มุสตาฟาร์ (อังกฤษ: Mustafar) เป็นดาวเคราะห์ภูเขาไฟจากเรื่องแต่งชุด สตาร์ วอร์ส อยู่ขอบนอกของกาแล็กซีอยู่ในความควบคุมของฝ่ายแบ่งแยก ใช้เป็นแหล่งพลังงานธรรมชาติและแร่ธาตุ มีหลุมหลบภัยที่ผู้นำหัวหน้าผู้สนับสนุนฝ่ายแบ่งแยกไปซ่อนตัวอยู่ ในตอนสุดท้ายดาร์ธ ซิเดียส ส่ง ดาร์ธ เวเดอร์ ศิษย์คนใหม่ของเขาไปกำจัดผู้นำฝ่ายแบ่งแยกสั่งหยุดการทำงานของกองทัพหุ่นยนต์ อันเป็นการยุติสงครามโคลนโดยสิ้นเชิง มุสตาฟาร์ และเป็นสถานที่ต่อสู้กันระหว่าง โอบี-วัน เคโนบี อัศวินเจได กับดาร์ธ เวเดอร์ ซิธลอร์ด อดีตศิษย์ของเขา

ไฟล์:Mustafar.jpg
ดาวมุสตาฟาร์

มุสตาฟาร์เป็นดาวที่มีอายุน้อยมากและไม่แน่นอน มันถูกฉีกดึงด้วยแรงดึงดูดมหาศาลของดาวแก๊สยักษ์อย่างเจสทีแฟดและเลฟรานิเนื่องมาจากเมื่อก่อนนั้นมุสตาฟาร์อยู่ใกล้กับดาวทั้งสอง ชาวมุสตาฟาร์เรียนร่วมมือกับฝ่ายแบ่งแยกดินแดนโดยผู้นำชื่อ ดาร์ราคี ผู้นำมุสตาฟาร์ ชาวมุสตาฟาร์เรียนได้ทำงานให้กับการทำเหมืองที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝ่ายแบ่งแยกดินแดน

ประวัติ แก้

ช่วงแรก แก้

ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นดาวที่อุดมสมบูรณ์ มัสตาฟาร์นั้นเป็นที่ตั้งของที่ประชุมเจไดลับในยุคของสาธารณรัฐกาแลกติก ที่นี่พวกเขาได้ฝึกความสามารถของตนอย่างดีเช่นเดียวกับที่สอนนักเรียนของพวกเขา อาจารย์เจไดผู้หนึ่งนามว่าชูกอน ดาร์มีทักษะของพลังในทางกายภาพที่ไม่มีใครเทียบได้ เขาได้สร้างสิ่งที่มีความรู้สึกถึงพลังโดยเรียกกันว่าลูกบาศก์ของชูกอน ดาร์ ซึ่งถูกใช้เพื่อเปลี่ยนลักษณะทางกายภาพของสิ่งของที่ใส่เข้าไปในตัวมัน อย่างไรก็ตามเมื่อพวกซิธทรงพลังพวกเขาก็อยากที่จะกำจัดเจไดและการต่อสู้บนดาวก็เกิดขึ้น การรบครั้งนี้ดุเดือดเสียจนดาวแก๊สยักษ์ที่อยู่ใกล้ถูกดึงเข้ามาที่ตำแหน่งของมุสตาฟาร์ด้วยพลังจนกลายมาเป็นการชักเย่อของแรงดึงดูด สภาพแวดล้อมอันตรายเกิดที่ขึ้นเพราะการดึงกันของแรงดึงดูดได้ทำให้เจไดต้องละทิ้งดาว นั่นทำให้ลูกบาศก์ของชูกอนหายสาบสูญ

มุสตาฟาร์เป็นบ้านของชาวมุสตาฟาร์สองรูปแบบ มุสตาฟาร์เรียนทางทิศเหนือผู้ซึ่งรูปร่างสูงและผอม และมุสตาฟาร์เรียนทางใต้ที่มีรูปร่างเตี้ยและอ้วน หลายศตวรรษที่แล้วการเปลี่ยนแปลงอันรุนแรงได้ทำลายที่อยู่อาศัยของชาวมุสตาฟาร์เรียนจนหมดยกเว้นที่ที่เรียกว่าฟราไลเดจา

สงครามโคลน แก้

อาจารย์เคโนบี เราได้ตัวแพดเม่แล้ว กรุณารีบด้วย เราควรไปจากที่ที่น่ากลัวนี่!

