ยูเอสเอส ไอโอวา (BB-61)

ยูเอสเอส ไอโอวา (BB-61) (อังกฤษ: USS Iowa) เป็นเรือประจัญบานลำแรกในชั้นไอโอวาของกองทัพเรือสหรัฐ และเป็นเรือลำที่สี่ในประวัติศาสตร์กองทัพเรือสหรัฐที่ตั้งชื่อตามรัฐไอโอวา เนื่องจากการยกเลิกการสร้างเรือชั้นมอนแทนา ไอโอวาจึงกลายเป็นเรือลำนำลำสุดท้ายของชั้นเรือประจัญบานสหรัฐ และเป็นเรือลำเดียวในชั้นที่เคยประจำการอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

ยูเอสเอส ไอโอวา (BB-61) ในช่วงทศวรรษที่ 1980
ประวัติ
สหรัฐอเมริกา
ตั้งชื่อตามรัฐไอโอวา
Ordered1 กรกฎาคม 1939
อู่เรืออู่ทหารเรือนิวยอร์ก
ปล่อยเรือ27 มิถุนายน 1940
เดินเรือแรก27 สิงหาคม 1942
สนับสนุนโดยไอโล วอลเลซ
เข้าประจำการ22 กุมภาพันธ์ 1943
ปลดระวาง24 มีนาคม 1949
นำกลับมาประจำการใหม่25 สิงหาคม 1951
ปลดระวาง24 กุมภาพันธ์ 1958
นำกลับมาประจำการใหม่28 เมษายน 1984
ปลดระวาง26 ตุลาคม 1990
Stricken17 มีนาคม 2006
รหัสระบุBB-61
คำขวัญ"เสรีภาพของเรา เราหวงแหน สิทธิ์ของเรา เราจะปกป้อง" (คำขวัญรัฐไอโอวา)
ชื่อเล่น
  • "บิกสติ๊ก" (1952),
  • "ผีสีเทา" (สงครามเกาหลี),
  • "เรือรบของประธานาธิบดี"[1]
เกียรติยศ11 ดาวยุทธการ
ความเป็นไปพิพิธภัณฑ์
สถานะจัดแสดงที่ศูนย์เรือประจัญบานแปซิฟิก ณ ท่าเรือลอสแอนเจลิส (33°44′32″N 118°16′38″W / 33.7423°N 118.2772°W / 33.7423; -118.2772)
สัญลักษณ์Seal of the Battleship USS Iowa (BB-61), featuring a blue and gold trim around a small image of the battleship and an eagle in the air. The words "USS Iowa" and "BB 61" can be seen at the top and bottom of the circle, while the left and right of the circle contain the words "our liberties we prize" and "our right we will defend", respectively.
ลักษณะเฉพาะ
ชั้น: ไอโอวา
ขนาด (ระวางขับน้ำ):
  • มาตรฐาน: 48,110 ลองตัน (48,880 ตัน)
  • บรรทุกเต็มที่: 57,540 ลองตัน (58,460 ตัน)[2]
ความยาว: 887 ฟุต 3 นิ้ว (270.43 เมตร)
ความกว้าง: 108 ฟุต 2 นิ้ว (32.97 เมตร)
กินน้ำลึก: 37 ฟุต 2 นิ้ว (11.33 เมตร) (บรรทุกเต็มที่)
ระบบพลังงาน:
ระบบขับเคลื่อน:
  • 4 × กังหันไอน้ำ
  • 4 × ใบจักร
  • ความเร็ว: 33 นอต (38 ไมล์ต่อชั่วโมง; 61 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
    อัตราเต็มที่: เจ้าหน้าที่ 151 นาย ทหารเกณฑ์ 2,637 นาย (WWII)
    ยุทโธปกรณ์:
    เกราะ:
  • ข้างตัวเรือ: 12.1 นิ้ว (307 มม.)
  • ผนังกั้นน้ำ: 11.3 นิ้ว (287 มม.)
  • ฐานป้อม: 11.6–17.3 นิ้ว (295–439 มม.)
  • ป้อมปืน: 19.5 นิ้ว (495 มม.)
  • ดาดฟ้า:
  • ชั้นหลัก 1.5 นิ้ว (38 มม.)
  • ชั้นรอง 6.0 นิ้ว (152 มม.)
  • อากาศยาน: เครื่องบินทุ่นลอยน้ำ เฮลิคอปเตอร์ อากาศยานไร้คนขับ

    ในปี 1943 ไอโอวา ถูกเลือกให้เป็นเรือสำหรับประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. โรเซอเวลต์ สำหรับการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปประชุมกับนายกรัฐมนตรีวินสตัน เชอร์ชิล แห่งสหราชอาณาจักร และโจเซฟ สตาลิน ผู้นำโซเวียต ณ เมืองเตหะราน ดังนั้นเรือประจัญบานลำนี้จึงมีเครื่องอำนวยความสะดวก เช่น อ่างอาบน้ำสำหรับประธานาธิบดีและลิฟต์สำหรับขึ้นลงดาดฟ้าเรือ[3] ในปี 1944 เรือลำนี้ถูกส่งไปประจำการที่กองทัพเรือฝั่งแปซิฟิก และได้ทำการยิงปูพรมที่บริเวณชายหาดของเกาะ Kwajalein และ Eniwetok เพื่อเปิดทางให้เรือสะเทินน้ำสะเทินบกขึ้นฝั่งได้สะดวก และยังทำหน้าที่เฝ้าระวังเรือบรรทุกเครื่องบินในบริเวณหมู่เกาะมาร์แชลล์อีกด้วย

