ดยุกแห่งเอดินบะระ

ดยุกแห่งเอดินบะระ (อังกฤษ: Duke of Edinburgh) เป็นบรรดาศักดิ์ชั้นดยุกในบรรดาศักดิ์แห่งสหราชอาณาจักร (ตั้งตามชื่อเมืองเอดินบะระของสกอตแลนด์) โดยได้มีการพระราชทานบรรดาศักดิ์นี้ทั้งสิ้น 4 สมัย

ดยุกแห่งเอดินบะระ
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด
ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2023
สถาปนา26 กรกฎาคม ค.ศ. 1726
องค์แรกเจ้าชายเฟรเดอริก เจ้าชายแห่งเวลส์
องค์ปัจจุบันเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด
คู่สมรสโซฟี ไรส์-โจนส์

เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดได้รับการสถาปนาเป็นดยุกแห่งเอดินบะระในปี 2023 ในวันคล้ายวันประสูติปีที่ 59 ของพระองค์โดยสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พระเชษฐาของพระองค์ ก่อนหน้านี้ตำแหน่งดยุกแห่งเอดินบะระได้พระราชทานให้แก่พระบิดาของพระองค์ ซึ่งขณะนั้นเป็นเรือโทฟิลิป เมานต์แบ็ตเทน ในวันพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธในขณะนั้น ซึ่งต่อมาคือ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เมื่อเจ้าชายฟิลิปสิ้นพระชนม์ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ได้รับตำแหน่งนี้และถือครองไว้จนกระทั่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคตและชาร์ลส์เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ ซึ่งตอนนั้นตำแหน่งดยุกแห่งเอดินบะระได้ถูกผนวกเข้ากับพระมหากษัตริย์

สมัยที่สี่ ค.ศ. 2023 แก้

มีการประกาศในปี พ.ศ. 2542 ในช่วงเวลาแห่งพระราชพิธีเสกสมรสว่า เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดจะได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นดยุกแห่งเอดินบะระในที่สุด แนวคิดนี้มาจากเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ ผู้ซึ่งได้ทรงถ่ายทอดความปรารถนาของพระองค์ต่อเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและโซฟี ไรส์-โจนส์ พระคู่หมั้น อย่างไม่คาดคิดก่อนวันพระราชพิธีเสกสมรสเพียงไม่กี่วัน เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ซึ่งขณะนั้นอยู่ในลำดับที่ 7 ในการสืบราชสันตติวงศ์สหราชอาณาจักร ทรงรู้สึกตื้นตันพระทัยเพราะทรงคาดหวังว่าเจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก พระเชษฐาจะมอบตำแหน่งนี้ให้

เจ้าชายฟิลิปสิ้นพระชนม์ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 เจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ พระราชโอรสองค์โตได้รับการสืบทอดบรรดาศักดิ์ของพระองค์ ซึ่งจะพระราชทานให้กับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเมื่อขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ตามพระประสงค์ของเจ้าชายฟิลิป เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดซึ่งขณะนั้นตกไปอยู่อันดับที่ 14 ในลำดับการสืบราชสันตติวงศ์เนื่องจากประสูติกาลของผู้อยู่ในลำดับที่สูงกว่า เจ้าชายเอ็ดเวิรดตรัสถึงเรื่องนี้ในเดือนมิถุนายนว่าการที่พระองค์ได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติเช่นนี้คือ ความฝันอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพ่อของข้าพเจ้า ในเดือนกรกฎาคม เดอะไทมส์รายงานว่า สมเด็จพระเจ้าชาลส์ได้ตัดสินพระทัยที่จะไม่พระราชทานบรรดาศักดิ์นี้แก่พระอนุชา ทางพระตำหนักแคลเรนซ์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธรายงานดังกล่าว ซึ่งมีผู้แสดงความคิดเห็นไม่พอใจเนื่องจากเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและโซฟี พระชายา มีบทบาทเพิ่มขึ้นในสถาบันพระมหากษัตริย์หลังจากที่เจ้าชายแอนดรูว์ทรงถอนตัวจากบทบาทของราชวงศ์เนื่องจากข่าวฉาว และเจ้าชายแฮร์รี พระโอรสพระองค์รองของสมเด็จพระเจ้าชาลส์และเมแกน พระสุณิสา ก็ทรงยุติการปฎิบัติพระกรณียกิจและถอนตัวจากการเป็นพระบรมวงศ์

