ชาลส์ เอลวูด เยเกอร์ (อังกฤษ: Charles Elwood Yeager, /ˈjɡər/; 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1923 – 7 ธันวาคม ค.ศ. 2020) เป็นทั้งอดีตเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศสหรัฐ และเสืออากาศ ในปีค.ศ. 1947 เขากลายเป็นคนแรกที่ยืนยันว่าสามารถฝ่าอัตราเร็วของเสียงในเวลาบิน

ชัก เยเกอร์
ชื่อเกิดชาลส์ เอลวูด เยเกอร์
ชื่อเล่น"ชัก"
เกิด13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1923(1923-02-13)
ไมรา รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย สหรัฐ
เสียชีวิต7 ธันวาคม ค.ศ. 2020(2020-12-07) (97 ปี)
ลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ
รับใช้ United States
แผนก/สังกัด กองทัพอากาศทหารบกสหรัฐ
Flag of the กองทัพอากาศสหรัฐ กองทัพอากาศสหรัฐ
ประจำการ1941–1975
ชั้นยศ พลจัตวา
การยุทธ์
บำเหน็จ
คู่สมรส
  • Glennis Dickhouse
    (สมรส 1945; เสียชีวิต 1990)
  • Victoria Scott D'Angelo
    (สมรส 2003)
บุตร4
ความสัมพันธ์สตีฟ เยเกอร์ (ลูกพี่ลูกน้อง)
งานอื่นครูสอนการบินและนักบินทดสอบ
ลายมือชื่อ
เว็บไซต์http://www.chuckyeager.com/

ชีวิตช่วงต้น แก้

เยเกอร์เกิดในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1923 มีพ่อแม่ชื่อว่าอัลเบิร์ด ฮาล เยเกอร์ (Albert Hal Yeager) และซูซี เม (ไซส์มอร์) (Susie Mae (Sizemore)) ซึ่งเป็นชาวไร่ในไมรา, รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย[1] และจบไฮสคูลที่แฮมลิน, รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1941 เขามีพี่น้องชายสองคนชื่อรอย และฮาล จูเนียร์ และพี่น้องสาวสองคนชื่อดอริส แอนน์ (เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตอนอายุ 2 ขวบ โดยรอยตอนที่เขาอายุ 6 ขวบที่กำลังเล่นปืนลูกซอง)[2][3] และแพนซี ลี ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1945 เยเกอร์แต่งงานกับเกลนนิส ดิกเฮาส์ (Glennis Dickhouse) แล้วมีลูกสี่คน เธอเสียชีวิตในปีค.ศ. 1990[4]

ชื่อ "เยเกอร์" (Yeager, /ˈjɡər/) เป็นคำที่ถูกแปลงเป็นภาษาอังกฤษจากภาษาเยอรมันว่า ยีการ์ (Jäger หรือ Jaeger (แปล: "นักล่า")) เขามีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นอดีตนักรับเบสบอลชื่อว่า สตีฟ เยเกอร์[5][a]

อาชีพ แก้

สงครามโลกครั้งที่สอง แก้

 
นอร์ทอเมริกัน พี-51 มัสแตง กลาโมรัส เกลน 3 (Glamorous Glen III) เป็นเครื่องบินที่เยเกอร์ใช้ในการบิน.

เขาเข้าร่วมกองทัพอากาศทหารบกสหรัฐ (USAAF) ในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1941 และกลายเป็นช่างซ่อมอากาศยานที่ฐานทัพอากาศจอร์จในวิกเตอร์วิลล์, รัฐแคลิฟอร์เนีย ในตอนสมัครนั้น เยเกอร์ไม่เหมาะสมที่จะทำการบินเพราะอายุและพื้นเพการศึกษา แต่ยังคงรับเขาเพราะมีสายตาที่ไม่ธรรมดา (อัตราของสายตาปกติคือ 20/10) จึงทำให้เขาสามารถยิงกวางที่อยู่ห่างไป 600 หลา[7]

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง แก้

นักบินทดสอบ – ทลายกำแพงเสียง แก้

เยเกอร์ทลายกำแพงเสียงในวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1947 ด้วยเครื่องบิน X-1

หลังสงครามโลก เยเกอร์ยังคงอยู่ในกองทัพอากาศสหรัฐ โดยเขากลายเป็นนักบินทดสอบที่สนามกองทัพอากาศมูร็อก (Muroc Army Air Field; ปัจจุบันคือฐานทัพอากาศเอ็ดเวิร์ด) แล้วได้รับปริญญาจาก Air Materiel Command Flight Performance School (Class 46C)[8] หลังโครงการ X-1 อันเป็นโครงการทดลองอากาศยานเครื่องยนต์จรวจของบริษัทเบลล์แอร์คราฟต์เปลี่ยนมาดูแลโดยกองทัพอากาศสหรัฐ และชาลเมอร์ส สลิก กูดลิน นักบินทดสอบของเบลล์แอร์คราฟต์เรียกร้องเงิน 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ (มากกว่า 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีค.ศ. 2020) เพื่อให้บินทลายกำแพงเสียง ทาง USAAF จึงเลือกเยเกอร์ให้ขับเครื่องบินเบลล์ เอ็กซ์วัน[9][10]

