รายาผิวขาว (White Rajahs) เป็นราชวงศ์ที่ก่อตั้งและปกครองราชอาณาจักรซาราวักที่อยู่บนเกาะบอร์เนียวตั้งแต่ พ.ศ. 2384 – 2459 ผู้ปกครองคนแรกเป็นชาวอังกฤษชื่อเจมส์ บรูก ผู้รวบรวมดินแดนของซาราวักใน พ.ศ. 2384 และได้เป็นราชอาณาจักรอิสระต่างหากจากรัฐสุลต่านบรูไน ในฐานะรางวัลที่ช่วยปราบโจรสลัดและระงับความวุ่นวายต่าง ๆ รายาผิวขาวได้ปกครองต่อมาจนถึงรุ่นหลานของบรูก ก่อนจะถูกรวมเข้ากับอาณานิคมของอังกฤษในพ.ศ. 2489

รายาซาราวัก
ตราอาร์ม
ฮิสไฮเนส เจมส์ บรูก รายาองค์ที่ 1 แห่งซาราวัก
รายละเอียด
พระราชอิสริยยศฮิสไฮเนส
กษัตริย์องค์แรกเจมส์ บรูก
กษัตริย์องค์สุดท้ายชาลส์ ไวเนอร์ บรูก
สถาปนาเมื่อค.ศ. 1841
การล้มล้างค.ศ. 1946
ที่ประทับดิอัซตานา
ผู้อ้างสิทธิเป็นกษัตริย์เจมส์ บรูก

ผู้ปกครอง แก้

ซาราวักเดิมเป็นส่วนหนึ่งของบรูไนจนถึง พ.ศ. 2384 เมื่อเจมส์ บรูกซึ่งต่อมาได้เป็นรายาผิวขาวคนแรกได้รับดินแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของบรูไน ได้แก่บริเวณโดยรอบเมืองซาราวัก (ปัจจุบันคือกูชิง) และบริเวณโดยรอบเหมืองเบา จากสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟุดดินที่ 2 ราชอาณาจักรซาราวักได้ขยายดินแดนเพิ่มขึ้นระหว่างการปกครองของรายาสององค์แรก จนสามารถครอบครองดินแดนทางเหนือของเกาะบอร์เนียวได้เป็นส่วนใหญ่ และพื้นที่ที่ได้มานั้น มักผนวกมาจากดินแดนของบรูไน

รายาผิวขาว ได้แก่:

ชื่อ ภาพ เกิด ตาย แต่งงาน ผู้สืบทอด หมายเหตุ
เจมส์ บรูก
(พ.ศ. 2384 - 2411)
  29 เมษายน พ.ศ. 2346 ที่ อินเดีย 11 มิถุนายน พ.ศ. 2411 ที่อังกฤษ ไม่ได้แต่งงานแต่มีบุตรชายนอกสมรส ได้รับดินแดนซาราวักจากสุลต่านแห่งบรูไน
จอห์น บรูก
(พ.ศ. 2402 - 2406)
  พ.ศ. 2366 ที่ อังกฤษ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2411 ที่ อังกฤษ แอนน์ แกรนต์, มีบุตรคือ: เบซิล, จอห์น เอเวอลีน โฮป
จูเลีย เวลสตีด, มีบุตรคือ: มาทิลส์ อักเนส
เจมส์ผู้เป็นลุงให้เขาเป็นผู้สืบทอดเมื่อประมาณ พ.ศ. 2391 และตั้งให้เขาเป็นรายามูดาเมื่อ พ.ศ. 2402 แต่ถูกตัดสิทธิ์ด้วยเหตุการณ์ที่เขาเรียกว่ากบฏ
ชาลส์ บรูก
(พ.ศ. 2411 - 2460)
  3 มิถุนายน พ.ศ. 2372 ที่ อังกฤษ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2460 ที่ อังกฤษ ดายังมัสติยะห์, มีบุตรชายนอกสมรส 1 คน
มาร์กาเรต อลิซ ลิลี เดอ วินต์, มีบุตร 6 คน
เจมส์ที่เป็นลุงของเขามอบตำแหน่งให้เมื่อ พ.ศ. 2408
ไวเนอร์ บรูก
(พ.ศ. 2460 - 2489)
  26 กันยายน พ.ศ. 2417 ที่ อังกฤษ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2506 ที่ อังกฤษ ซิลเวีย เบรต, มีลูกสาวสามคน บุตรชายของคนก่อนหน้า สละตำแหน่ง
เบอร์ทรัม วิลเลส เดย์เรล บรูก
(พ.ศ.2460 - 2489)
  8 สิงหาคม พ.ศ. 2419 ที่ ซาราวัก 15 กันยายน พ.ศ. 2508 ที่ อังกฤษ กลาดีส์ พัลเมอร์, มีลูกสาวสามคน ลูกชายหนึ่งคน น้องชายของคนก่อนหน้า
อันโทนี บรูก
(พ.ศ.2489–2494)
  10 ธันวาคม พ.ศ. 2455 ที่ อังกฤษ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554 ที่นิวซีแลนด์ คัทลีน ฮัดเดน, มีลูกสาวสองคน ลูกชายหนึ่งคน บุตรชายของคนก่อนหน้า