    ระหว่างสงครามเกาหลี ไอโอวา มีส่วนร่วมในการโจมตีโฉบฉวยบริเวณชายฝั่งเกาหลีเหนือ ภายหลัง ไอโอวา ถูกปลดประจำการไปอยู่ในกองทัพเรือสำรองสหรัฐ หรือ "mothball fleet" และได้เข้าประจำการอีกครั้งในปี 1984 ในแผน 600-ship Navy โดยประจำการทั้งกองทัพแอตแลนติกและกองทัพฝั่งแปซิฟิกเพื่อตอบโต้กับกองทัพเรือโซเวียต ในปี 1989 เกิดการระเบิดที่ไม่ทราบสาเหตุที่บริเวณปืนหลักหมายเลข 2 ทำให้สูญเสียทหารเรือ 47 นาย

    ไอโอวา ถูกปลดประจำการครั้งสุดท้ายในปี 1990 และถูกนำมาใช้งานภายใต้โครงการของรัฐบาลที่ต้องการทำนุบำรุงเรือประจัญบานชั้นไอโอวาไว้สองลำ ในช่วงปี 1999 ถึง 2006 ท้ายสุดในปี 2011 ไอโอวา ถูกบริจาคให้กับ ศูนย์รวมเรือประจัญบานแปซิฟิกไม่แสวงหาผลกำไรประจำลอสแอนเจเลส และถูกย้ายไปจอดอย่างถาวรที่ Berth 87 ณ ท่าเรือลอสแอนเจเลส ในปี 2012 เพื่อเปิดให้บริการเป็นพิพิธภัณฑ์เรือประจัญบานต่อไป

    การก่อสร้าง แก้

    ไอโอวา เป็นเรือนำในกลุ่มของเรือชั้นไอโอวา และเรือในชั้นนี้ถูกออกแบบให้เป็นเรือประจัญบาญที่รวดเร็ว แผนการต่อเรือเริ่มขึ้นเมื่อปี 1938 โดยสาขาการออกแบบเบื้องต้น ที่สำนักก่อสร้างและซ่อมแซม ปล่อยลงทะเลเมื่อ 27 สิงหาคม 1942 และเข้าประจำการเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 1943 โดยมีกัปตันจอห์น แอล. แมคเครีย เป็นผู้บังคับการเรือ ไอโอวา เป็นเรือลำแรกในชั้นไอโอวาที่ได้เข้าประจำการในกองทัพเรือสหรัฐ

    ยุทโธปกรณ์หลักของเรือประจัญบาญ ไอโอวา นั้นคือปืนใหญ่ 16 นิ้ว (406.4 มม.)/50 คาลิเบอร์ มาร์ค 7 จำนวน 9 กระบอก ซึ่งสามารถยิงกระสุนปืนใหญ่เจาะเกราะขนาด 2,700 ปอนด์ (1,200 กก.) ไปไกล 20 ไมล์ทะเล (23 ไมล์; 37 กม.) และมีอาวุธรองคือปืนใหญ่ 5 นิ้ว (130 มม.)/38 คาลิเบอร์ จำนวน 20 กระบอก ซึ่งสามารถยิงเป้าหมายที่อยู่ไกล 12 ไมล์ทะเล (14 ไมล์; 22 กม.) ได้ จากความต้องการในการครองความเป็นจ้าวแห่งท้องฟ้าทำให้มีเรือบรรทุกเครื่องบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องยังส่งผลให้ ไอโอวา ต้องมีปืนต่อสู้อากาศยาน เช่น Oerlikon 20 มม. และ Bofors 40 มม. เพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศให้แก่เรือบรรทุกเครื่องบินฝ่ายเดียวกัน

    สงครามโลกครั้งที่สอง (1943-1945) แก้

    ซ้อมรบทางทะเล และประจำการในกองทัพเรือแอตแลนติก แก้

    วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2486 ไอโอวา ถูกปล่อยลงทะเลในนอร์เวย์ แล้วจึงกลับมาสหรัฐอเมริกาเพื่อซ่อมบำรุงเป็นเวลาสองอาทิตย์ในวันที่ 25 ตุลาคม ที่ Norfolk Navy Yard[4]

     
    ไอโอวา ได้รับเลือกเป็นเรือในการเดินทางไปยังไคโร และการประชุมเตหะราน ของประธานาธิบดี แฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ จึงได้มีการติดตั้งอ่างอาบน้ำเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประธานาธิบดีโรสเวลต์ซึ่งเป็นอัมพาตตั้งแต่ปี 1921 จึงไม่สามารถอาบน้ำจากฝักบัวได้[3][4][5]

