เตียง คือ ไม้ที่สำหรับนอนหรือตั้งสิ่งของ มีขา 4 ขา รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า[1] หรือคือเครื่องเรือนประเภทหนึ่งซึ่งนิยมนำไปไว้ในห้องนอน โดยประโยชน์ใช้สอยหลักคือเป็นที่รองรับสรีระของมนุษย์ขณะพักผ่อนหรือนอนหลับ ลักษณะโดยทั่วไปจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีขนาดกว้างยาวแตกต่างกันไป หรืออาจมีรูปทรงอื่นๆเช่น ทรงกลม ทรงหกเหลี่ยม เป็นต้น โดยเตียงนั้นอาจประกอบด้วยส่วนที่เป็นฐานด้านล่างและส่วนที่เป็นฟูกด้านบนหรืออาจไม่มีฟูกรองรับด้านบนก็ได้ ซึ่งเตียงบางประเภท อาจมีส่วนที่เป็นหัวเตียงอยู่ด้วย โดยหัวเตียงก็คือส่วนที่ยื่นสูงขึ้นไปด้านบนและมักอยู่ทางด้านแคบของเตียงด้านใดด้านหนึ่ง มีทั้งแบบเรียบง่ายไปจนกระทั่งมีที่สำหรับวางของ ตู้ ลิ้นชัก และโคมไฟบนหัวเตียงด้วย หรือเตียงบางประเภทอาจมีเสายื่นขึ้นไปด้านบนทั้ง 4 มุม เพื่อใช้ประดับผ้าม่าน นอกจากนี้ เตียงบางประเภทยังมีตู้หรือลิ้นชักอยู่ด้านล่างเตียงเพื่อใช้เก็บของได้อีกด้วย ซึ่งลักษณะของเตียงนั้นอาจแตกต่างกันไปตามการออกแบบ

เตียงนอน

โดยปกติแล้ว เตียงมักใช้ควบคู่กับเครื่องนอนชนิดอื่นเช่นหมอน หมอนข้าง ผ้าห่ม ผ้าปูเตียง รวมทั้งผ้าคลุมเตียงซึ่งใช้คลุมทับเครื่องนอนอื่นๆอีกทีหนึ่ง สำหรับวัสดุที่ใช้ทำส่วนที่เป็นฐานเตียงนั้นจะแตกต่างกันไปตามการออกแบบ เช่น โลหะ ไม้ ไม้อัด หรืออาจนำฟูกมาวางเป็นฐานก็ได้

นอกจากเตียง อาจะใช้เสื่อปูรองพื้น หรือใช้เปลซึ่งมีทั้งเปลผูกที่ต้องผูกปลายทั้งสองด้านเข้ากับหลักยึด หรือเปลไกวที่มีลักษณะเหมือนกับเปลเด็กเพื่อเป็นที่ใช้สำหรับนอนหลับพักผ่อนแทนได้

ประวัติศาสตร์ แก้

ยุคก่อนประวัติศาสตร์ แก้

ในเดือนสิงหาคม ปี 2020 นักวิทยาศาสตร์ได้รายงานการค้นพบฐานสมุนไพรที่เก่าแก่ที่สุดอย่างน้อย 200,000 ปี ซึ่งเก่ากว่าฐานสมุนไพรที่รู้จักเก่าแก่ที่สุด[2][3][4][5] พวกเขาสันนิษฐานว่าพืชที่ไล่แมลงและชั้นของเถ้าถ่าน บางครั้งมาจากการเผาฐานสมุนไพรเก่าที่พบใต้เครื่องนอน ถูกใช้เพื่อสร้างฐานที่กันสิ่งสกปรก ฉนวนและป้องกันแมลงขาปล้อง[6][7][8]

ประวัติศาสตร์ยุคกลาง แก้

ชาวยุโรปในยุคกลางนอนบนพื้นบนฐานที่ทำจากใบไม้ คลุมด้วยหนังสัตว์ หรือในกล่องตื้นที่มีใบไม้และมอสเต็มไปหมด ในยุคต้นๆ ของยุคกลาง พวกเขาปูพรมบนพื้นหรือบนม้านั่งที่ผนัง[9] วางที่นอนที่เต็มไปด้วยขนนก ขนสัตว์ หรือผม และใช้หนังสัตว์เป็นผ้าคลุม ผ้าม่านถูกแขวนจากเพดานหรือจากตัวยึดเหล็กที่ยื่นออกมาจากผนัง[10]

ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ แก้

ในศตวรรษที่ 17 ซึ่งเรียกว่า "ศตวรรษของเตียงที่ยิ่งใหญ่" สไตล์ à la duchesse พร้อม tester และม่านที่ปลายหัวเตียง ได้แทนที่เตียงที่ปิดมิดชิดกว่าในฝรั่งเศส แม้ว่าในอังกฤษจะยังคงมีอยู่นานกว่า หลุยส์ที่ 14 มีเตียงหรูหรามากมาย มีถึง 413 เตียง ที่ถูกอธิบายในคำอธิบายของวังของเขา บางเตียงมีปักลาย ประดับด้วยไข่มุก และตุ๊กตาบนฐานเงินหรือทอง ที่เตียงขนาดใหญ่ในเวอร์ซายมีม่านกำมะหยี่สีแดงเข้มปัก "Triumph of Venus" มีทองคำใช้จนกำมะหยี่แทบมองไม่เห็น

