห่งฝรั่งเศสในปีเดียวกันนั้น เปทรอนีย์ติดตามอาลีเยนอร์กับหลุยส์ไปปารีสและอาศัยอยู่ที่ราชสำนักฝรั่งเศส

เปทรอนีย์กับราอูล แก้

เหตุการณ์ที่ข้อมูลชัดเจนที่สุดที่เกี่ยวข้องกับเปทรอนีย์คือการแต่งงานกับราอูลแห่งแวร์ม็องดัว เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1141 เมื่ออาลีเยนอร์กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 7 เดินทางกลับไปที่อากีแตนด้วยหวังจะอ้างสิทธิ์ในเคานตีตูลูส ทั้งคู่พาราชสำนักฝรั่งเศสไปด้วย หนึ่งในนั้นมีเปทรอนีย์กับราอูล ฤดูร้อนปีนั้น พระเจ้าหลุยส์ลงใต้ต่อไปพร้อมกับกองทัพ ขณะที่อาลีเยนอร์กับคนอื่น ๆ อยู่ในปัวตู

 
ภาพจากตราประทับของราอูลแห่งแวร์ม็องดัว สามีของเปทรอนีย์

ในช่วงเวลาดังกล่าว เปทรอนีย์เริ่มมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับราอูลแห่งแวร์ม็องดัวซึ่งแก่กว่าเธอ 35 ปี แต่ความสัมพันธ์ดังกล่าวกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวเมื่อเขาแต่งงานแล้ว เอลีโอนอร์แห่งบลัว ภรรยาของเขาเป็นน้องสาวหรือไม่ก็หลานสาวของตีโบที่ 4 เคานต์แห่งบลัว ขุนนางฝรั่งเศสที่มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่ง แหล่งข้อมูลมีข้อมูลไม่ตรงกันว่าราอูลกับเอลีโอนอร์มีบุตรด้วยกันหรือไม่ ว่ากันว่าบุตรชายชื่ออูกสืบทอดตำแหน่งต่อจากราอูลเป็นเคานต์แห่งแวร์ม็องดัวในช่วงสั้น ๆ ต่อมากลายเป็นพระในชื่อเฟลิกซ์แห่งวาลัว แต่ข้อมูลดังกล่าวยังเป็นที่โต้เถียง แหล่งข้อมูลให้ข้อมูลที่แตกต่างกันออกไปเรื่องปีที่ราอูลกับเอลีโอนอร์แต่งงานกัน ส่วนหนึ่งบอกว่าทั้งคู่แต่งงานกันช่วงต้นปี ค.ศ. 1120

อาลีเยนอร์แห่งอากีแตนอนุมัติให้ทั้งคู่คบหากันและสนับสนุนให้ราอูลทิ้งภรรยาคนปัจจุบัน การแต่งงานของราอูลกับเปทรอนีย์ดูจะเป็นความคิดที่เข้าท่า เนื่องจากเขาเป็นญาติใกล้ชิดของกษัตริย์ เป็นลอร์ดที่มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งในฝรั่งเศส และเปทรอนีย์จะได้อยู่ใกล้กับอาลีเยนอร์ พระเจ้าหลุยส์เห็นดีเห็นงามกับการแต่งงานนี้ ปลายปีนั้นทรงพบปะกับบิชอปสามคนซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นน้องชายของราอูล บิชอปทั้งสามเห็นชอบประกาศให้การแต่งงานในปัจจุบันเป็นโมฆะด้วยเหตุผลว่าเป็นการร่วมประเวณีกันระหว่างญาติใกล้ชิด ต้นปี ค.ศ. 1142 บิชอปกลุ่มเดิมได้ประกอบพิธีแต่งงานให้ราอูลกับเปทรอนีย์โดยได้รับการอนุมัติจากกษัตริย์

