ฮีนตาดะ
ฮีนตาดะ (พม่า: ဟင်္သာတ) เป็นนครตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิรวดีในภาคอิรวดี ประเทศพม่า จากข้อมูลประชากรปี ค.ศ. 1983 เมืองมีประชากร 82,005 คน[1] และปี ค.ศ. 2010 มีประชากรเพิ่มเป็น 170,312 คน[1] การค้าข้าวและธัญพืชที่ปลูกในท้องถิ่นใช้ท่าเรือฮีนตาดะเป็นจุดส่งออก
ฮีนตาดะ | |
|---|---|
เมือง | |
,_1855.jpg) ภาพสีน้ำเมื่อปี ค.ศ. 1855 | |
  ฮีนตาดะ ที่ตั้งเมืองฮีนตาดะในประเทศพม่า | |
| พิกัด: 17°38′46″N 95°27′37″E / 17.64611°N 95.46028°E | |
| ประเทศ |  พม่า |
| เขต |  ภาคอิรวดี |
| จังหวัด | ฮีนตาดะ |
| อำเภอ | ฮีนตาดะ |
| ความสูง | 17 เมตร (56 ฟุต) |
| ประชากร | |
| • ประมาณ (2010) | 170,312 คน |
| • ศาสนา | พุทธ |
| เขตเวลา | UTC+6:30 (เวลามาตรฐานพม่า) |
เดิมฮีนตาดะปกครองโดยชาวมอญ[2] และเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรพุกาม[2]
ภูมิอากาศ แก้
| ข้อมูลภูมิอากาศของHinthada (1981–2010) | |||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
| อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 31.2 (88.2) |
34.2 (93.6) |
37.1 (98.8) |
38.7 (101.7) |
35.6 (96.1) |
31.3 (88.3) |
30.6 (87.1) |
30.4 (86.7) |
31.5 (88.7) |
32.5 (90.5) |
31.6 (88.9) |
30.3 (86.5) |
32.9 (91.2) |
| อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 14.4 (57.9) |
15.2 (59.4) |
18.8 (65.8) |
22.5 (72.5) |
24.2 (75.6) |
23.9 (75) |
23.8 (74.8) |
23.9 (75) |
23.8 (74.8) |
23.4 (74.1) |
20.9 (69.6) |
16.9 (62.4) |
21.0 (69.8) |
| ปริมาณฝน มม (นิ้ว) | 7.1 (0.28) |
30.4 (1.197) |
23.4 (0.921) |
25.8 (1.016) |
207.5 (8.169) |
522.5 (20.571) |
519.8 (20.465) |
481.8 (18.969) |
316.6 (12.465) |
155.4 (6.118) |
62.9 (2.476) |
7.2 (0.283) |
2,360.4 (92.929) |
| แหล่งที่มา: Norwegian Meteorological Institute[3] | |||||||||||||
อ้างอิง แก้
- ↑ 1.0 1.1 1.2 "Myanmar: largest cities and towns and statistics of their population"". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-02-09. World Gazetteer
- ↑ 2.0 2.1 Morrison, W. S. (1915) Henzada District Office of the Superintendent, Government Printing, Rangoon, Burma, page 16, OCLC 69339625
- ↑ "Myanmar Climate Report" (PDF). Norwegian Meteorological Institute. pp. 23–36. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 8 October 2018. สืบค้นเมื่อ 9 November 2018.