ในปี 1824 ช่างฝีมือชาวฝรั่งเศสชื่อ Delangle ได้คิดค้นสิ่งที่น่าสนใจ - เขาคิดค้นตาข่ายสปริง[11] ท่อโลหะมาทดแทนไม้ในการผลิตเตียง และแนวคิดของนักประดิษฐ์ก็อิงตามโครงสร้างโลหะดังกล่าวจนถึงกลางศตวรรษที่ 20.[12][13]

ลักษณะ แก้

ประเภทของเตียง แก้

เมื่อแบ่งประเภทของเตียงตามจำนวนของผู้นอน ประเภทของเตียงนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆก็คือ เตียงเดี่ยวและเตียงคู่ ซึ่งขนาดของเตียงทั้งสองประเภทนี้จะมีความแตกต่างกันตามความเหมาะสม โดยเตียงเดี่ยว ก็คือเตียงที่มีขนาดพอเหมาะสำหรับการนอนคนเดียวขนาดจึงแคบกว่าเตียงคู่ สำหรับเตียงคู่นั้นสามารถนอนได้ประมาณ 2 คน จึงมีขนาดกว้างและยาวกว่าเตียงเดี่ยว นอกจากนี้ยังมีเตียงอีกประเภทหนึ่งก็คือเตียง 2 ชั้น ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากเตียงทั่วไปคือ จะประกอบด้วยเตียง 2 เตียงซ้อนกัน โดยมีเตียงเตียงหนึ่งอยู่ชั้นล่าง และอีกเตียงหนึ่งอยู่ด้านบน ระยะห่างระหว่างเตียงชั้นบนและชั้นล่างจะมีความสูงในขนาดที่พอเหมาะ และขนาดของเตียงที่มาประกอบเป็นเตียง 2 ชั้นนั้น จะมีขนาดเท่าๆกับเตียงเดี่ยว คือนอนได้ชั้นละ 1 คน เมื่อต้องการนอนเตียงชั้นบนจะต้องใช้บันไดในการปีนขึ้นไป เตียงชนิดนี้จึงเหมาะสำหรับห้องที่มีพื้นที่จำกัด เช่นในหอพัก หรือห้องนอนที่มีขนาดแคบ

ขนาดของเตียง แก้

นอกจากการแบ่งเตียงนอนเป็นประเภทเตียงเดี่ยวหรือเตียงคู่แล้ว เรายังมักนิยมเรียกเตียงตามขนาดอีกด้วย ซึ่งการเรียกตามขนาดนี้ก็สามารถเรียกได้หลายแบบ เช่นเรียกตามขนาดเป็นฟุต เช่น เตียง 5 ฟุต เตียง 6 ฟุต เป็นต้น หรืออาจเรียกตามความใหญ่ของเตียงโดยไม่เรียกเป็นฟุต เช่น เตียงคิงไซส์ (King size) เป็นต้น โดยเตียงคิงไซส์นั้นจะมีความกว้างประมาณ 76 นิ้ว และยาวประมาณ 80 นิ้ว ซึ่งการเรียกเตียงแบบนี้ ในแต่ละประเทศก็จะมีการกำหนดขนาดความกว้างและความยาวของเตียงไว้แตกต่างกัน นอกจากนี้ หากเป็นเตียงเดี่ยวที่มีขนาดเท่ากันจำนวน 2 เตียง อยู่ในห้องเดียวกัน เราอาจเรียกเตียงนั้นตามศัพท์ภาษาอังกฤษว่า twin bed ได้

อ้างอิง แก้

  1. "พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-03-03. สืบค้นเมื่อ 2010-01-11.
  2. "Early Human Bedding More Than 200,000 Years Old Found in South Africa". www.haaretz.com. สืบค้นเมื่อ 2024-04-08.
  3. "World's oldest mattress revealed: Archaeologists discover traces of 200,000-year-old bedding made from grass and ash in South African cave". www.dailymail.co.uk. สืบค้นเมื่อ 2024-04-08.
  4. "200,000-Year-Old Bedding Found in South Africa May Be World's Oldest". www.smithsonianmag.com. สืบค้นเมื่อ 2024-04-08.
  5. "Scientists Just Found The World's Oldest Bed In A 200,000-Year-Old South African Cave Dwelling". allthatsinteresting.com. สืบค้นเมื่อ 2024-04-08.
  6. "200,000 years ago, humans preferred to sleep in beds". phys.org. สืบค้นเมื่อ 2024-04-08.
  7. "Fire and grass-bedding construction 200 thousand years ago at Border Cave, South Africa". www.science.org. สืบค้นเมื่อ 2024-04-08.
  8. "The oldest known grass beds from 200,000 years ago included insect repellents". www.sciencenews.org. สืบค้นเมื่อ 2024-04-08.
  9. "French Beds". theworldofantiques.wordpress.com. สืบค้นเมื่อ 2024-04-08.
  10. "Medieval Furniture & Home Decor". www.furniturestyles.net. สืบค้นเมื่อ 2024-04-08.
  11. "Bed". www.ottoman-bed.co.uk. สืบค้นเมื่อ 2024-04-08.
  12. "The Fascinating Discoveries Of Beds In History". www.wallbedsbywilding.com. สืบค้นเมื่อ 2024-04-08.
  13. "The Evolution of 19th Century Rope Beds: An Essential Piece of Furniture". 19thcentury.us. สืบค้นเมื่อ 2024-04-08.