วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น

วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น มีชื่อจริงว่า ธีระพล สำราญกลาง เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เป็นบุตรของนายแก่เฮง และนางลม สำราญกลาง ต่อมาครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา

วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น
ชื่อจริงธีระพล สำราญกลาง
ฉายาพยัคฆ์หน้าขรึม
Deathmask (ภาษาอังกฤษ)
รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท
แบนตัมเวท
เกิด16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2511 (55 ปี)
จังหวัดสระบุรี
ชกทั้งหมด72
ชนะ66
ชนะน็อก46
แพ้4 ( แพ้น็อก 3 )
เสมอ2
ผู้จัดการสุชาติ พิสิฐวุฒินันท์
ค่ายมวยนครหลวงโปรโมชั่น
เทรนเนอร์มนต์สวรรค์ แหลมฟ้าผ่า
โชคชัย พิสิฐวุฒินันท์
สุเทพ ณ นคร
ไฟล์:Tatuyosiuxiraponn.jpg
ชนะน็อก โจอิจิโร ทัตสึโยชิ ในการพบกันครั้งที่สอง

ยอดมวยไทย แก้

วีระพลเคยชกมวยไทยมาก่อนอย่างโชกโชน เป็นมวยฝีมือดี ในชื่อ "วีระพล สหพรหม" ประสบความสำเร็จอย่างมาก เคยเป็นแชมป์มวยไทย 3 รุ่นของเวทีราชดำเนิน เคยผลัดแพ้-ชนะในแบบน็อก กับ "แซมซั่น" แสนเมืองน้อย ลูกเจ้าพ่อมเหศักดิ์ (ซึ่งต่อมากลายมาเป็นแชมป์โลกของสหพันธ์มวยโลก (WBF) ในรุ่นจูเนียร์แบนตัมเวท ที่ป้องกันตำแหน่งไว้ได้มากถึง 38 ครั้ง) โดยเป็นการแพ้น็อกครั้งแรกในการชกมวยไทยของแสนเมืองน้อยด้วย[1] รวมถึงเคยเป็นนักมวยไทยยอดเยี่ยมของเวทีราชดำเนิน ในปี พ.ศ. 2536 เมื่อหาคู่ชกในแบบมวยไทยไม่ได้แล้ว "เสี่ยฮุย" สุชาติ พิสิฐวุฒินันท์ จึงได้ซื้อตัววีระพลต่อมาจาก "อั้งม้อ" ชูเจริญ ระวีอร่ามวงศ์ ผู้จัดการคนเดิม เพื่อสร้างสรรค์ในแบบมวยสากลอาชีพ โดยตั้งเป้าไว้ที่เป็นแชมป์โลก

ชก 4 ครั้งเป็นแชมป์โลก แก้

วีระพลชกมวยสากลครั้งแรก ก็ได้ชิงแชมป์เลย โดยชิงแชมป์เงาของสภามวยโลก (WBC) รุ่นจูเนียร์​แบนตัมเวท​ กับโจเอล จูนิโอ นักมวยชาวฟิลิปปินส์ โดยชนะน็อกในยกที่ 3 ไป จากนั้นวีระพล อุ่นเครื่องอีก 3 ครั้ง ก็ได้ชิงแชมป์โลกของจริงกับนักมวยไทยด้วยกันเอง คือ ดาวรุ่ง ชูวัฒนะ นับเป็นศึกสายเลือดอีกครั้ง โดยมีเดิมพันวางไว้สูงของผู้จัดการทั้งสองฝ่าย และศึกครั้งนี้ สุชาติ พิฐวุฒินันท์ เป็นผู้จัดเอง นอกจากนี้แล้ว ทั้งคู่เมื่อครั้งยังชกมวยไทย เคยมีผู้จัดการคนเดียวกัน คือ "อั้งม้อ" ชูเจริญ ระวีอร่ามวงศ์ จึงเสมือนเป็นศึกสายเลือดของนักมวยค่ายเดียวกันเองอีกด้วย ซึ่งผลการชก วีระพลเป็นฝ่ายใช้ลีลาหลอกล่อ ดักชกเอาชนะคะแนน 12 ยก ดาวรุ่งไป แม้ในยกที่ 2 จะถูกหมัดของดาวรุ่งชกเอาจนก้นเตี้ย แต่ก็ได้กลายเป็นแชมป์โลกของสมาคมมวยโลก (WBA) รุ่นแบนตัมเวท คนใหม่ และเป็น แชมป์โลกที่มีสถิติการชกมวยน้อยที่สุดเป็นอันดับสองของโลก คือ ชกเพียง 4 ครั้ง ก็ได้แชมป์โลกด้วย (อันดับหนึ่ง คือ แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ และ วาซีล โลมาเชนโก ที่ชกเพียง 3 ครั้ง)