มีข้อเสนอแนะในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ไม่นานหลังจากสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ขึ้นครองราชย์ว่า สำนักพระราชวังบักกิงแฮม กำลังพิจารณาที่จะรักษาบรรดาศักดิ์ ดยุกแห่งเอดินบะระให้กับเจ้าหญิงชาร์ลอตต์แห่งเวลส์ พระราชนัดดาในพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติยศพระบรมวงศ์ในสายการสืบราชสันตติวงศ์สายตรงและการที่เจ้าหญิงทรงเป็นพระบรมวงศ์ฝ่ายในพระองค์แรกของราชวงศ์ที่ลำดับในสายการสืบราชสันตติวงศ์ไม่สามารถแทนที่โดยพระอนุชาได้

สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 พระราชทานบรรดาศักดิ์ ดยุกแห่งเอดินบะระ แก่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดในโอกาสที่พระองค์มีพระชนมายุครบ 59 พรรษาในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2566 อย่างไรก็ตาม การพระราชทานพระอิสริยยศสมัยที่สี่นี้เป็นการพระราชทานตำแหน่งแบบตลอดพระชนม์ชีพ กล่าวคือเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดจะทรงดำรงบรรดาศักดิ์นี้ตลอดพระชนม์ชีพ และไม่สืบตระกูลไปยังพระโอรส คือ เจมส์ ทำให้สมเด็จพระเจ้าชาลส์สามารถทำตามพระประสงค์ของพระราชบิดาและสถาปนาบรรดาศักดิ์แก่พระอนุชาและพระชายาได้ ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้เจ้าชายวิลเลียมซึ่งเป็นรัชทายาทผู้มีสิทธิโดยตรงของสมเด็จพระเจ้าชาลส์สามารถพระราชทานหนึ่งในพระบุตรทั้ง 3 ของพระองค์ได้ตามคำกล่าวของคามิลลา โทมีนีย์ จากเดอะเดลีเทเลกราฟมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่ "ให้ตำแหน่งดยุกแห่งเอดินบะระกับคนที่สืบเชื้อสายตรงมาจากราชวงศ์" จะมีผลต่อการถกเถียงเรื่องเอกราชของสกอตแลนด์ เธอได้เสนอว่า โอกาสของการประกาศเอกราชของสกอตแลนด์ในตอนนี้ดูเป็นไปได้น้อยลง เมื่อพิจารณาการลาออกของนิโคลา สเตอร์เจียนที่กำลังจะมาถึง ทำให้การหารือมีความเสี่ยงน้อยลง

สมัยที่สาม ค.ศ. 1947 แก้

บรรดาศักดิ์นี้ได้พระราชทานเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 โดยสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 เพื่อพระราชทานแก่ ฟิลิป เมานต์แบตเทน พระชามาดา (ลูกเขย) ในวโรกาสงานพระราชพิธีเสกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธ พระราชธิดาพระองค์ใหญ่ของพระองค์ ซึ่งต่อจากนั้นมาเจ้าหญิงเอลิซาเบธ จึงได้เปลี่ยนการออกพระนามของพระองค์เป็นเจ้าหญิงเอลิซาเบธ ดัชเชสแห่งเอดินบะระจนกระทั่งเสด็จขึ้นสืบราชสมบัติต่อจากพระราชบิดาในปีพ.ศ. 2495 ไม่นานหลังจากนั้นพระองค์ก็ได้ทรงสละฐานันดรในฐานะของเจ้าชายแห่งกรีซและเดนมาร์ก พร้อมทั้งทรงสละสิทธิในราชบัลลังก์กรีกอีกด้วย ต่อมาในปี พ.ศ. 2500 ดยุกแห่งเอดินบะระ จึงได้รับการเฉลิมพระอิสริยยศเป็น เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ ในฐานะ "เจ้าชายแห่งสหราชอาณาจักร"

เจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นพระองค์สุดท้าย จนกระทั่งพระองค์เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 โดยพระองค์ได้รับการดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564 ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระราชบิดา ทรงดำรงตำแหน่งจนถึงวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2565 ดยุกแห่งเอดินบะระถูกผนวกเข้ากับพระมหากษัตริย์เมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระราชมารดา

สมัยที่สอง ค.ศ. 1866 แก้

 
เจ้าชายอัลเฟรด "ดยุกแห่งเอดินบะระ" พระองค์เดียวในสมัยที่ 2 ของการพระราชทานบรรดาศักดิ์

บรรดาศักดิ์นี้ได้ถูกนำกลับมาใช้เป็นสมัยที่ 2 ในรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียพระราชทานบรรดาศักดิ์นี้ให้แก่พระราชโอรสพระองค์รอง[1] คือ เจ้าชายอัลเฟรด ซึ่งต่อมาเมื่อพระองค์ได้ขึ้นเป็นประมุขแห่งดัชชีซัคเซิน-โคบูร์กและโกทาในปีพ.ศ. 2436 พระองค์ยังคงใช้พระนามตามบรรดาศักดิ์อังกฤษ ซึ่งในภายหลังบรรดาศักดิ์นี้ก็สืบทอดให้แก่พระโอรสของพระองค์ คือ เจ้าชายอัลเฟรดแห่งเอดินบะระ เจ้าชายรัชทายาทแห่งซัคเซิน-โคบูร์กและโกทา แต่ทว่าพระองค์ได้ทรงกระทำอัตวินิบาตกรรมในปีพ.ศ. 2442 จึงเป็นการสิ้นสุดแห่งการสืบบรรดาศักดิ์นี้ลงเป็นครั้งที่ 2 เมื่อเจ้าชายอัลเฟรด ดยุกแห่งเอดินบะระและแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา (พระราชบิดา) สิ้นพระชนม์ในปีพ.ศ. 2443

สมัยที่หนี่ง ค.ศ. 1726 แก้

ตำแหน่งนี้ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในฐานะบรรดาศักดิ์ขุนนางแห่งราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2269 โดยสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 1 ซึ่งพระราชทานให้แก่เจ้าชายเฟรเดอริก พระราชนัดดาของพระองค์ ซึ่งกลายเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ในปีถัดมาด้วย บรรดาศักดิ์รองจากดยุกแห่งเอดินบะระ ได้แก่ มาร์ควิสแห่งหมู่เกาะเอลี เอิร์ลแห่งเอลแธม ในเคาน์ตีแห่งเคนต์ ไวเคานต์แห่งลอนสตัน ในเคาน์ตีแห่งคอร์นวอลล์ และบารอนแห่งสโนว์ดอน ในเคาน์ตีแห่งคายร์นาฟอน ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในบรรดาศักดิ์ขุนนางแห่งราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ด้วย ตำแหน่งมาร์ควิสได้เขียนไว้ในราชกิจจานุเบกษาเป็นมาร์ควิสแห่งหมู่เกาะไวท์ เห็นได้ชัดว่าผิดพลาด ในฉบับต่อมาของราชกิจจานุเบกษาแห่งกรุงลอนดอน ท่านดยุกได้รับการขนานนามว่าเป็นมาร์ควิสแห่งหมู่เกาะเอลี เมื่อเจ้าชายเฟรเดอริกสิ้นพระชนม์ เจ้าชายจอร์จ พระโอรสพระองค์แรกทรงสืบทอดตำแหน่ง เมื่อเจ้าชายจอร์จขึ้นครองราชย์เป็น สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 3 ในปี พ.ศ. 2303 พระอิสริยยศได้ผนวกเข้ากับพระมหากษัตริย์และยกเลิกบรรดาศักดิ์ในเวลาต่อมา

