จิ่ง ไต้อิง (จีน:景黛音;พินอิน: Jǐng dài yīn จิ้งไต้ยิน; กวางตุ้ง: jiang1 Dai4 yin1 จิงไต้อิน; 5 กันยายน 2504-) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "ฟลอร่า คิง" (Flora king) เป็นอดีตนักแสดงสมทบหญิงชาวฮ่องกง ที่เคยเป็นที่รู้จักทั่วเอเชียอีกคนในช่วงยุคทศวรรษที่ 80 โดยที่ทางช่องมักจะให้เธอรับบทสมทบอยู่เสมอและตัวเธอเองก็ไม่เคยเป็นนางเอกเต็มตัวเลยสักครั้งแต่ทว่าในช่วงที่เธอมีชื่อเสียงก็ได้รับความนิยมไม่แพ้เหล่านักแสดงหญิงระดับนางเอกแถวหน้าของทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี และเธอยังเป็นหนึ่งในกลุ่ม 7 สาวงามในชุดโบราณ (7 นางฟ้าทีวีบี รุ่นสอง) 被称为TVB七仙女 ร่วมกับ องเหม่ยหลิง (เติ้งชุ่ยเหวิน), ชีเหม่ยเจิน, เจิงหัวเชี่ยน, หลัน เจี๋ยอิง, หลิวเจียหลิง และ ซัง เทียนเอ๋อ[1][2][3][4][5][6][7][8][9]

จิ่ง ไต้อิง
เกิด5 กันยายน พ.ศ. 2504 (62 ปี)
จิ่ง ไต้อิง
ฮ่องกง
คู่สมรสหยาง เจียนัน (พ.ศ. -ปัจจุบัน)
คู่ครอง-ทัง เจิ้นเยี่ย (พ.ศ. 2522-2523)
-เหอโส่วซิ่น (พ.ศ. 2523)
อาชีพ-นักแสดง
-พิธีกร
ปีที่แสดง-พ.ศ. 2522–2529
-พ.ศ. 2562-
ผลงานเด่น-อุ้ยเสี่ยวป้อ (พ.ศ. 2527)
-ยุทธจักรชิงจ้าวบัลลังค์ (พ.ศ. 2527)
-เล็กเสี่ยวหงส์ (พ.ศ. 2529)
สังกัด-สถานีโทรทัศน์ทีวีบี (2522-2529)
-สถานีโทรทัศน์ทีทีวี (2529-2530)
-สถานีโทรทัศน์ ViuTV (2562-)

"ฟลอร่า จิ่งไต้อิง" หลังจากที่เธอเรียนจบชั้นมัธยมปลายแล้ว เธอได้เข้าเรียนอบรมการแสดงในรุ่นที่ 8 กับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี และแจ้งเกิดกับบทสมทบ อาตี้ ในละครกึ่งสากลยอดนิยมตลอดกาลเรื่อง เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ หลังจากนั้นก็มีผลงานละครตามมาอีกหลายเรื่อง ในช่วงชีวิตการแสดงไม่กี่ปีของเธอ บทบาทที่เป็นที่จดจำได้มากที่สุด คือ บทองค์หญิงเจี้ยนหนิง (建宁) หนึ่งในเมียเจ็ดคนของอุ้ยเสี่ยวป้อ เวอร์ชันเหลียงเฉาเหว่ย เมื่อปีพ.ศ. 2527 (1984)และบท ซิปิง ในละครเรื่อง เล็กเสี่ยวหงส์ เวอร์ชันว่านจือเหลียง เมื่อปีพ.ศ. 2529 (1986) แต่ทว่าในขณะที่เธอยังสาวและมีชื่อเสียงอยู่นั้น เธอเกิดรู้สึกอิ่มตัวกับงานการแสดงขึ้นมาเลยถอนตัวออกจากวงการในช่วงปลายยุคทศวรรษที่ 80 ทำให้ชื่อเสียงของเธอเริ่มค่อย ๆ จางหายไป และมีข่าวในช่วงปีแรก ๆ ว่าเธอไปเป็นนายหน้าประกันภัย เพื่อใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ต่อมาในปีพ.ศ. 2530 ก็มีข่าวว่าเธอได้คบหาดูใจกับเศรษฐีหนุ่มนามว่า หยาง เจียนัน ซึ่งในตอนนั้นเขาคนนี้ดำรงอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ทั้งสองใช้ชีวิตรักแบบส่วนตัวเงียบ ๆ ไม่เปิดเผยเลยไม่มีข่าวและไม่รู้ว่าทั้งสองได้ตัดสินใจแต่งงานกันเมื่อใดจนผ่านไปหลายปีถึงมีข่าวว่าทั้งคู่อยู่ด้วยกันมานานแล้วและมีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน

