อาณาจักรโชซ็อนโบราณ (เกาหลี고조선; ฮันจา古朝鮮; อาร์อาร์Gojoseon; เอ็มอาร์Kochosŏn) ประวัติศาสตร์เกาหลี นั้นมีการบันทึกค่อนข้างมากมายหลายแขนง จนเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ทุกวันนี้เหล่านักประวัติศาสตร์สมัยใหม่ว่าจะยึดถือเอาประวัติศาสตร์ใดจึงจะเหมาะสม แต่โดยทั่วไปแล้วมักยึดถือเอาจุดเริ่มต้นของอารยะธรรมที่สืบทอดต่อจากยุคดึกดำบรรพ์นั้นเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงในยุคสมัยโคโจซ็อนหรือโชซ็อนโบราณ และล้วนกล่าวตรงกันหมดว่าเริ่มต้นขึ้นที่ปี 1790 ปีก่อนพุทธศักราช โคโจซ็อนเป็นอาณาจักรแห่งแรก ตั้งอยู่ตรงบริเวณตอนใต้ของ แมนจูเรีย และตอนเหนือของ คาบสมุทรเกาหลี อาณาจักรแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นโดยกษัตริย์ ทันกุน เรื่องราวประวัติศาสตร์นี้บันทึกครั้งแรกในหนังสือ ซัมกุก ยูซา ที่บันทึกประวัติศาสตร์ในสมัยซัมกุก หรือ สามอาณาจักรแห่งเกาหลี ซึ่งบันทึกขึ้นในช่วง พุทธศตวรรษที่ 18 ในบันทึกประวัติศาสตร์เล่มนี้กล่าวถึงการสร้างชาติของ เกาหลี ย้อนขึ้นไปถึงช่วงก่อนหน้าที่จะมาเป็นยุคสามอาณาจักรว่าแผ่นดิน เกาหลี ถูกสร้างขึ้นโดย ทันกุน นักประวัติศาสตร์ทั่วไปเชื่อว่า ทันกุน มิใช่พระนามแต่เป็นยศศักดิ์อันหมายถึง กษัตริย์ ส่วน วังกอม ต่างหากเป็นพระนามที่แท้จริง

โคโชซ็อน

조선(朝鮮)
2333 ก่อนคริสต์ศักราช–พ.ศ. 435
อาณาเขตของโชซ็อนโบราณช่วง พ.ศ. 435
อาณาเขตของโชซ็อนโบราณช่วง พ.ศ. 435
เมืองหลวงวังกอมซอง
ภาษาทั่วไปภาษาเกาหลีดั้งเดิม
ศาสนา
เชมัน
การปกครองสมบูรณาญาสิทธิราชย์
พระมหากษัตริย์ 
• 2333 ก่อนคริสต์ศักราช - ?
พระเจ้าทันกุนวังกย็อม
• 194 ก่อนคริสต์ศักราช - ?
พระเจ้าวีมัน
• ? - 108 ก่อนคริสต์ศักราช
พระเจ้าอูกู
ยุคประวัติศาสตร์โบราณ, ปรัมปรา
• สถาปนา
2333 ก่อนคริสต์ศักราช
• วังกอมซอมแตก
พ.ศ. 435
ถัดไป
อาณาจักรนังนัง
มณฑลฮย็อนโท
มณฑลอิมดุน
มณฑลชินบอน
อาณาจักรพูยอ