รายพระนาม แก้

สมัยแรก (ค.ศ. 1726) แก้

Duke พระฉายาลักษณ์ ตราอาร์ม พระราชสมภพ อภิเษกสมรส สวรรคต
เจ้าชายเฟรเดอริก
ราชวงศ์ฮันโนเฟอร์
1726–1751
มาร์ควิสแห่งไอล์ออฟอีลีย์, เอิร์ลแห่งเอลแธม, ไวเคานต์ลอนสตัน,
บารอนสโนว์ดอน (1726–1729);
เจ้าชายแห่งเวลส์ (1729), ดยุกแห่งคอร์นวอลล์ (1337), ดยุกแห่งรอธซี (1398)
    1 กุมภาพันธ์ 1707
เลนเนสลอส ฮันโนเฟอร์
พระราชโอรสในพระเจ้าจอร์จที่ 2 กับสมเด็จพระราชินีแคโรไลน์
เจ้าหญิงเอากุสทาแห่งซัคเซิน-โกทา
17 เมษายน 1736
พระโอรสธิดา 9 พระองค์
31 มีนาคม 1751
บ้านเลสเตอร์ จตุรัสเลสเตอร์ ลอนดอน
พระชนมายุ 44 พรรษา
เจ้าชายจอร์จ
ราชวงศ์ฮันโนเฟอร์
1751–1760
มาร์ควิสแห่งไอล์ออฟอีลีย์, เอิร์ลแห่งเอลแธม, ไวเคานต์ลอนสตัน,
บารอนสโนว์ดอน (1751–1760);
เจ้าชายแห่งเวลส์ (1751)
    4 มิถุนายน 1738
บ้านนอร์ฟอล์ก ลอนดอน
พระโอรสในเจ้าชายเฟรเดอริก กับเจ้าหญิงออกัสตา
เจ้าหญิงชาร์ล็อทเทอแห่งเมคเลินบวร์ค-ชเตรลิทซ์
8 กันยายน 1761
พระโอรสธิดา 15 พระองค์
29 มกราคม 1820
ปราสาทวินด์เซอร์ วินเซอร์
พระชนมายุ 81 พรรษา
เจ้าชายจอร์จสืบราชบัลลังก์เป็น พระเจ้าจอร์จที่ 3 ต่อจากพระอัยกาในปีค.ศ. 1760 บรรดาศักดิ์นี้จึงผนวกเข้ากับพระมหากษัตริย์

สมัยที่สอง (ค.ศ. 1866) แก้

ดยุก พระฉายาลักษณ์ ตราอาร์ม พระราชสมภพ อภิเษกสมรส สวรรคต
เจ้าชายอัลเฟรด
ราชวงศ์ซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา
1866–1900
ดยุกแห่งซัคเซิน-โคบวร์กและโกทา (1893), เอิร์ลแห่งเคนต์ และ เอิร์ลแห่งอัลสเตอร์ (1866)
    6 สิงหาคม 1844
ปราสาทวินด์เซอร์ วินด์เซอร์
พระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย กับเจ้าชายอัลเบิร์ต
แกรนด์ดัชเชสมาเรีย อเล็กซานดรอฟนาแห่งรัสเซีย
23 มกราคม 1874
พระโอรสธิดา 6 พระองค์
30 กรกฎาคม 1900
ชลอสส์ โรสเนา โคบวร์ค
พระชนมายุ 55 พรรษา
เจ้าชายอัลเฟรด และแกรนด์ดัชเชสมาเรีย อเล็กซานดรอฟนา มีพระโอรสหนึ่งพระองค์คือ เจ้าชายอัลเฟรดแห่งเอดินบะระ เจ้าชายรัชทายาทแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทาซึ่งถึงแก่ทิวงคตก่อนพระบิดา ทำให้บรรดาศักดิ์อันเป็นสิ้นสุดเมื่อเจ้าชายอัลเฟรดสิ้นพระชนม์

สมัยที่สาม (ค.ศ. 1947) แก้

ดยุก พระฉายาลักษณ์ ตราอาร์ม พระราชสมภพ อภิเษกสมรส สวรรคต
เจ้าชายฟิลิป
เมานต์แบ็ตเทน
1947–2021
เอิร์ลแห่งแมริโอเน็ธ และ บารอนกรีนิช (1947)
   
