ยุทธการที่อารัส (ค.ศ. 1940)

ยุทธการที่อารัส เป็นเหตุการณ์การสู้รบซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธการที่ฝรั่งเศส เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1940 เป็นการโจมตีตอบโต้กลับของฝ่ายสัมพันธมิตรในการต่อกรกับปีกของกองทัพเยอรมัน ใกล้กับเมืองอารัสอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส.กองทัพเยอรมันภายใต้การนำของรอมเมิลได้ผลักดันกองทัพฝ่ายฝ่ายสัมพันธมิตรไปยังช่องแคบอังกฤษจากทางเหนือเพื่อวางกับดักล้อมกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งได้เคลื่อนทัพไปทางตะวันออกในการเข้าสู่เบลเยียม.การโจมตีตอบโต้ที่อารัสเป็นความพยายามของฝ่ายสัมพันธมิตรในการตัดเส้นทางผ่านของหัวหอกยานเกราะเยอรมันและการรุกของเยอรมันนั้นไร้ผล การโจมตีของอังกฤษและฝรั่งเศสนั้นได้ประสบความสำเร็จในช่วงต้นและทำให้หน่วยทหารเยอรมันบางหน่วยเกิดเสียขวัญ แต่กลับถูกขับไล่ในภายหลังจากการรุกตอนบนจาก 10 กิโลเมตร(6.2 ไมล์)และถูกบังคับให้ถอนกำลังในช่วงหลังกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงโดนโอบล้อม

ยุทธการที่อารัส
ส่วนหนึ่งของ สงครามโลกครั้งที่สอง

Situation in France, 21 May 1940. The counterattack near Arras is seen the centre-left of the image.
วันที่21 พฤษภาคม ค.ศ. 1940
สถานที่50°15′N 2°42′E / 50.250°N 2.700°E / 50.250; 2.700พิกัดภูมิศาสตร์: 50°15′N 2°42′E / 50.250°N 2.700°E / 50.250; 2.700
ผล See Aftermath
คู่สงคราม
 สหราชอาณาจักร
 ฝรั่งเศส
 ไรช์เยอรมัน
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
สหราชอาณาจักร Harold Franklyn นาซีเยอรมนี แอร์วิน รอมเมิล
หน่วยที่เกี่ยวข้อง
5th Infantry Division
50th Infantry Division
3e Division Légère Mécanique
1st Army Tank Brigade
7th Panzer Division
5th Panzer Division
3rd SS Panzer Division Totenkopf
กำลัง
74 tanks
2,000 infantry
ป. 225 tanks
5,000–10,000 infantry
ความสูญเสีย
ป. 35 tanks
50–75 killed or wounded
300 killed or wounded, 400 captured
7th Panzer Division lost 9 tanks
เชลยศึกสัมพันธมิตร 80 นายถูกสังหารใน การสังหารหมู่ที่ Wormhoudt, โดยสมาชิกของกองพันที่ 2, ทหารราบเอสเอส-หน่วยทหารไลป์ชตันดาร์ด เอ็สเอ็ส อดอล์ฟ ฮิตเลอร์, กองพลที่ 3 โทเทนคอฟ
Arrasตั้งอยู่ในฝรั่งเศส
Arras
Arras
Arras, capital (chef-lieu/préfecture) of the Pas-de-Calais, départment of Nord-Pas-de-Calais
แม่แบบ:Campaignbox Battle of France แม่แบบ:Campaignbox Western Front (World War II)