พระเจ้าทันกุนวังกย็อม แก้

เรื่องของ พระเจ้าทันกุน นี้ก็คือตำนานพระเจ้าสร้างโลกของ เกาหลี ที่มีคล้ายๆกันกับของชนชาติอื่นๆ ที่เชื่อในเรื่องพระเจ้าสร้างโลกกันมาแต่ยุคสมัยโบราณ ในตำนานกล่าวว่า ทันกุน นั้นสืบเชื้อสายมาจากเสด็จปู่ พระเจ้าฮวานิน ผู้เป็นเทพแห่งสวรรค์ โอรสของ พระเจ้าฮวานิน คือ พระเจ้าฮวานุง ได้ขอประทานให้พระองค์ได้มาอาศัยอยู่บนโลก โดยขอสถานที่ที่มีหมู่บ้านและภูเขา พระเจ้าฮวานิน จึงประทานที่แห่งหนึ่งให้อยู่ทึ่บริเวณภูเขา แทแบก ปัจจุบันคือภูเขาแพกทู หรือ ไป่ถู หรือ ไป่โถว ในภาษาจีน อยู่ตรงพรมแดนกั้นระหว่างประเทศจีนและภาคเหนือของประเทศเกาหลีเหนือ แปลว่า ภูเขาหัวขาว เป็นภูเขาไฟเก่าที่มีทะเลสาบใหญ่ ปากปล่องภูเขาไฟอยู่บนยอดเขา พระเจ้าฮวานินยังได้มอบคนจำนวน 3000 คน มาเป็นข้ารับใช้พระเจ้าฮวานุงอีกด้วย พระเจ้าฮวานุงก่อร่างสร้างเมืองขึ้นจากดินแดนแห่งนั้น โดยตั้งชื่อว่า ซินซี แปลว่าเมืองแห่งเทพ โดยได้บันดาลให้เกิดมีเมฆ ลม และฝน แล้วสอนให้ผู้คนของพระองค์ทั้งหมดให้รู้จักกับศาสตร์และศิลป์ต่างๆ รวมถึงการเพาะปลูก และยังได้ออกกฎหมายเพื่อปกครองข้าแผ่นดินอย่างเป็นสุข

ที่ถ้ำแห่งหนึ่งในหุบเขานั้น มีเสือและหมีคู่หนึ่งเฝ้าบำเพ็ญภาวนาขอให้ พระเจ้าฮวานุง ดลบันดาลให้ทั้งสองได้กลายร่างเป็นคน เมื่อพระเจ้าฮวานุงรับทราบถึงคำภาวนาของเสือและหมีคู่นี้ จึงได้รับสั่งให้ทั้งสองเข้าเฝ้า พระเจ้าฮวานุงได้ประทานกระเทียม 20 กลีบ กับหญ้า 1 มัด โดยสั่งให้นำอาหารศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองอย่างนี้ไปรับประทานตลอด 100 วัน และหลีกเลี่ยงให้พ้นจากแสงอาทิตย์ หลังจากที่รับประทานอาหารทิพย์ได้นาน 21 วัน เจ้าหมีก็กลายร่างเป็นหญิงสาว ส่วนเจ้าเสือนั้นก็ยังคงอยู่ในถ้ำร่างเดิม

เจ้าหมีได้เป็นมนุษย์สมใจ จึงรู้สึกสำนึกในบูญคุณ แล้วถวายตัวเป็นข้ารับใช้ พระเจ้าฮวานุง อยู่ต่อมา หญิงสาวก็เฝ้าอธิษฐานขอให้ตนมีบุตร พระเจ้าฮวานุง ทราบความอีก จึงรับนางเป็นชายาของพระองค์จากนั้นก็ตั้งครรภ์ และให้กำเนิดโอรสเป็น ทันกุน ทันกุนได้สืบต่อบัลลังก์กษัตริย์ต่อจากพระบิดาในปีที่ 50 ในรัชสมัยพระเจ้าเหยา (พระเจ้าเหยาคือ 1 ใน 5 กษัตริย์ดึกดำบรรพ์ผู้สร้างประเทศจีน)

สร้างอาณาจักร แก้

ต่อมาพระเจ้าทันกุนได้สร้างขอบขันฑ์กำแพงนครหลวงขึ้น ชื่อของเมืองแห่งนี้คือ วังกอมซอง ซึ่งต่อมาเมืองแห่งนี้ก็คือ เปียงยาง เมืองหลวงของ เกาหลีเหนือ พระเจ้าดันกุน เรียกอาณาจักรของพระองค์ว่า โชซ็อน ซึ่งต่อมาพระองค์ได้อาศัยอยู่ที่อาซาดาล บนภูเขาแบกัก สถิตเป็นเทพอยู่บนภูเขาแห่งนั้นสืบต่อไป และในอีก 1500 ปีต่อมา พระเจ้าอู๋ แห่งราชวงศ์โจว ของ จีน ได้ส่งขุนนางชื่อ จี้จื่อ หรือ เกาหลีเรียกว่ากีจา ไปที่โชซ็อน ในปี 579 ก่อนพุทธศักราช ซึ่งต่อมาจี้จื่อก็ได้กลายเป็นผู้ปกครองอาณาจักรโชซ็อนสืบต่อไป