แชมป์โลกสมัยที่ 2 แก้

แต่วีระพลป้องกันตำแหน่งครั้งแรกกับ นานา คอนาดู นักมวยรองแชมป์โลก WBA อันดับ 1 ชาวกานา ที่ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2539 วีระพลก็เสียตำแหน่งไปทันที โดยแพ้ทีเคโอ​ในยกที่ 2 เท่านั้น แต่กลุ่มผู้สนับสนุนคือ สุชาติ พิสิฐวุฒินันท์ ก็ไม่ละทิ้งความพยายาม โดยตั้งเป้าไว้ที่จะให้ชิงแชมป์โลกอีกครั้ง วีระพลจึงถูกสร้างสรรค์อีกครั้งอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ขึ้นชกสม่ำเสมอสร้างประสบการณ์และความแข็งแกร่ง เมื่อ ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ เสียตำแหน่งแชมป์โลกสภามวยโลก (WBC) แบนตัมเวท ให้แก่ โจอิจิโร ทัตสึโยชิ นักมวยชาวญี่ปุ่นไป วีระพลจึงมีโอกาสขึ้นชิงแชมป์อีกครั้งในฐานะรองแชมป์โลก WBC อันดับ 5 โดยที่วีระพลเดินทางไปชกถึงประเทศญี่ปุ่น และก็สามารถเอาชนะทีเคโอ โจอิจิโร ทัตสึโยชิ ไปได้ในยกที่ 6 อย่างงดงาม เป็นที่น่าประทับใจ

ซึ่งในการชกครั้งนี้ วีระพลยังต้องเจอกับความชุลมุนจากบรรดาแฟน ๆ ของทัตสึโยชิที่เข้ามารุมทำร้ายด้วย เมื่อวีระพลและคณะได้เดินจากห้องพักถึงเวที และเมื่อชกเสร็จแล้วก็ยังต้องรออีกกว่า 30 นาที จึงจะลงจากเวทีได้ [2]

หลังจากนั้นวีระพลได้ชกป้องกันตำแหน่งอีกหลายหลายครั้ง ทั้งในและนอกประเทศ นับ 10 กว่าครั้ง เป็นขวัญใจของแฟนมวย ได้รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมของชาติ หลายต่อหลายครั้ง แต่ในการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 15 กับ โฮซูมิ ฮาเซงาวะ นักมวยรองแชมป์โลก WBC อันดับ 4 ชาวญี่ปุ่น วีระพลกลับเป็นฝ่ายแพ้คะแนนเสียแชมป์ไปอย่างสูสี และเมื่อได้มีการแก้มือกันอีกครั้ง ผลการชกก็ออกมาเป็นว่า วีระพลเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอไปในยกที่ 9 อีก แต่ วีระพลและกลุ่มผู้สนับสนุนก็ยังไม่ละความพยายาม ยังคงสนับสนุนวีระพลต่อไป โดยหวังว่าจะกลับมาเป็นแชมป์อีกครั้ง ในสมัยที่ 3