— ซีทรีพีโอพูดกับโอบีวัน เคโนบี, Star Wars Episode III: Revenge of the Sith


เมื่อถึงช่วงเวลาของสงครามโคลนเหล่าสหภาพเทคโนโลยีได้ครอบครองมุสตาฟาร์ตั้งแต่การที่มันถูกพบอีกครั้งเมื่อ 300 ปีก่อนยุทธการยาวิน พวกเขาใช้มันเพื่อเก็บเกี่ยวแร่และพลังงานจากลาวาที่มีความร้อนสูงถึง 800 องศา เมื่อเทียบกับลาวาที่อื่นมันจัดว่าเป็นลาวาที่เย็นเนื่องมาจากแร่ที่แตกต่างซึ่งหลอมละลายในอุณหภูมิที่ต่ำ เพื่อป้องกันอันตรายจะมีการติดตั้งสนามแรงดันเพื่อสะกัดการระเบิดใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นใกล้กับที่เก็บเกี่ยว

ที่มั่นหลักของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนนั้นอยู่ในหน้าผาขนาดใหญ่ที่ซับซ้อนที่เบื้องล่างมีธารลาวาไหลอยู่ แขนเก็บจะเก็บลาวาจากบริเวณนั้นในขณะที่ดรอยด์จะคอยดูแลจากระยะห่าง ภายในโรงงานนี้จะมีศูนย์บัญชาการของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนซึ่งเป็นหนึ่งในบังเกอร์ที่ปลอดภัยที่สุดในกาแลกซี่

ต่อมาเมื่อถึงจุดสิ้นสุดของสงครามโคลน ดาร์ธ เวเดอร์ที่ก่อนหน้านี้คืออนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ได้บุกเข้าไปในฐานของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนและกำจัดสภาแบ่งแยกดินแดนภายใต้คำสั่งของดาร์ธ ซีเดียสและได้ทำการปิดระบบของกองทัพดรอยด์เป็นการยุติสงคราม ไม่นานหลังจากนั้นการดวลระหว่างโอบีวัน เคโนบีและดาร์ธ เวเดอร์ก็เกิดขึ้นบนมุสตาฟาร์ ในระหว่างที่ทั้งสองต่อสู้แผงควบคุมเหมืองแร่ได้ถูกทำลายและสนามแรงดันหยุดทำงาน ทำให้ลาวาที่ระเบิดออกครอบคลุมพื้นที่ เวเดอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสรวมทั้งเสียแนขาและปอดที่ไหม้ไฟในตอนที่เขาพยายามกระโดดขึ้นไปที่สูงกว่าจากธารลาวา เขาจึงถูกโจมตีโดยเคโนบี ต่อมาเขาได้ถูกช่วยเหลือเอาไว้โดยจักรพรรดิพัลพาทีนผู้ซึ่งได้นำเขากลับไปยังคอรัสซังที่ที่ซึ่งเขาได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ให้กลายเป็นมนุษย์กลที่น่ากลัวของจักรพรรดิ ก่อนหน้าที่การต่อสู้จะเริ่ม ลอร์ดเวเดอร์ได้ใช้พลังบีบคอกับแพดเม่ อมิดาล่าที่กำลังตั้งครรภ์จนเธอหมดสติ ในที่สุดสิ่งนี้ได้กลายมาเป็นเหตุให้เธอเสียชีวิตพร้อมกับการตรอมใจที่พบว่าคนรักได้เข้าสู่ด้านมืดของพลัง