ในเรื่องของกษัตริย์ดันกุน นี้ไม่ปรากฏหลักฐานในบันทึกของชาว จีน แต่อย่างใด และนักประวัติศาสตร์ยุคใหม่ก็เชื่อว่า เรื่องของพระเจ้าดันกุน ผู้สร้างอาณาจักรโชซ็อนโบราณ สืบเชื้อสายมาจากเทพเจ้าบนสวรรค์เช่นนี้ เป็นตำนานความเชื่อเรื่องเทพเจ้าตามลัทธิความเชื่อเรื่องสวรรค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของผู้คนในยุคโบราณมากกว่า ชาวเกาหลีโบราณมีความเชื่อในตำนานเทพเจ้าว่าเทพสูงสุด คือ ยุลเรียล เป็นผู้ให้กำเนิดเทวีมาโกะ เทวีมาโกะก็ได้ให้กำเนิดเทวีอีก 2 องค์ คือ กุงวี และโชวี และทั้งสององค์ก็ได้ให้กำเนิดเทวดาหญิงชายหนึ่งคู่ เป็นต้นกำเนิดเหล่าเทวดาต่างๆ ให้กำเนิดขึ้นสืบต่อโดยอาศัยอยู่ในเขตคามสวรรค์ที่เรียกว่า มาโกซุง ต่อมานั้น ยุลเรียลได้ทรงสร้างแผ่นดินและมหาสมุทร โดยประกอบขึ้นจากธาตุทั้ง 5 คือ ดิน น้ำ ลม และอากาศ (ธาตุทั้ง 5 นี้ปรากฏอยู่บนธงชาติของเกาหลีใต้ ล้อมรอบสัญลักษณ์ ยิน หยาง อันหมายถึงสิ่งแทนสวรรค์และโลกหรือแผ่นดิน)ธาตุทั้ง 5 นี้ก็คือบ่อเกิดที่ทำให้เกิดสรรพสิ่งรวมถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดขึ้นบนโลกขยายเผ่าพันธุ์สืบต่อมา

โคโจซ็อน แก้

ชื่อโคโจซ็อนนี้กำหนดขึ้นโดยนักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ ตามตำนานการสร้างประเทศเกาหลีกล่าวว่า เกาหลีในยุคสมัยเริ่มแรกเรียกว่าโชซ็อน แต่ในประวัติศาสตร์ยุคสมัยสุดท้ายก่อนที่เกาหลีจะเข้าสู่ยุคสมัยใหม่นั้นก็เรียกว่า โชซ็อน เช่นกัน จึงต้องมีการแบ่งแยกยุคสมัยทั้งสองออกจากกัน โชซ็อน ยุคแรกจึงต้องเรียกว่า โคโจซ็อน ซึ่งคำว่า โก แปลว่า เก่า หรือ โบราณ รวมกันจึงหมายถึง โชซ็อนโบราณ สมัยโคโจซ็อนนี้นับตั้งแต่ปี 1790 ก่อน พุทธศักราช จนกระทั่งถึง พ.ศ. 435 ในทางโบราณคดีนั้นจัดยุคสมัยโคโจซ็อนนี้อยู่ในยุคสำริด แต่ก้าวเข้าสู่ยุคเหล็กในช่วงปลายยุค จากหลักฐานที่ค้นพบเครื่องมือเครื่องใช้และถ้วยชามต่างๆ ของผู้คนในสมัยโคโจซ็อนก็บ่งบอกเช่นนั้น

ชาวโคโจซ็อนมีวัฒนธรรมของชุมชนที่ยังชีพด้วยการเพาะปลูก ในบันทึกของชาวจีนเคยมีการบันทึกและกล่าวถึงชาวโคโจซ็อนในสมัยราชวงศ์โจว และเรียกโคโจซ็อนว่าเป็นกลุ่มพวก นักรบคนเถื่อนแห่งตะวันออก ซึ่งในสมัยราชวงศ์โจว นี้มีกลุ่มชาวจีนเรียกว่าคนเถื่อนอยู่มากมายหลายกลุ่มที่อาศัยอยู่นอกเขตแดนที่ราบภาคกลางของจีน ซึ่งเป็นชนเผ่าเรร่อนอาศัยอยู่ในแถบมองโกเลียและแมนจูเรีย โคโจซ็อนที่มีเขตแดนติดต่อกับแมนจูเรีย จึงถูกเรียกรวมไปว่าเป็นพวกคนเถื่อน ถึงแม้ชาวโคโจซ็อนจะไม่ได้เป็นพวกเร่ร่อนก็ตาม

