มาร์เกเรเธ ซัมบีเรีย

มาร์เกเรเธ ซัมบีเรีย หรือ มาร์เกรเธอ ซัมบีเรีย (เดนมาร์ก:Margrethe Sambiria, Sambirsdatter or Margrethe Sprænghest; ราวค.ศ. 1230 – เดือนธันวาคม ค.ศ. 1282) ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์กจากการอภิเษกสมรสกับพระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในช่วงที่พระเจ้าอีริคที่ 5 แห่งเดนมาร์ก พระราชโอรสยังทรงพระเยาว์ ในช่วงปีค.ศ. 1259 ถึง ค.ศ. 1264 พระนางทรงเป็นสตรีคนแรกที่ได้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแห่งเดนมาร์กอย่างเป็นทางการ พระนางทรงได้ปกครองพื้นที่ศักดินาเอสโตเนียของเดนมาร์ก[1]

มาร์เกเรเธ ซัมบีเรีย
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก
จุลจิตรกรรมของพระราชินีมาร์เกเรเธ ราวปี ค.ศ. 1282 ที่ทาลินน์ เอสโตเนีย
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก
ครองราชย์ค.ศ. 1252–1259
ก่อนหน้าเม็ชทิลท์แห่งฮ็อลชไตน์
ถัดไปอักเนสแห่งบรันเดินบวร์ค
ประสูติราว ค.ศ. 1230
สวรรคตเดือนธันวาคม ค.ศ. 1282 (พระชนมายุราว 52 พรรษา)
ฝังพระศพอารามโดเบอรัน
คู่อภิเษกพระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก
พระราชบุตร
  • พระเจ้าอีริคที่ 5 แห่งเดนมาร์ก
  • เจ้าชายนีลส์แห่งเดนมาร์ก
  • เจ้าชายวัลเดมาร์แห่งเดนมาร์ก
  • เจ้าหญิงเม็ชทิลท์ มาร์เกรฟวีนแห่งบรันเดินบวร์ค-ซาลซ์วีเดล
  • เจ้าหญิงมาร์เกรเธอ เคานท์เตสแห่งฮ็อลชไตน์-คีล
พระนามเต็ม
มาร์เกรเธอ ซัมบีสเด็ทเทอร์ พอเมอเรเลีย-ลูบิสเซโว
ราชวงศ์พอเมอเรเลีย-ลูบิสเซโว
พระราชบิดาซัมบอร์ที่ 2 ดยุกแห่งพอเมอเรเนีย
พระราชมารดาเม็ชทิลท์แห่งเมคเลินบวร์ค
ศาสนาโรมันคาทอลิก

พระชนม์ชีพ แก้

มาร์เกเรเธประสูติราวปีค.ศ. 1230 เป็นธิดาในซัมบอร์ที่ 2 ดยุกแห่งพอเมอเรเนียกับเม็ชทิลท์แห่งเมคเลินบวร์ค[2]

มาร์เกเรเธมีเชื้อสายชาวเดนมาร์กผ่านทางตายาย คือ ไฮน์ริช บอร์วินที่ 2 ลอร์ดแห่งเมคเลินบวร์คกับเจ้าหญิงคริสตินาแห่งสวีเดนซึ่งมีเชื้อสายมาจากแคว้นสคาเนีย เจ้าหญิงคริสตินาเป็นพระธิดาของพระเจ้าสแวร์เกอที่ 2 แห่งสวีเดนกับเบเนดิกตา เอ็บเบสด็อทเทอร์แห่งไวด์ ตระกูลไวด์เป็นสายหนึ่งของสกุลกาเลนจากเดนมาร์กตะวันออกและมาจากเกาะเชลลันด์ มาร์เกเรเธ หรือ มาร์เกรเธอเป็นนามแรกของเธอ ที่ไม่ค่อยมีใครตั้งชื่อนี้ในแถบเยอรมนีตอนเหนือและโปแลนด์ แต่ชื่อนี้ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่เชื้อสายฝั่งสแกนดิเนเวียทางแม่ของเธอ ซึ่งมีชื่อว่า มาร์เกเรเธ มาร์เกรเธอ หรือมาร์กาเรตา ครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ซึ่งก็คือราชสกุลของพระเจ้าอิงเงอผู้อาวุโส และชื่อนี้เคยเป็นของเคานท์เตสแห่งชเวรีน ป้าของเธอ และเจ้าหญิงแห่งรือเกิน ฝ่ายทวดของเธอ[3]