 
10 มิถุนายน 1921
มอน เรโปส คอร์ฟู
พระโอรสในเจ้าชายแอนดรูว์แห่งกรีซและเดนมาร์ก กับเจ้าหญิงอลิซแห่งบัทเทินแบร์ค
เจ้าหญิงเอลิซาเบธ
20 พฤศจิกายน 1947
พระโอรสธิดา 4 พระองค์
9 เมษายน 2021
ปราสาทวินด์เซอร์ วินด์เซอร์
พระชนมายุ 99 พรรษา
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
ราชวงศ์วินด์เซอร์
2021–2022
เจ้าชายแห่งเวลส์ และ เอิร์ลแห่งเชสเตอร์ (1958), ดยุกแห่งคอร์นวอลล์, ดยุกแห่งรอธซี (1952), เอิร์ลแห่งแมริโอเน็ธ และ บารอนกรีนิช (2021)
    14 พฤศจิกายน 1948
พระราชวังบักกิงแฮม ลอนดอน
พระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 กับเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ
เลดีไดอานา สเปนเซอร์
29 กรกฎาคม 1981 – 28 สิงหาคม 1996
พระโอรส 2 พระองค์
คามิลลา แชนด์
9 เมษายน 2005
เจ้าชายชาร์ลส์สืบราชบัลลังก์เป็น พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ต่อจากพระราชมารดาในวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 2022 บรรดาศักดิ์นี้จึงผนวกเข้ากับพระมหากษัตริย์

สมัยที่สี่ (ค.ศ. 2023) แก้

ดยุก พระฉายาลักษณ์ ตราอาร์ม พระราชสมภพ อภิเษกสมรส สวรรคต
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด
ราชวงศ์วินด์เซอร์
2023–ปัจจุบัน
เอิร์ลแห่งเวสเซ็กซ์ (1999), เอิร์ลแห่งฟอร์ฟาร์ (2019) และ ไวเคานต์เซเวิร์น (1999)
    10 มีนาคม 1964
พระราชวังบักกิงแฮม ลอนดอน
พระราชโอรสในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 กับเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ
โซฟี ไรส์-โจนส์
19 มิถุนายน 1999
พระโอรส-ธิดา 2 คน
ยังทรงพระชนม์
เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดจะทรงดำรงบรรดาศักดิ์นี้ไปจนตลอดพระชนม์ชีพ โดยไม่สืบทอดทางสายตระกูลและจะผนวกเข้ากับพระมหากษัตริย์ดังเดิมเมื่อเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดสิ้นพระชนม์

ลำดับการสืบตระกูล แก้

จากจดหมายตราบรรดาศักดิ์นี้ระบุในการพระราชทานเมื่อปีค.ศ. 1947 เจ้าชายแห่งเวลส์ ในฐานะพระโอรสพระองค์ใหญ่จะได้รับบรรดาศักดิ์นี้สืบตระกูลเมื่อพระบิดาสิ้นพระชนม์[2] ซึ่งจะทรงเป็นดยุกที่ 2 สำหรับสมัยพระราชทานสมัยที่ 3 ถึงแม้รายพระนามตามระบุข้างล่างนี้เป็นลำดับสืบตระกูลของบรรดาศักดิ์นี้ แต่ก็เป็นลำดับเดียวกับการสืบสันตติวงศ์ของสหราชอาณาจักรเช่นเดียวกัน ทำให้เมื่อใดก็ตามที่ดยุกพระองค์ไหนได้เสวยราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แล้วบรรดาศักดิ์นี้ย่อมผนวกกลับเข้าพระมหากษัตริย์โดยปริยาย

วันที่ 10 มีนาคม 2566 สำนักพระราชวังบักกิงแฮม ออกแถลงการณ์ว่า สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานบรรดาศักดิ์ผู้ครองตำแหน่งดยุกแห่งเอดินบะระแก่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งเวสเซ็กซ์และฟอร์ฟาร์ ให้ดำรงพระอิสริยยศที่ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุกแห่งเอดินบะระ เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันประสูติของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ครบรอบ 59 พรรษา

อ้างอิง แก้

  1. "No. 23119". The London Gazette. 25 May 1866.
  2. Channon, Max (9 April 2021). "Prince Philip: Duke of Edinburgh title will be inherited by Earl - but not yet". Derbyshire Telegraph. สืบค้นเมื่อ 9 April 2021.

ดูเพิ่ม แก้