 
เยเกอร์ในเครื่องบินเบลล์ เอ็กซ์วัน (Bell X-1)

เยเกอร์ทลายกำแพงเสียงในวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1947 โดยการใช้ X-1 Glamorous Glennis ที่มัค 1.05 ที่ระดับความสูง 45,000 ฟุต (14,000 เมตร)[11] เหนือทะเลสาบแห้งโรเจอร์ (Rogers Dry Lake) ในทะเลทรายโมฮาวี ความสำเร็จยังไม่เป็นที่รู้จักต่อสาธารณะจนกระทั่งเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1948[12]

หลังเกษียณ แก้

 
พลจัตวาเยเกอร์ในปีค.ศ. 2000

ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1975 หลังทำปฏิบัติการในเยอรมันและปากีสถาน เยเกอร์เกษียณจากกองทัพอากาศที่ฐานทัพอากาศนอร์ตันหลังรับใช้ชาติเป็นเวลา 33 ปี

ในวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 2012 ในวันครบรอบ 65 ปีของการทลายกำแพงเสียง เขาทำการทลายกำแพงเสียงอีกครั้งตอนอายุ 89 ปี ด้วยเครื่องบินแมคดอนเนลล์ ดักลาส เอฟ-15 อีเกิลที่ขับโดยกัปตันเดวิด วินเซนต์ ที่ฐานทัพอากาศเนลลิส[13]

ชัก เยเกอร์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 2020 ด้วยวัย 97 ปี[14]

หมายเหตุ แก้

  1. Chuck Yeager is not related to Jeana Yeager, one of the two pilots of the Rutan Voyager aircraft, which circled the world without landing or refueling.[6]

อ้างอิง แก้

  1. Sullivan, Ken (2006). The West Virginia Encyclopedia. West Virginia Humanities Council. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 15, 2018. สืบค้นเมื่อ October 15, 2018.
  2. "Chuck Yeager: What I've Learned". Esquire Magazine. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 13, 2014. สืบค้นเมื่อ May 25, 2014.
  3. Yeager, Chuck & Janos, Leo (1985). Yeager: An Autobiography. New York: Bantam Books. p. https://archive.org/details/yeagerautobiogra00yeag/page/6 6. ISBN 978-0-553-25674-1.
  4. Houvouras, John H. (Winter 1998). "The Man" (PDF). The Huntington Quarterly. p. 21. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ September 23, 2015. สืบค้นเมื่อ April 14, 2015.
  5. Kantowski, Ron (April 6, 2006). "Q+A Steve Yeager". Las Vegas Sun. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 8, 2016. สืบค้นเมื่อ February 26, 2016. He's not my uncle, he's a cousin. That's a misprint. You can't believe everything you read.
  6. "Jeana Yeager Was Not Just Along for the Ride". Los Angeles Times. December 24, 1986. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ March 4, 2016. สืบค้นเมื่อ February 26, 2016.
  7. Yeager & Janos (1985), p. 297.
  8. "Getting schooled with the Air Force's elite test pilots". CNET. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 6, 2017. สืบค้นเมื่อ April 30, 2017.
  9. Yeager & Janos (1985), p. 121.
  10. Wolfe, Tom (1979). The Right Stuff. New York: Farrar, Straus and Giroux. pp. 52–53. ISBN 0-374-25033-2.
  11. "New U.S. Plane Said to Fly Faster Than Speed of Sound". The New York Times. December 22, 1947. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 23, 2018. An experimental rocket plane, the Bell XS-1, has flown faster than the speed of sound a number of times recently, Aviation Week reports in an issue to be released tomorrow.
  12. "This day in history: Yeager breaks the sound barrier". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 5, 2015. สืบค้นเมื่อ September 5, 2015.
  13. Rogers, Keith (October 12, 2012). "Famous pilot Yeager re-enacting right stuff 65 years later". Las Vegas Review-Journal. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 10, 2018.
  14. Muntean, Pete; Silverman, Hollie (December 7, 2020). "Chuck Yeager, pilot who broke the sound barrier, dies at 97". CNN. สืบค้นเมื่อ December 7, 2020.

ดูเพิ่ม แก้

แหล่งข้อมูลอื่น แก้