สมเด็จพระราชินี แก้

ในปีค.ศ. 1248 มาร์เกเรเธเสกสมรสกับเจ้าชายคริสตอฟเฟอร์ พระราชโอรสองค์สุดท้องในพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์กที่ประสูติแต่เจ้าหญิงบึเร็งการียาแห่งโปรตุเกส ตามธรรมเนียมการสืบราชบัลลังก์ในช่วงเวลานั้นคือ การสืบสันตติวงศ์ด้วยลำดับอาวุโส พระสวามีของพระนางจึงได้ครองราชบัลลังก์ในปีค.ศ. 1252[2] พระนางมาร์เกเรเธจึงเข้าพิธีราชาภิเษกพร้อมพระสวามี

มีการรายงานว่าเมื่อทรงได้เป็นสมเด็จพระราชินี พระนางมาร์เกเรเธทรงมีบทบาททางการเมือง ในช่วงรัชกาลของกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ เกิดความขัดแย้งระหว่างพระมหากษัตริย์และอาร์กบิชอปแห่งลุนด์คนใหม่ คือ จาค็อบ เออลันด์เซน ซึ่งต้องการเรียกร้องการแยกอำนาจศาสนจักรออกจากกษัตริย์ และเรียกร้องสิทธิในการจัดตั้งกองทัพของตัวเอง ข้อเรียกร้องนี้นำมาซึ่งการจับกุมอาร์กบิชอป ความขัดแย้งนี้ทำให้พระราชินีมาร์เกเรเธต้องขึ้นดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์[4]

ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แก้

กษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ที่ 1 พระราชสวามีสวรรคตในวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1259 ด้วยข่าวลือว่าทรงถูกลอบวางยาพิษ พระราชโอรสได้ครองราชย์ต่อเป็น พระเจ้าอีริคที่ 5 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งยังทรงพระเยาว์ พระนางมาร์เกเรเธต้องขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในช่วงที่พระราชโอรสยังไม่บรรลุนิติภาวะจนถึงปีค.ศ. 1264[2] สิ่งนี้ไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์เดนมาร์กมาก่อน ที่สมเด็จพระราชินี หรือสมเด็จพระพันปีหลวง จะได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการและได้รับพระราชอำนาจในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งเดนมาร์ก

สมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธทรงต้องเผชิญกับความขัดแย้งที่ยังไม่คลี่คลายระหว่างสถาบันกษัตริย์กับอาร์กบิชอปจาค็อบ เออลันด์เซน พระนางทรงถูกบีบบังคับให้ปล่อยตัวอาร์กบิชอปออกจากที่คุมขังเพื่อให้พระนางสามารถกระชับอำนาจในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ แต่พระนางก็ทรงแก้ไขปัญหาระหว่างสถาบันกษัตริย์กับศาสนจักรด้วยการเนรเทศอาร์กบิชอปออกจากราชอาณาจักร ปัญหาในการแยกอำนาจปกครองตนเองของศาสนจักรเดนมาร์กออกจากสถาบันกษัตริย์ยังไม่ได้รับการพิจารณาชี้ขาดจนกระทั่งพระราชโอรสของพระนางบรรลุนิติภาวะ แต่สมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธทรงเจรจากับสมเด็จพระสันตะปาปาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ แม้ว่าในช่วงนั้นพระนางหมดอำนาจจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้วก็ตาม[5]