ยุคของจักรวรรดิ แก้

หลังจากที่สภาแบ่งแยกดินแดนถูกทำลายและการทำให้สหภาพเทคโนโลยีกลายมาเป็นของจักรวรรดิมุสตาฟาร์ก็ถูกลืมโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อฝ่ายแบ่งแยกดินแดนจีโอโนเซียนชื่อไกซอร์ เดลโซครอบครองมุสตาฟาร์และได้เปิดการทำงานของดรอยด์รบอีกครั้ง โดยหวังที่จะสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งขึ้นมาใหม่ เขาได้สร้างกองทัพดรอยด์ขนาดเล็กและกองยานรบเหนือดาวและยังได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนชาวจีโอโนเซียนของเขา เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สตอร์มทรูเปอร์แห่งกองทหารที่ 501ต้องเข้าโจมตีดาว เมื่อสิ้นสุดการรบแผนผังการสร้างดรอยด์ได้ถูกทำลายและเดลโซก็เช่นกัน ฐานที่มั่นถูกทำลายจนสิ้นซากโดยการระดมยิงจากยานพิฆาตดารา อิมพีเรียล เฟิร์ส-คลาสดาร์ราคีจึงส่งนักรบมุสตาฟาร์ไปช่วยฝ่ายแบ่งแยกดินแดนต่อสู้กับ สตอร์มทรูปเปอร์และก็พ่ายแพ้และนำกองกำลังมุสตาร์ฟาร์เรียนอพยพไปอยู่กับฝ่ายแบ่งแยกดินแดน

ในช่วงหนึ่งบริษัทเมนซิกซ์ได้สร้างเหมืองแร่แทนโรงงานเดิม

สงครามกลางเมืองกาแลกติก แก้

เป็นที่ลือกันว่าในช่วงสงครามกลางเมืองกาแลกติกเจไดมากมายได้กลับไปที่มุสตาฟาร์และถูกนำโดยสารจากโอบีวัน เคโนบี ความไม่สมดุลที่เกิดจากด้านมืดได้ชักนำวิญญาณของเคโนบีไปที่มุสตาฟาร์ นักสำรวจคนอื่นๆ ในเวลานั้นได้เผชิญหน้ากับดรอยด์โบราณเอชเค-47พร้อมกับยานลาดตระเวน แฮมเมอร์เฮด-คลาส

ก่อนที่แผนผังของดาวมรณะจะถูกขโมย นักรบรับจ้างชาวทวิเลกชื่อริอันนา ซาเรนและซีโอได้ถูกส่งไปเพื่อรวบรวมข้อมูลปฏิบัติการของจักรวรรดิและก่อวินาศกรรมโรงงานำเหมือง พวกเขาทำสำเร็จและหลบหนีจากทหารของจักรวรรดิและฝูงบินของยานไทร์

เบื้องหลัง แก้

มุสตาฟาร์เดิมที่ถูกเรียกว่า"มูฟัสตา"ในแบบร่างแรกๆ ของซิธชำระแค้น


ในภาษาอารบิกมุสตาฟาร์แปลว่า"ผู้ที่ถูกเลือก" มันเป็นไปได้มากที่ลูคัสจะตั้งชื่อดาวนี้เพราะว่าชะตากรรมของผู้ที่ถูกเลือกได้ถูกเปิดเผยบนดาวนี้ มุสตาฟาร์ยังเป็นชื่อของผู้ชายในบางแคว้นอีกด้วย

คอนเซปท์ของการดวลบนลาวานั้นย้อนกลับไปถึงเวอร์ชันแรกๆ ของการกลับมาของเจได ซึ่งลุค สกายวอล์คเกอร์ได้ต่อสู้กับดาร์ธ เวเดอร์เหนือธารลาวาในชั้นต่ำสุดของห้องของพัลพาทีนบนดาวของจักรวรรดิ เป็นที่ลือกันว่าอนาคินได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยฝีมือของโอบีวันในช่วงการต่อสู้เหนือหลุมลาวา และคอนเซปท์ก็ได้กลายมาเป็นตำนวนท่ามกลางแฟนๆ ของสตาร์ วอร์สจนกระทั่งในที่สุดก็ได้เป็นจริงในภาพยนตร์อีกยี่สิบปีต่อมา