รายาผิวขาวทุกพระองค์ได้รับการศึกษาแบบอังกฤษ และศพถูกฝังที่นี่นั่นที่โบสถ์ชีพสเตอร์ รายาผิวขาวมีนโยบายการปกครองที่ปกป้องชาวพื้นเมืองจากการปกครองแบบรวมศูนย์และการพัฒนาในระดับที่พบในจักรวรรดิอังกฤษอื่นๆ อำนาจสมบูรณ์ของรายาสิ้นสุดลงเมื่อ พ.ศ. 2484 เนื่องจากการรุกรานของญี่ปุ่น

ตำแหน่ง แก้

ตำแหน่งของทายาทผู้มีสิทธิโดยตรง (เทียบสยามมกุฎราชกุมารของไทย) เรียกว่า "รายามุดา" ส่วนภรรยาของรายามูดาเรียกว่า "รานีมุดา"

รัฐบาล แก้

เมื่อเจมส์ บรูกมาถึงซาราวักครั้งแรก ดินแดนนี้เป็นรัฐบรรณาการของบรูไนและรูปแบบการปกครองเป็นไปตามแบบของบรูไน เจมส์ได้เปลี่ยนรูปแบบการปกครองใหม่ จัดการบริการแบบยุโรป จัดชาวยุโรปมาเป็นข้าราชการ รายาเจมส์ใช้เครื่องแต่งกายและสัญลักษณ์ตามแบบราชวงศ์มลายู และรวมเข้ากับการปกครองแบบเบ็ดเสร็จของเขาเอง รายามีอำนาจในการออกกฎหมายและตัดสินคดีในศาล

รายายังได้ป้องกันชาวพื้นเมืองจากการสำรวจและการลงทุนของชาติตะวันตก และจัดตั้งบริษัทบอร์เนียวเพื่อจัดการเรื่องเศรษฐกิจ ศูนย์กลางเศรษฐกิจซาราวักคือทอง โดยใช้กรรมกรจากจีน หลังการลุกฮือของชาวจีนใน พ.ศ. 2400 การบริหารเหมืองแร่ถูกโอนมาเป็นของบรษัทบอร์เนียว ชาวจีนกลุ่มสุดท้ายถูกขับออกไปใน พ.ศ. 2427 บริษัทบอร์เนียวยังให้ความคุ้มครองทางทหารแก่รายาผิวขาวในเหตุการณ์เช่นการลุกฮือของชาวจีน ในสมัยรายาชาร์ล ได้จัดตั้งหน่วยการทหาร เพื่อทำหน้าที่รักษาความสงบและเป็นการ์ดส่วนตัวของรายา

การถ่ายโอนไปสู่การปกครองของอังกฤษ แก้

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไวเนอร์ บรูก ได้โอนซาราวักให้สำนักงานอาณานิคมแลกกับเงินบำนาญสำหรับเขาและลูกสาวสามคน หลานของเขาคืออันโทนี บรูก และชนพื้นเมืองในสภาเนกรีต่างไม่เห็นด้วยในตอนแรกที่จะยกซาราวักให้อังกฤษ อันโทนี บรูกถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ดันแคน สจวต ผู้ปกครองซาราวักชาวอังกฤษคนที่สองถูกลอบสังหารโดยกลุ่มที่ต้องการไปรวมกับอินโดนีเซีย เอกสารที่พบใหม่ระบุว่ารัฐบาลอังกฤษรู้ว่าอันโทนี บรูกไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เลือกที่จะทำเฉย หลังจากนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวที่จะฟื้นฟูราชวงศ์ในซาราวักอีก