ในบันทึกของแคว้นฉี สมัยราชวงศ์โจวก็มีบันทึกถึงการติดต่อระหว่างแคว้นฉีและชาวโคโจซ็อน แคว้นนี้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามระหว่างทะเลป๋อไห่กับโคโจซ็อน และยังปรากฏอีกว่าในระหว่างเกิดสงครามระหว่างรัฐขึ้นในจีนปลายสมัยราชวงศ์โจว ช่วงระหว่าง พ.ศ. 68 ถึง พ.ศ. 322 คนจากแคว้นเอี๋ยนที่เป็นเขตติดต่อกันกับโคโจซ็อน ก็อพยพหลั่งไหลทะลักเข้าไปในโคโจซ็อนอย่างมากมายด้วยเช่นกัน

ในบันทึกประวัติศาสตร์อีกเล่มของเกาหลีที่มีชื่อว่า ฮวานดาน โกกิ อันเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ที่แตกต่างออกไปจากประวัติศาสตร์ทั่วไป ซึ่งกำลังได้รับการถกเถียงจากนักประวัติศาสตร์ทั่วไปถึงความถูกต้องบันทึกว่า หลังจากยุคสมัยของดันกุน วังกอม แล้วกษัตริย์ที่สืบบัลลังก์เป็นโอรสของพระองค์คือ ดันกุน ปูรู ขึ้นสืบต่อในปี 1697 ก่อนพุทธศักราช ก่อนที่ดันกุน ปูรู จะขึ้นเป็นกษัตริย์ เคยได้รับสั่งจากพระบิดาให้เดินทางไปเมืองจีนเพื่อไปพบกับเซี่ยหยู ซึ่งในระหว่างนั้นกำลังแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วมให้กับพระเจ้าซุ่น ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายในตำนาน 5 กษัตริย์ยุคโบราณของจีน และดันกุน ปูรู นี่เองเป็นผู้บอกวิธีการสร้างฝายทดน้ำให้แก่เซี่ยหยู เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชน จนต่อมาเซี่ยหยูได้รับสืบเป็นกษัตริย์ต้นราชวงศ์เซี่ย ราชวงศ์แรกของจีน ซึ่งหากยืนตามบันทึกแล้ว ก็ยังคงอิงกับตำนานเทพเจ้าเกาหลีเรื่อง พระเจ้าสร้างโลกด้วยเช่นกัน ยังกล่าวถึงยุคสมัยโคโจซ็อนว่ากษัตริย์สืบต่อกันถึง 45 พระองค์ จากปี 1790 ก่อนพุทธศักราช ถึงปี พ.ศ. 306

ในบันทึกประวัติศาสตร์ทางฝ่ายจีน ได้มีการกล่าวถึงเรื่องของจี้จื่อ ที่ในประวัติศาสตร์ฝ่ายเกาหลีเรียกว่า กีจา ได้เดินทางไปยังโคโจซ็อนในพ.ศ. 36 และยังได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ปกครองโคโจซ็อนต่อมาด้วยเช่นกัน ในประวัติศาสตร์จีนกล่าวถึงจี้จื่อว่าเป็นพระอาจารย์ของกษัตริย์ติ้ซิง กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซางกษัตริย์พระองค์นี้เป็นกษัตริย์ทรราช จี้จือถูกจับคุมขังด้วยความไม่พอใจส่วนตัวของกษัตริย์ ต่อมาเมื่อราชวงศ์ซางล่มสลาย โจวอู่หวังผู้โคนล้มราชวงศ์ซางได้ขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์โจว จึงได้ปลดปล่อยจี้จื่อออกมา และเนรเทศออกจากแผ่นดินจีน จี้จื่อจึงได้พาคนจำนาน 5000 คน ออกจากจีน เดินทางมุ่งหน้าขึ้นเหนือ จนกระทั่งมาสุดที่ดินแดนหนึ่งที่เรียกว่า เจ่าเซียน ซึ่งก็คือ โคโจซ็อน และด้วยความรู้ที่มีมากมาย จึงได้รับตำแหน่งเป็นขุนนางที่นั้น จี้จื่อได้เป็นผู้สอนให้ชาวโคโจซ็อนได้เรียนรู้กับวัฒนธรรมของชาวจีน กระทั่งต่อมา จี้จื่อได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของชาวโคโจซ็อน เป็นต้นราชวงศ์จี้จื่อ หรือ กีจาโจซอน