ท้ายที่สุดในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2551 วีระพลขึ้นชกตัดเชือกเพื่อไปหาผู้ชนะไปชิงแชมป์โลก โดยพบกับ แชมป์อินเตอร์เนชันแนล (แชมป์เงา WBC)​ วูซี มาลิงกา ชาวแอฟริกาใต้ที่ จังหวัดนนทบุรี ปรากฏว่า วีระพล สู้สังขารและสภาพร่างกายไม่ไหว เป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอในยกที่ 4 เท่านั้น โดยในปลายยกที่ 3 วีระพลถูกหมัดรัวชุดของมาลิงกา จนลงไปกองนับแปดก่อนระฆังจะช่วยหมดยกพอดี ขึ้นยกที่ 4 วีระพลยังถูกหมัดฮุกรัวเป็นชุดของมาลิงกา จนกรรมการบนเวทีเห็นว่าวีระพลหมดทางสู้ จึงยุติการชกไปเพียงแค่ยกที่ 4 เท่านั้น ทำให้หลังจากไฟต์นี้ ความหวังในการขึ้นชิงแชมป์โลกอีกครั้งของวีระพลต้องดับวูบลงไป แต่หลังจากนี้วีระพลก็ยังคงชกเคลื่อนไหวอีกเป็นระยะ ๆ พร้อมกับเป็นเทรนเนอร์ให้กับ นภาพล เกียรติศักดิ์โชคชัย นักมวยในสังกัดเดียวกันเมื่อครั้งขึ้นชิงแชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์แบนตัมเวท กับ โทชิอากิ นิชิโอกะ ด้วย ด้วยเห็นว่าวีระพลเคยชกกับนิชิโอกะมาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน ก่อนที่จะแขวนนวมไปในที่สุด

วีระพลเป็นคนมีหน้าตาเคร่งขรึม จึงได้รับฉายาว่า "พยัคฆ์หน้าขรึม"

ในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2560 มีกระแสข่าวว่าวีระพลเตรียมจะขึ้นชกมวยไทยกับแสนเมืองน้อย ลูกเจ้าพ่อมเหศักดิ์ อดีตนักมวยไทยชื่อดังและอดีตแชมป์โลกของสหพันธ์มวยโลก (WBF) ในรุ่นจูเนียร์แบนตัมเวท ซึ่งแรกๆวีระพลขอปรึกษากับทางครอบครัวก่อนว่าจะให้ชกหรือไม่ [3] ต่อมา นายณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ศึกเพชรยินดี ได้ประกาศว่า มวยคู่นี้จะขึ้นชกกันในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ในรายการศึกเพชรยินดี ที่เวทีราชดำเนิน [4]โดยผลการชกเป็น แสนเมืองน้อย ลูกเจ้าพ่อมเหศักดิ์ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไปอย่างขาดลอย โดยไม่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ แต่มีการนำเทปบันทึกภาพมาออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ดาวเทียมหลังการชกไม่กี่ชั่วโมง เช่นเดียวกับมวยไทยเวทีมาตรฐานตามปกติ

ชีวิตส่วนตัว แก้

วีระพลปัจจุบันสมรสแล้ว มีลูกชายหนึ่งคน และลูกสาวหนึ่งคน หลังจากแขวนนวมแล้ว วีระพลได้เปิดกิจการร้านอาหารที่อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ชื่อ "ร้านแชมป์โลก" โดยเป็นผู้ปรุงอาหารเอง[1]

เกียรติประวัติ แก้

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 เจาะชีวิต "วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น". MuaythaiDaily. 15 May 2014. สืบค้นเมื่อ 28 February 2015.
  2. ชัยชนะสุดสะใจบนแผ่นดินซามูไร "ผมทำได้แล้ว !!" โดย นิพนธ์ ขาวอุบล, หน้า 8-9-10-11 มวยโลก: ปีที่ 8 ฉบับที่ 751 ประจำวันที่ 27 มกราคม-2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542
  3. คอมวยลุ้น!"วีระพล"คุยครอบครัวชกย้อนยุค"แซมซั่น"
  4. ลงตัวแล้ว!มวยย้อนยุคแซมซั่น-วีระพล 27ธ.ค.นี้

แหล่งข้อมูลอื่น แก้