ในการกลับมาของเจไดฉบับนวนิยายได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่าการดวลระหว่างเวเดอร์และโอบีวันซึ่งส่งผลให้เวเดอร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้นเกิดขึ้นบนดาวที่เป็นภูเขาไฟ การต่อสู้ถูกกล่าวในบางแหล่งข้อมูลของไตรภาคใหม่ว่าเกิดขึ้นบนซัลลัสท์ซึ่งเป็นดาวภูเขาไฟเช่นกัน

มุสตาฟาร์ถูกออกแบบให้เหมือนกับนรกในความคิดของจอร์จ ลูคัส


ในซิธชำระแค้นในขณะที่อนาคินและโอบีวันต่อสู้กันอยู่บนแท่นเก็บที่หล่นลงมานั้นลาวานั้นไหลย้อนกลับ (จะเห็นได้ในฉากที่เป็น"น้ำตก"ลาวา)

มุสตาฟาร์นั้นคล้ายคลึงกับไอโอหนึ่งในดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดีที่เป็นดาวแก๊สยักษ์ ไอโอยังเป็นดาวที่เป็นภูเขาไฟมากที่สุดในระบบสุริยะ มันเป็นคุณสมบัติพิเศษที่เกิดขึ้นเพราะผลจากแรงดึงดูดของดาวพฤหัสบดีที่ดึงดวงจันทร์จนทำให้มันร้อนมากในด้านใน ซึ่งคล้ายกับมุสตาฟาร์ที่เป็นดาวภูเขาไฟเนื่องมาจากผลจากแรงดึงดูดของเจสทีแฟดกับเลฟรานิ ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างมุสตาฟาร์กับไอโอก็คือ ลาวาที่พุ่งออกมาของไอโอนั้นเกิดจากซัลเฟอร์ในขณะที่ของมุสตาฟาร์นั้นเป็นหินซิลิเกทและแร่เหล็กที่หลอมละลายซึ่งร้อนกว่าซัลเฟอร์ ทั้งสองอย่างสามารถทำให้เสื้อผ้าของมนุษย์ลุกเป็นไฟได้แต่ซัลเฟอร์ที่หลอมละลายนั้นจะไม่สามารถละลายเหล็กได้ อีกความแตกต่างหนึ่งก็คือในภาพยนตร์จะเห็นได้ว่ามุสตาฟาร์เต็มไปด้วยภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ แต่ไอโอนั้นมีเพียงแปดลูกเท่านั้นที่ยังไม่ดับ

ภูเขาไฟเอตนาถูกเฝ้าดูโดยซิธชำระแค้นเพื่อจับภาพของฉากหลังในตอนที่โอบีวัน เคโนบีต่อสู้กับอนาคิน สกายวอล์คเกอร์บนมุสตาฟาร์ เอตนานั้นได้ปะทุในช่วงการถ่ายทำดังนั้นลูคัสจึงส่งทีมไปเพื่อจับภาพเพื่อนำมาใช้เป็นฉากหลัง ภาพเหล่านี้สามารถทำได้โดยใช้ซีจีไอ ในทางทฤษฎี แต่มันก็แพงและยากกว่าการส่งคนไม่กี่คนไปซิซิลีอย่างที่ลูคัสได้กล่าวในการวิจารณ์ของเอพพิโซด 3 ฉากของมุสตาฟาร์นั้นต้องทำงานมากและเวลามากด้วยการใช้คนงานเทคนิคพิเศษจำนวนมาก ลาวาถูกทำขึ้นมาจากสีทำอาหารพร้อมกับแสงสีสว่างที่เบื้องล่างเพื่อสร้างการเปล่งแสง ฉากคร่าวๆ ถูกสร้างขึ้นเป็นแบบจำลองในสตูดิโอสีดำ ในขณะถ่ายทำนั้นมีการสร้างหมอกเพื่อทำเอฟเฟคของไอน้ำ นักแสดงถูกถ่ายบนฉากสีเขียวและจากนั้นก็ใส่เทคนิคพิเศษเข้าไปเพื่อรวมมันเข้าด้วยกัน

แหล่งข้อมูลอื่น แก้