ฌูแซ ซารามากู

นักเขียนชาวโปรตุเกสและผู้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม พ.ศ. 2541

ฌูแซ ดึ โซซา ซารามากู (โปรตุเกส: José de Sousa Saramago; 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1922 – 18 มิถุนายน ค.ศ. 2010) เป็นนักเขียนนวนิยายและความเรียง นักเขียนบทละคร กวี นักแปล และนักหนังสือพิมพ์ชาวโปรตุเกส เขาได้รับรางวัลกามอยช์ (รางวัลนักเขียนภาษาโปรตุเกส) ประจำปี ค.ศ. 1995 และรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมประจำปี ค.ศ. 1998 นอกจากนี้ยังได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้ที่ทำให้งานร้อยแก้วภาษาโปรตุเกสเป็นที่รับรู้อย่างดีในระดับนานาชาติ[1]

ฌูแซ ซารามากู

ซารามากูในเดือนมกราคม ค.ศ. 2008
ซารามากูในเดือนมกราคม ค.ศ. 2008
เกิดฌูแซ ดึ โซซา ซารามากู
16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1922(1922-11-16)
อาซีญากา ซังตาไร โปรตุเกส
เสียชีวิต18 มิถุนายน ค.ศ. 2010(2010-06-18) (87 ปี)
ติอัส ลันซาโรเต สเปน
อาชีพนักเขียน
สัญชาติโปรตุเกส
ช่วงเวลาค.ศ. 1947–2010
ผลงานที่สำคัญBaltasar and Blimunda
Blindness
All the Names
Death with Interruptions
The Double
The Year of the Death of Ricardo Reis
รางวัลสำคัญรางวัลกามอยช์ (ค.ศ. 1995)
รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม (ค.ศ. 1998)
คู่สมรสปิลาร์ เดล ริโอ (ค.ศ. 1988–2010, เขาเสียชีวิต)
อิลดา ไรช์ (ค.ศ. 1944–1970, หย่า)

ลายมือชื่อ
เว็บไซต์
www.josesaramago.org

นวนิยายของซารามากูมักมีเค้าโครงสถานการณ์อัศจรรย์ เขากล่าวถึงประเด็นจริงจังต่าง ๆ โดยมีอารมณ์ร่วมไปกับมนุษยภาวะและการแยกอยู่โดดเดี่ยวของชีวิตแบบเมืองในปัจจุบัน ตัวละครของเขาต้องต่อสู้กับความต้องการสร้างความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ทั้งในระดับบุคคลและในระดับสังคม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังต้องการความเป็นปัจเจกและค้นหาความหมายและเกียรติภูมินอกโครงสร้างทางการเมืองและเศรษฐกิจ แฮเริลด์ บลูม นักวิจารณ์วรรณกรรมชาวอเมริกัน พรรณนาซารามากูว่าเป็น "นักเขียนนวนิยายที่มีพรสวรรค์ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกทุกวันนี้"[2] ใน ค.ศ. 2003 และกล่าวว่า เขาถือว่าซารามากูเป็น "ส่วนหนึ่งของบัญญัติตะวันตกอย่างถาวร" ใน ค.ศ. 2010[3] ส่วนเจมส์ วุด นักวิจารณ์วรรณกรรมชาวอังกฤษ ยกย่อง "น้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ในบันเทิงคดีของเขา เพราะเขาเล่าเรื่องในนวนิยายราวกับว่าเขาเป็นคนที่ทั้งชาญฉลาดและไม่รู้เรื่องรู้ราว"[4]

หนังสือของซารามากูจำหน่ายได้มากกว่าสองล้านเล่มเฉพาะในโปรตุเกสประเทศเดียว และงานเขียนของเขายังได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ถึง 25 ภาษา[5][6] ในฐานะผู้สนับสนุนเรียกร้องลัทธิคอมมิวนิสต์แบบอิสรนิยม[7] ซารามากูได้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันต่าง ๆ อย่างพระศาสนจักรคาทอลิก สหภาพยุโรป และกองทุนการเงินระหว่างประเทศเป็นต้น ในฐานะผู้ถืออเทวนิยม เขาเสนอว่าความรักเป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนามนุษยภาวะ ใน ค.ศ. 1992 รัฐบาลโปรตุเกสสมัยนายกรัฐมนตรีอานีบัล กาวากู ซิลวา มีคำสั่งให้ถอนเรื่อง O Evangelho Segundo Jesus Cristo ("พระวรสารตามพระเยซูคริสต์") ออกจากการตัดสินรางวัลอาริสเทออน (Aristeion Prize) ในรอบสุดท้ายโดยอ้างว่างานชิ้นนี้มีเนื้อหาดูหมิ่นศาสนา ซารามากูรู้สึกท้อใจกับการตรวจพิจารณาทางการเมืองเช่นนี้[8] จึงลี้ภัยไปยังเกาะลันซาโรเตของสเปนและอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเสียชีวิตใน ค.ศ. 2010[9][10]

ซารามากูเป็นสมาชิกก่อตั้งของแนวหน้าแห่งชาติเพื่อการปกป้องวัฒนธรรม (Frente Nacional para a Defesa da Cultura) ในลิสบอนเมื่อ ค.ศ. 1992 และเป็นผู้ก่อตั้งสภานักเขียนยุโรป (European Writers’ Parliament) ร่วมกับออร์ฮัน พามุค

อ้างอิง แก้

  1. Terra, Ernani; De Nicola, José: Português: De olho no mundo do trabalho (editora: Scipione), p. 463.
  2. Bloom, Harold (2003). Genius: A Mosaic of One Hundred Exemplary Creative Minds. New York: Warner Books. ISBN 0-446-52717-3.
  3. Bloom, Harold (15 December 2010). "Fond Farewells". TIME. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-08-17. สืบค้นเมื่อ 15 December 2010.
  4. Evans, Julian (28 December 2002). "The militant magician". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 28 December 2002.
  5. Eberstadt, Fernanda (18 June 2010). "José Saramago, Nobel Prize-Winning Writer, Dies". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 18 June 2010.
  6. "Nobel Writer, A Communist, Defends Work". The New York Times. 12 October 1998. สืบค้นเมื่อ 18 June 2010.
  7. "Portugal mourns as Nobel laureate's body returned". The China Post. 21 June 2010. สืบค้นเมื่อ 21 June 2010.
  8. "President defends Jose Saramago funeral no-show". BBC News. 21 June 2010. สืบค้นเมื่อ 21 June 2010.
  9. Quoted in: Eberstadt, Fernanda (26 August 2007). "The Unexpected Fantasist". The New York Times. สืบค้นเมื่อ 14 August 2009.
  10. "Nobel-winning Portuguese novelist Saramago dies" เก็บถาวร 2010-06-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, Associated Press 18-06-2010