พระนางยังต้องเผชิญกับการปกป้องสิทธิในราชบัลลังก์ของพระราชโอรสเนื่องจากมีการอ้างสิทธิของเหล่าพระราชโอรสของพระเจ้าอเบลแห่งเดนมาร์ก พระเชษฐาองค์รองในพระสวามีของพระนาง ซึ่งการอ้างสิทธิได้รับการผลักดันจากอดีตพระราชินีในอดีตกษัตริย์อเบลคือ เม็ชทิลท์แห่งฮ็อลชไตน์ สมเด็จพระพันปีหลวง และพระนางมาร์เกเรเธยังต้องทรงเลี้ยงดูกษัตริย์อีริคที่ 5 ที่ทรงพระเยาว์ เจ้าหญิงเม็ชทิลท์และเจ้าหญิงมาร์เกรเธอ พระราชธิดาอีกสองพระองค์ รวมถึงทรงเลี้ยงดูพระราชธิดาทั้งสี่ของพระเจ้าอีริคที่ 4 แห่งเดนมาร์ก พระเชษฐาองค์ใหญ่ของพระสวามี ได้แก่ เจ้าหญิงโซเฟีย เจ้าหญิงอิงเงอร์บอร์ก เจ้าหญิงจัตตาและเจ้าหญิงอักเนส[6] หลังจากอดีตพระราชินีในกษัตริย์อีริคที่ 4 คือ จัตตาแห่งแซกโซนี สมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จกลับแซกโซนี โดยปล่อยพระราชธิดาให้ประทับในราชสำนักเดนมาร์ก การสืบราชบัลลังก์ของพระราชโอรสในพระนางมาร์เกเรเธได้ลบล้างสิทธิในราชบัลลังก์ของเชื้อสายกษัตริย์สองพระองค์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นการดำเนินการที่สวนทางกับกฎการสืบสันตติวงศ์ด้วยลำดับอาวุโส

การดำเนินการของสมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธทำให้ทรงขัดแย้งกับเหล่าพระราชโอรสของสมเด็จพระพันปีหลวงเม็ชทิลท์ นำมาซึ่งการทำสงครามกับเหล่าเคานท์แห่งฮ็อลชไตน์ ซึ่งเป็นสายตระกูลของพระนางเม็ชทิลท์ หลังจากทรงพ่ายแพ้สงครามที่ลอเฮเดอในปีค.ศ. 1261 กษัตริย์อีริคที่ 5 และสมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธทรงถูกจับคุมขังโดยเคานท์แห่งฮ็อลชไตน์ แต่ทั้งสองพระองค์ทรงหลบหนีออกจากคุกได้ด้วยการช่วยเหลือของอัลเบร็คท์ที่ 1 ดยุกแห่งเบราน์ชไวค์-ลือเนอบวร์ค[7] สมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธไม่ทรงขัดขวางการเสกสมรสทางการเมืองของเม็ชทิลท์แห่งฮ็อลชไตน์ สมเด็จพระพันปีหลวงกับบีร์เยอ ยาร์ล ผู้สำเร็จราชการแห่งสวีเดน หรือไม่ทรงขัดขวางการเสกสมรสของเหล่าพระราชธิดาในอดีตกษัตริย์อีริคที่ 4 ซึ่งเจ้าหญิงโซเฟียและเจ้าหญิงอิงเงอบอร์กได้อภิเษกสมรสกับกษัตริย์สวีเดนและกษัตริย์นอร์เวย์ตามลำดับ แต่พระนางทรงกีดกันพระราชธิดาที่เหลืออีกสองพระองค์ของอดีตกษัตริย์อีริคที่ 4 ไม่ให้อภิเษกสมรสซึ่งก็คือเจ้าหญิงจัตตาและเจ้าหญิงอักเนส และให้พวกพระนางประทับในอารามนักบุญอักเนทา, รอสคิลด์[8]