    ภายหลังจากการบำรุงซ่อมแซมและรวบรวมกองกำลังคุ้มกันเรียบร้อยแล้ว ไอโอวา ได้พาประธานาธิบดีโรสเวลต์, รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ คอร์เดลล์ เฮาล์, และนายทหารสัญญาบัตรสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ไปยัง Mers El Kébir, แอลจีเรีย ซึ่งเป็นจุดหมายแรกในการเดินทางสู่การประชุมเตหะราน.[6] ท่ามกลางเรือคุ้มกันของ ไอโอวา นั้นมีเรือพิฆาต วิลเลียม ดี. พอร์เทอร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุร้ายหลายครั้งหลายคราว ครั้งที่เลวร้ายที่สุดคือการซ้อมปล่อยตอร์ปิโดซึ่งตอร์ปิโดจาก วิลเลียม ดี. พอร์เทอร์ มุ่งหน้าพุ่งสู่ ไอโอวา[7] ไอโอวา ได้รับคำเตือนและเลี้ยวหลบตอร์ปิโดอย่างหนักและรอดพ้นจากการระเบิดของตอร์ปิโดได้โดยไม่ได้รับความเสียหาย และได้เล็งปืนใหญ่ 16 นิ้วไปที่ วิลเลียม ดี. พอร์เทอร์ เพราะคิดว่าเรือเล็กลำนี้อาจมีเป้าหมายไม่ชอบในการลอบสังหารประธานาธิบดี

    ไอโอวา เสร็จสิ้นภารกิจการคุ้มกันประธานาธิบดี โดยเดินทางกลับถึงสหรัฐอเมริกาโดยสวัสดิภาพในวันที่ 16 ธันวาคม[7] ประธานาธิบดีโรสเวลต์ได้กล่าวสุนทรพจน์แก่ลูกเรือ ไอโอวา ก่อนการอำลาว่า "... จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้เผชิญ และทุกอย่างที่เราได้รับฟัง กล่าวได้ว่า ไอโอวา นับเป็น 'เรือแสนสุข' (happy ship) และได้รับใช้กองทัพเรือมานานปี, ผมรู้ และพวกคุณก็รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร" และยังได้กล่าวสรุปปิดท้ายว่า "... ขอให้โชคดี, โปรดจำไว้ว่าจิตวิญญาณของผมจะคงอยู่กับพวกคุณ, พวกคุณทุก ๆ คน"[8]

    สงครามเกาหลี (1951-1952) แก้

    กลับมาประจำการอีกครั้ง (1982-1984) แก้

    เนื่องจากอดีตสหภาพโซเวียต(ประเทศรัสเซียในปัจจุบัน)ได้ปล่อยเรือ Kirov Class ออกมาสหรัฐประเมินว่า เรือลำนี้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงอย่างมาก จึงนำเรือ Iowa class มาต่อกรกับเรือพลังงานนิวเคลียร์ลำนี้ แต่อดีตสหภาพโซเวียตล่มสลาย เรือ Kirov Class จึงตกเป็นของรัสเซีย และสหรัฐจึงปลดประจำการ และรอการเข้าประจำการใหม่ของเรือ Iowa Class

    กองเรือสำรองและพิพิธภัณฑ์เรือ (ตั้งแต่ 1990) แก้

    อ้างอิง แก้

    1. "The Battleship of Presidents' final sail". milmag.com. 1 July 2012. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 December 2018. สืบค้นเมื่อ 9 December 2018.
    2. Hyperwar: BB-61 USS Iowa Retrieved 1/7/23
    3. 3.0 3.1 Iowa was not the first US battleship to have a bathtub, the 1912 joiner plans for the U.S.S. Texas and U.S.S. New York indicate that bathtubs were in the Admiral's Bath, Captain's Bath, Chief of Staff's bath, Junior Officer's Bath, Warrant Officer's Bath, Wardroom Officer's Baths, and the Sick Bay Bath when those ships were constructed. photo[1][2][3][4]
    4. 4.0 4.1 "USS Iowa (BB-61) Detailed History". USS Iowa Veterans Association. The Veteran's Association of the USS Iowa (BB-61). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-09. สืบค้นเมื่อ 9 August 2008.
    5. "Still Asset Details for DN-ST-86-02543". DefenseImagery.mil. United States Department of Defense. 1 December 1984. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-02-25. สืบค้นเมื่อ 24 August 2008.
    6. "Franklin D. Roosevelt: Day by Day". FDR Presidential Library. สืบค้นเมื่อ 15 April 2013.
    7. 7.0 7.1 Bonner, Kit (March 1994). "The Ill-Fated USS William D. Porter". The Retired Officer Magazine. The Veteran's Association of the USS Iowa (BB-61). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-06-12. สืบค้นเมื่อ 9 August 2008.
    8. Roosevelt, Franklin D. (16 December 1943). "Remarks on Leaving the U.S.S. Iowa". The American Presidency Project. John T. Woolley and Gerhard Peters. สืบค้นเมื่อ 8 August 2008.