สำหรับปูขนอย่างอื่นที่เป็นปูบก ดูที่: ปูไก่

ปูขน
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Arthropoda
ไฟลัมย่อย: Crustacea
ชั้น: Malacostraca
อันดับ: Decapoda
อันดับฐาน: Brachyura
วงศ์: Varunidae
สกุล: Eriocheir
สปีชีส์: E.  sinensis
ชื่อทวินาม
Eriocheir sinensis
H. Milne-Edwards, 1853[1]

ปูขน หรือ ปูก้ามขน หรือ ปูเซี่ยงไฮ้ (อังกฤษ: Chinese mitten crab, Shanghai hairy crab; จีน: 大閘蟹, 上海毛蟹; พินอิน: dà zhá xiè, shànghǎi máo xiè[2]; ชื่อวิทยาศาสตร์: Eriocheir sinensis; ศัพท์มูลวิทยา: Eriocheir (/โอ-ริ-โอ-เชีย/) เป็นภาษาลาตินแปลว่า "ก้ามมีขน" และคำว่า sinensis (/ไซ-เนน-ซิส/) มีความหมายว่า "อาศัยในประเทศจีน"[3]) เป็นครัสเตเชียนจำพวกปูชนิดหนึ่ง

ปูขนมีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน พบอาศัยอยู่ตามทะเลสาบในประเทศจีน เจริญเติบโตอยู่ในสภาพอากาศหนาว และน้ำที่เย็นจัด อุณหภูมิของน้ำต่ำกว่า 10 องศาเชลเชียส บริเวณที่พบมากและเป็นที่รู้จักกันดีคือ ทะเลสาบหยางเถิง ในมณฑลเจียงซู นอกจากนี้ยังพบในเกาะไต้หวัน และบางส่วนของคาบสมุทรเกาหลีไปจนถึงทะเลเหลือง

ปัจจุบันได้แพร่กระจายไปถึงทวีปยุโรป เช่น ประเทศฟินแลนด์, สวีเดน, เดนมาร์ก, เนเธอร์แลนด์, เบลเยี่ยม, เยอรมนี และบางส่วนของประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษ

ปูขนมีกระดองรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดกว้าง 7-8 เซนติเมตร สีน้ำตาลปนเหลืองจนถึงน้ำตาลเข้ม มีขนเป็นกระจุกบนขาทุกขาซึ่งถือเป็นลักษณะเด่น ขาเดินคู่แรกเป็นก้ามหนีบ ขาเดินที่เหลืออีก 4 คู่ มีลักษณะเรียวยาว ไม่เป็นใบพาย กระดองส่วนหน้าไม่เรียบ มีตุ่มทู่ ๆ เรียงกัน 2 แถว แถวแรกมี 2 ตุ่ม แถวถัดมามี 3 ตุ่ม ทั้งสองแถวเรียงขนานกับริมขอบเบ้าตาด้านใน ลักษณะเด่นที่สังเกตเห็นได้ชัดคือ ขอบด้านข้างของกระดองมีหนามแหลม 4 อัน ที่ก้ามมีขนสีน้ำตาลเข้มลักษณะเป็นกระจุกคล้ายสาหร่ายหางไก่ ห่อหุ้มหนา โดยเฉพาะบริเวณขอบด้านนอกของก้ามหนีบ อันเป็นที่มาของชื่อสามัญ ซึ่งปูขนนั้นมีลักษณะคล้ายกับปูขนญี่ปุ่น (E. japonica) ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกัน แต่พบในประเทศญี่ปุ่นมาก

ปูขนปรุงสุกพร้อมรับประทาน

มีวงจรชีวิตอาศัยอยู่ในทะเลสาบที่มีน้ำสะอาดและเย็นจัด เมื่อถึงช่วงฤดูร้อนจะอพยพไปผสมพันธุ์และวางไข่ในทะเลหรือดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี[4] ปูขนที่มีร่างกายสมบูรณ์จะมีขนเป็นประกายสีเหลืองทองอ่อน โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว คือ ในปลายปีของทุกปี คือ เดือนตุลาคม-ธันวาคม

ปูขนจัดเป็นอาหารจีนที่มีชื่อเสียงอย่างมาก และจัดเป็นอาหารที่หายาก มีราคาแพง นับเป็นอาหารระดับฮ่องเต้ เนื่องจากมีจำหน่ายเฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น เพราะเป็นฤดูผสมพันธุ์ ที่ปูตัวผู้จะมีเนื้อรสชาติหวาน และปูตัวเมียจะมีไข่ เนื่องจากชาวจีนมีความเชื่อว่า ปูขนต้องเป็นปูที่มีความทรหดอดทนมาก เนื่องจากสามารถใช้ชีวิตผ่านฤดูหนาวที่อากาศหนาวเหน็บมาได้ เชื่อว่าหากได้กินเนื้อแล้วจะทำให้แข็งแรงเหมือนปู ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้ร่างกายอบอุ่น แก้โรคคออักเสบ รักษาอาการทางเดินอาหารไม่ปรกติ รวมทั้งมีผลในการถอนพิษด้วย ทำให้มีราคาซื้อขายที่สูงมาก ทั้งในจีนแผ่นดินใหญ่, ไต้หวัน หรือฮ่องกง

สำหรับชาวไทยรู้จักรับประทานปูขนมาไม่ต่ำกว่า 30 ปีแล้ว ถึงขนาดเมื่อถึงฤดูหนาวจะเดินทางไปฮ่องกงเพื่อรับประทานปูขนโดยชนิด หรือซื้อกลับมายังประเทศไทยโดยแช่แข็งไว้ในกระติกน้ำแข็ง แต่ปัจจุบันก็สามารถหารับประทานได้ในประเทศไทย โดยวิธีการปรุงปปูขนนั้นก็กระทำได้โดยง่าย โดยใช้วิธีการนึ่งเพียง 15 นาทีเท่านั้น อาจจะมีการใส่สมุนไพรหรือพืชบางชนิดลงไปเพื่อให้ความหอม และรับประทานพร้อมกับจิ๊กโฉ่ว หรือซอสเปรี้ยวของจีน หรือสุราแบบจีน และต้องรับประทานน้ำขิงเป็นของตบท้าย เพื่อปรับสภาพหยินหยางในร่างกายให้สมดุล[5] ซึ่งต้องปรุงให้สุก เพราะจากการศึกษาพบว่า ปูขนนั้นเป็นพาหะของโรคพยาธิใบไม้ในปอด[3]

สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบันสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้แล้ว ที่โครงการหลวง บนยอดดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่[6]

อ้างอิง แก้

  1. จาก itis.gov
  2. ปูขนเซี่ยงไฮ้ จากโอเคเนชั่น[ลิงก์เสีย]
  3. 3.0 3.1 ปูขน[ลิงก์เสีย]
  4. "อัศจรรย์แดนมังกรตอนที่ 8". ช่อง 7. 13 October 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-18. สืบค้นเมื่อ 19 December 2014.
  5. หนึ่งปีมีครั้งเดียว 'ปูขน' เมนูจักรพรรดิ ปรับหยิน-หยาง สร้างสมดุล จากแนวหน้า
  6. เที่ยวอินทนนท์ มี 'ปูขน' ให้กิน พันธุ์จีนเลี้ยงสำเร็จ! จากไทยรัฐ

แหล่งข้อมูลอื่น แก้

  ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Eriocheir sinensis ที่วิกิสปีชีส์