ตีโบที่ 4 เคานต์แห่งบลัวให้ที่พักพิงแก่ภรรยาที่ถูกทอดทิ้งของราอูลและยื่นคัดค้านต่อสมเด็จพระสันตะปาปาในนามของเธอ ตีโบยังมีแบร์นาด์แห่งแคลร์โวซ์ที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการประกาศให้การแต่งงานเป็นโมฆะและการแต่งงานใหม่ให้การสนับสนุน ฤดูร้อนปีนั้น ที่ารประชุมสภาศาสนจักรที่สมเด็จพระสันตะปาปาจัดขึ้นมา บิชอปที่ประกอบพิธีแต่งงานให้ราอูลกับเปทรอนีย์ถูกตัดขาดจากศาสนาและถูกระงับตำแหน่ง ราอูลถูกสั่งให้ทิ้งเปทรอนีย์กลับไปหาอดีตภรรยาด้วยการข่มขู่ว่าจะตัดขาดจากศาสนา เขาปฏิเสธ ทั้งเขาและเปทรอนีย์จึงถูกศาสนจักรตัดขาดจากศาสนา ดินแดนของเขาต้องโทษต้องห้าม เกิดสงครามขึ้นระหว่างพระเจ้าหลุยส์กับตีโบ เดือนมกราคม ค.ศ. 1143 กองทัพของพระเจ้าหลุยส์ทำการปิดล้อมเมืองวิทรีซูร์มาร์นซึ่งอยู่ในดินแดนของตีโบ เกิดไฟไหม้ทำลายทั้งเมือง สังหารประชาชนกว่าพันคน เหตุการณ์ดังกล่าวตามหลอกหลอนพระเจ้าหลุยส์ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ตลอดพระชนม์ชีพที่เหลืออยู่

ราวปี ค.ศ. 1143 เปทรอนีย์ให้กำเนิดบุตรคนแรกเป็นบุตรสาวชื่อว่าอีซาแบลหรือเอลิซาเบธ ขณะถูกตัดขาดจากศาสนา ราอูลกับเปทรอนีย์มีส่วนร่วมในการก่อตั้งสถานที่ทางศาสนาเป็นการไถ่บาป ปี ค.ศ. 1144 สงครามระหว่างพระเจ้าหลุยส์กับตีโบจบลง ทั้งคู่เห็นชอบในสนธิสัญญาสันติภาพ แต่เปทรอนีย์กับราอูลยังคงถูกตัดขาดจากศาสนา ในปีเดียวกันอาลีเยนอร์ขอร้องแบร์นาด์แห่งแคลร์โวซ์ให้ใช้อิทธิพลกดดันสมเด็จพระสันตะปาปา เพื่อให้การถูกตัดขาดออกจากศาสนาน้องสาวกับน้องเขยของพระองค์ถูกล้มเลิก คำขอร้องถูกปฏิเสธ ราวปี ค.ศ. 1145 บุตรคนที่สองของทั้งคู่เป็นบุตรชายชื่อว่าราอูลถือกำเนิด

ปี ค.ศ. 1147 พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 กับอาลีเยนอร์ออกเดินทางไปทำสงครามครูเสดครั้งที่สอง ราอูลถูกทิ้งให้บริหารปกครองราชอาณาจักรในช่วงที่พระเจ้าหลุยส์ไม่อยู่ มีการคาดเดาว่าเปทรอนีย์อาจจะร่วมเดินทางไปกับอาลีเยนอร์และพระสวามี แต่เธอน่าจะถูกทิ้งให้อยู่กับสามีของเธอมากกว่า ในปี ค.ศ. 1147 หรือ ค.ศ. 1148 ภรรยาคนแรกของราอูลเสียชีวิต การแต่งงานของเปทรอนีย์กับราอูลได้รับการอนุมัติจากสมเด็จพระสันตะปาปาคนใหม่ในปี ค.ศ. 1148 เมื่อการแต่งงานได้รับการอนุมัติ การตัดขาดจากศาสนาจึงถูกล้มเลิกไป ทั้งคู่มีบุตรคนที่สามซึ่งเป็นคนสุดท้ายเป็นบุตรสาวชื่อว่าเอลีโอนอร์ราวปี ค.ศ. 1148–1149 สมเด็จพระสันตะปาปาอนุมัติให้การแต่งงานของทั้งคู่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่แบร์นาด์แห่งแคลร์โวซ์ได้ประกาศว่าราอูลกับเปทรอนีย์จะมีความสุขด้วยกันไม่นานและบุตรของทั้งคู่จะไม่มีบุตรเป็นของตัวเอง การทำนายของเขากลายเป็นจริง ราอูลเสียชีวิตในวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1152 บุตรชายของทั้งคู่เสียชีวิตเร็วและไม่มีบุตรเนื่องจากเป็นโรคเรื้อน บุตรสาวของทั้งคู่ เอลิซาเบธแต่งงานกับฟิลิป เคานต์แห่งแฟลนเดอส์ ส่วนเอลีโอนอร์แต่งงานสี่ครั้ง แต่ไม่มีบุตรด้วยกันทั้งคู่