ในปีค.ศ. 1263 สมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธประสบความสำเร็จในการมีพระราชสาส์นถึงสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 4 เพื่อกราบทูลขอให้ทรงอนุญาตให้สตรีสามารถสืบราชบัลลังก์เดนมาร์ก เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายของพระนางที่จะกีดกันพวกราชตระกูลอเบลและพวกของเม็ชทิลท์แห่งฮ็อลชไตน์ขึ้นสู่ราชบัลลังก์เดนมาร์ก ความพยายามครั้งนี้เปิดโอกาสให้พระขนิษฐาของกษัตริย์อีริคที่ 5 สามารถครองราชบัลลังก์เดนมาร์กได้หากกษัตริย์อีริคที่ 5 สวรรคตก่อนที่จะมีทายาท[9]

ในช่วงสมัยของพระนางนี้ สมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธทรงมีชื่อเสียงในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่ประสบความสำเร็จและผู้ทรงปัญญา ทรงมีพระสมัญญานามว่า "สแปรงเกรสท์" ("Sprænghest";ม้าศึก) และ "ซอร์เต เกรเธ" (Sorte Grete;เกรตาดำ)[2] แสดงถึงบุคลิกส่วนพระองค์ที่เข้มแข็งและทรงพลัง

บั้นปลาย แก้

สมเด็จพระพันปีหลวงมาร์เกเรเธลาออกจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในปีค.ศ. 1264 เมื่อพระราชโอรสได้รับการประกาศบรรลุนิติภาวะ และพระนางทรงจัดตั้งราชสำนักของพระนางอย่างเป็นทางการที่ปราสาทนีโคปิงในฟาลสเตอร์ พระนางยังคงมีบทบาทในการเมืองเดนมาร์กและพยายามรักษาผลประโยชน์และอิทธิพลในกิจการของรัฐเดนมาร์ก[10]

ในปีค.ศ. 1266 พระราชโอรสทรงมอบศักดินาให้พระนางปกครองเอสโตเนียของเดนมาร์ก และให้พระนางเป็นเคานท์เตสของแคว้นนั้นตลอดพระชนม์ชีพ พระนางทรงดำเนินกิจการบริหารดินแดนเอสโตเนียอย่างจริงจังจากพระตำหนักในเดนมาร์กจนกระทั่งสิ้นพระชนม์[11]

ในปีค.ศ. 1270 พระนางจัดตั้งและบริจาคพระราชทรัพย์แก่อารามพระกางเขนศักดิ์สิทธิ์ในร็อสท็อค

พระนางสิ้นพระชนม์ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1282 พระศพถูกฝังที่อารามโดเบอรันของคณะซิสเตอร์เชียนแถบทะเลบอลติกของเยอรมนี[12][13]

พระโอรสธิดา แก้

มาร์เกเรเธ ซัมบีเรียอภิเษกสมรสกับกษัตริย์คริสตอฟเฟอร์ที่ 1 ในปีค.ศ. 1248 มีพระโอรสธิดา 5 พระองค์ ดังนี้