ในเรื่องของชาวจีนที่ไปเป็นกษัตริย์ปกครองโคโจซ็อนนี้ปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ของเกาหลีในสองยุคสมัย จึงมักทำให้สับสนว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในยุคสมัยใดกันแน่ เหตุการณ์แรกคือเรื่องของ จี้จื่อ หรือ กีจา นี้เกิดในช่วงของโคโจซ็อนยุคกลาง ตรงกับยุคสมัยราชวงศ์โจว แต่อีกเหตุการณ์หนึ่งนั้นเกิดขึ้นสมัยโคโจซ็อนยุคปลาย ซึ่งตรงกับยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นของจีน เหตุการณ์ครั้งหลังนี้ยังนำมาสู่การก่อตั้งอาณาจักรแห่งใหม่ขึ้นอีกแห่งทางตอนใต้ของคาบสมุทรเกาหลี ในประวัติศาสตร์ช่วงหลังนี้กล่าวถึงขุนพลชาวจีนผู้หนึ่งนามว่า เหว่ยมั่ง ในพ.ศ. 349 เหว่ยมั่งเป็นขุนพลจากแคว้นเอี๋ยน ที่ลี้ภัยเข้าไปอยู่ในอาณาจักรโคโจซ็อน แล้วเข้ารับใช้กษัตริย์จุน ที่ปกครองโคโจซ็อนในขณะนั้น

เหว่ยมั่ง ได้รับคำสั่งไปป้องกันเขตแดนทางด้านตะวันตก แต่เขากลับก่อกบฏ นำกองทัพกลับมายึดอำนาจของกษัตริย์จุน และตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์เสียเอง แล้วก่อตั้งราชวงศ์ใหม่ขึ้นปกครองโคโจซ็อน ชื่อ เหว่ยมั่งโจซอน หลังจากถูกยึดอำนาจ กษัตริย์จุนกับทหารจำนวนหนึ่งหลบหนีลงไปทางใต้ และได้ตั้งอาณาจักรแห่งใหม่ ขึ้นตรงบริเวณเมืองอิกซาน ในจังหวัดเจียลลา เกาหลีใต้ปัจจุบัน โดยเรียกอาณาจักรใหม่แห่งนี้ว่าอาณาจักรฮัน

โคโจซ็อนในสมัยเหว่ยมั่งนี้มีการขยายอาณาเขตออกไปกว้างขวางขึ้นอีก และเพื่อป้องกันการถูกโจมตีจากจีนเหว่ยมั่งได้ผูกสัมพันธ์กับชนเผ่าซ่งหนู อันเป็นเผ่าเร่รอนที่อาศัยอยู่ในแมนจูเรียจากนั้นก็พยายามติดต่อกับแคว้นอื่นๆ ในจีน ราชวงศ์ของเหว่ยมั่งสืบต่อมาจนกระทั่งถึง พ.ศ. 434 ในสมัยของหยูฉู่ ซึ่งเป็นรุ่นหลานขึ้นมาเป็นกษัตริย์ปกครอง ในขณะนั้นจีนอยู่ในยุคสมัยของกษัตริย์ ฮั่นหวูตี้ พระเจ้าฮั่นหวูตี้ได้นำกองทัพเข้าโจมตีโคโจซ็อน สงครามดำเนินไปอยู่จนกระทั่งอีกปีต่อมา ในที่สุดเมืองหลวงวังกอมซองก็ถูกยึดโดยกองทัพราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์เหว่ยมั่งจึงสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้นพร้อมกับจุดสิ้นสุดของอาณาจักรโชซ็อนโบราณ ที่ต้องตกเป็นเมืองขึ้นครั้งแรกของจีนราชวงศ์ฮั่น นับแต่ พ.ศ. 435 ราชวงศ์ฮั่นได้แบ่งอาณาจักรโชซ็อนโบราณออกเป็นสี่แคว้น คือ มณฑลนังนัง มณฑลชินบอน มณฑลอินดุน และมณฑลฮย็อนโท แต่ราชวงศ์ฮั่นได้ปกครองอย่างจริงจังเพียงมณฑลเดียวคือ มณฑลนังนังเพราะเป็นแหล่งทรัพยากรที่สำคัญ ทำให้แคว้นอื่นๆ ค่อยๆแยกตัวออกไปอย่างอิสระในที่สุด แต่ภายหลังอาณาจักรนังนังก็สามารถกู้เอกราชมาได้ โดยพระเจ้าชอยรี