บั้นปลายชีวิต แก้

เปทรอนีย์หายไปจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ราวช่วงที่การแต่งงานครั้งแรกของพี่สาวถูกประกาศให้เป็นโมฆะ เชื่อกันว่าเธอเสียชีวิตก่อนราอูลในปี ค.ศ. 1151 ราอูลแต่งงานใหม่กับโลเร็ตแห่งแฟลนเดอส์ อีกทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่าราอูลหย่ากับเธอในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่การแต่งงานของอาลีเยนอร์กับพระเจ้าหลุยส์ถูกประกาศให้เป็นโมฆะ จากนั้นจึงรับโลเร็ตมาเป็นภรรยาคนที่สาม บ้างก็ว่ากันว่าโลเร็ตเป็นมารดาของเอลีโอนอร์ บุตรสาวคนเล็กของราอูล แต่ดูจากชื่อ เธอน่าจะเป็นบุตรสาวของเปทรอนีย์มากกว่า (เอลีโอนอร์ = อาลีเยนอร์ = เอเลนอร์) แหล่งข้อมูลฝรั่งเศสคาดเดาว่าเปทรอนีย์กับราอูลน่าจะยังแต่งงานกันอยู่ในตอนที่ราอูลเสียชีวิตและราอูลไม่เคยแต่งงานกับโลเร็ต ก่อนแต่งงานกับราอูล โลเร็ตเคยแต่งงานมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกกับไอเวน เคานต์แห่งอาลส์ และครั้งที่สองกับอ็องรีที่ 2 ดยุคแห่งลิมบูร์กที่หย่ากับเธอก่อนปี ค.ศ. 1152 หลังราอูลเสียชีวิต เธอแต่งงานครั้งสุดท้ายกับอ็องรีที่ 4 เคานต์แห่งลักเซมเบิร์ก ทั้งคู่หย่ากันในปี ค.ศ. 1163

เปทรอนีย์ยังมีชีวิตอยู่ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1151 ชื่อของเธอปรากฏอยู๋ในกฎบัตร หากเธอเสียชีวิตก่อนราอูลจริงก็คงเป็นหลังจากนั้นไม่นาน ทว่ามีบันทึกที่ทำให้เชื่อว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ในช่วงหลังปี ค.ศ. 1152 โดยทั่วไปแล้วเชื่อกันว่าเธอตามอาลีเยนอร์กลับไปอากีแตนหลังการแต่งงานถูกประกาศให้เป็นโมฆะและเข้าร่วมในราสำนักของพระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ พระสวามีคนที่สองของอาลีเยนอร์ เปทรอนีย์มักถูกกล่าวถึงว่าได้ติดตามอาลีเยนอร์ไปอังกฤษเพื่อร่วมพิธีราชาภิเษกของพระนางกับพระเจ้าเฮนรีในปี ค.ศ. 1154 เอกสารจากต้นรัชสมัยของพระเจ้าเฮนรีได้กล่าวถึงชื่อของเปทรอนีย์อยู่ข้างชื่อของอาลีเยนอร์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเปทรอนีย์เดียวกัน

ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นไร แต่หลังจากนั้นไม่นานชื่อของเปทรอนีย์ก็หายไปจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่าเธออยู่กับอาลีเยนอร์ในตอนที่พระนางถูกพระสวามีคนที่สองจองจำ แต่ข้อมูลดังกล่าวอาจผิดพลาด เธอน่าจะเสียชีวิตนานแล้วก่อนที่อาลีเยนอร์จะเริ่มถูกจองจำในปี ค.ศ. 1173 กล่าวคือเปทรอนีย์น่าจะเสียชีวิตในช่วงคริสตทศวรรษ 1150

อ้างอิง แก้