  พระนาม ประสูติ สิ้นพระชนม์ คู่สมรส และพระโอรส-ธิดา
  พระเจ้าอีริคที่ 5 แห่งเดนมาร์ก ค.ศ. 1249 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1286 อภิเษกสมรสวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1273 กับ
อักเนสแห่งบรันเดินบวร์ค
มีพระโอรสธิดา 7 พระองค์ ได้แก่
เจ้าหญิงรีเชซา
พระเจ้าอีริคที่ 6 แห่งเดนมาร์ก
พระเจ้าคริสตอฟเฟอร์ที่ 2 แห่งเดนมาร์ก
เจ้าหญิงมาร์เกรเธอ สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดน
เจ้าหญิงคาทารีนา
เจ้าชายวัลเดมาร์
เจ้าหญิงเอลิซาเบธ
- เจ้าชายนีลส์แห่งเดนมาร์ก ไม่ปรากฏ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1259 สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์
- เจ้าชายวัลเดมาร์แห่งเดนมาร์ก ไม่ปรากฏ ไม่ปรากฏ สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์
- เจ้าหญิงเม็ชทิลท์ มาร์เกรฟวีนแห่งบรันเดินบวร์ค-ซาลซ์วีเดล ค.ศ. 1250 ค.ศ. 1299/1300 อภิเษกสมรสค.ศ. 1268 กับ
อัลเบร็ชท์ที่ 3 มาร์เกรฟแห่งบรันเดินบวร์ค-ซาลซ์วีเดล
มีพระโอรสธิดา 4 พระองค์ ได้แก่
อ็อทโทแห่งบรันเดินบวร์ค
โยฮันน์แห่งบรันเดินบวร์ค
เบียทริกซ์แห่งบรันเดินบวร์ค
มาร์กาเรธาแห่งบรันเดินบวร์ค สมเด็จพระราชินีแห่งโปแลนด์
- เจ้าหญิงมาร์เกรเธอ เคานท์เตสแห่งฮ็อลชไตน์-คีล ราว ค.ศ. 1257 ค.ศ. 1306 อภิเษกสมรส กับ
โยฮันน์ที่ 2 เคานท์แห่งฮ็อลชไตน์-คีล
มีพระโอรส 2 พระองค์ ได้แก่
คริสตอฟเฟอร์แห่งฮ็อลชไตน์
อดอล์ฟที่ 7 เคานท์แห่งฮ็อลชไตน์-เซเกอแบร์ก

อ้างอิง แก้

  1. "Margrethe Sambiria". Dansk biografisk Lexikon. สืบค้นเมื่อ December 1, 2018.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 Pyl, Theodor (1884). "Margaretha, Duchess of Eastern Pomerania" (ภาษาเยอรมัน). Historischen Kommission bei der Bayerischen Akademie der Wissenschaften and the Bayerischen Staatsbibliothek. สืบค้นเมื่อ 29 August 2012.
  3. Inge Skovgaard-Petersen. "Margrethe Sambiria". Den Store Danske, Gyldendal. สืบค้นเมื่อ December 1, 2018.
  4. "Jakob Erlandsön". Nordisk familjebok. สืบค้นเมื่อ December 1, 2018.
  5. Esben Albrectsen. Margrete Sambiria Dansk Kvindebiografisk Leksikon
  6. Dansk Kvindebiografisk Leksikon
  7. Unverhau, Henning (1990). "Margarethe Sambiria of Pomerelia" (ภาษาเยอรมัน). Historischen Kommission bei der Bayerischen Akademie der Wissenschaften. สืบค้นเมื่อ 29 August 2012.
  8. Dansk Kvindebiografisk Leksikon
  9. Dansk Kvindebiografisk Leksikon
  10. Dansk Kvindebiografisk Leksikon
  11. Dansk Kvindebiografisk Leksikon
  12. "Burial Churches of Danish Sovereigns". www.royaltombs.dk, ARB. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 January 2015. สืบค้นเมื่อ 29 August 2012.
  13. "Tour through the Minster". Münster Bad Doberan. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 December 2018. สืบค้นเมื่อ 29 August 2012.
  • Anne J. Duggan, ed (2002) Queens and Queenship in Medieval Europe (Boydell Press) ISBN 9780851158815
  • John Carmi Parsons, ed (2016) Medieval Queenship (Springer Publishing Company) ISBN 9781137088598
ก่อนหน้า มาร์เกเรเธ ซัมบีเรีย ถัดไป
เม็ชทิลท์แห่งฮ็อลชไตน์    
สมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก
(ราชวงศ์แอสตริดเซน)

(ค.ศ. 1252–1259)
  อักเนสแห่งบรันเดินบวร์ค