ล่าสุด เธอได้กลับเข้ามาวงการแสดงอีกครั้งในปีพ.ศ. 2562 (2019) โดยรับเล่นละครสากลยุคใหม่แนวดราม่าให้กับทางช่อง ViuTV นับได้ว่าเป็นเวลา นานกว่า 32 ปีที่เธอห่างหายไปจากวงการละคร

ประวัติ แก้

ชีวิตช่วงแรกและก้าวแรกในวงการ (พ.ศ. 2504-2524) แก้

จิ่งไต้อิง หรือที่สื่อเรียกย่อ ๆ ว่า จิ่งอิง (Jingyin) เกิดเมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2504 (แต่ทางครอบครัวสมัยก่อนไปแจ้งเกิดเธอในปีพ.ศ. 2505) ในครอบครัวชนชั้นกลางฐานะดี หลังจากเรียนจบในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ โรงเรียนมัธยมจิงหยานยิน เธอได้ตัดสินใจเข้าสมัครคัดเลือกเป็นนักแสดงในสังกัดของ สถานีโทรทัศน์ทีวีบี รุ่นที่ 8 ในปีพ.ศ. 2522 (1979) ด้วยบุคลิกที่โดดเด่นสดใสร่าเริงทำให้เธอผ่านการคัดเลือกและต้องเข้าอบรมหลักสูตรทางการแสดงกับทางช่องเป็นระยะเวลา 1 ปีโดยเพื่อนนักแสดงร่วมรุ่นเดียวกัน มี ทัง เจิ้นเยี่ย, เฉิน หมิ่นเอ๋อ, หวง เจ้าสือ (黃造時) และ โจวซิ่วหลัน (周秀蘭) เป็นต้น แต่เพื่อนร่วมรุ่นที่สนิทคือ หวงเจ้าสือ (ผู้รับ บท “องค์หญิงหัวจึง” ในละครเรื่อง มังกรหยกภาค 1 เวอร์ชันองเหม่ยหลิง-หวงเย่อหัว) [10][11]และในช่วงที่เธอกำลังเรียนการแสดงในชั้นเรียนอยู่นั้นก็ได้พบรักกับ ทังเจิ้นเยี่ย เพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยกัน ทั้งสองคบหาดูใจกันตั้งแต่ยังไม่ดังและเปิดเผยต่อสาธารณะโดยไม่ปิดบังอันใด แต่ต่อมาด้วยนิสัยที่แตกต่างก็ทำให้ทั้งคู่เกิดความขัดแย้งกันจนเป็นสาเหตุให้เลิกลาในเวลาต่อมา ในขณะที่เธอยังคงเรียนการแสดงกับทางค่ายอยู่นั้น ก็มีโอกาสเล่นเป็นตัวประกอบในละครเรื่อง ชอลิ้วเฮียง เวอร์ชัน เจิ้งเส้าชิวแสดง ถือเป็นผลงานละครเรื่องแรกในชีวิตการแสดงของเธอ หลังจากเรียนจบการแสดงในปีถัดมา (พ.ศ. 2523) แรกเริ่มทางช่องให้เธอรับหน้าที่เป็นหนึ่งในสามพิธีกรดาวรุ่งมาแรงของทางช่องในรายการ "สุขสันต์วันนี้" (Happy Today) ซึ่งมีเธอร่วมทำหน้าที่พิธีกรกับอีกสองนักแสดงสาวสวยดาวรุ่ง ชี เหม่ยเจิน และเดปอรา มัวร์ ทั้งสามสาวถูกเรียกฉายาจากสื่อว่า "สามสาวบุปผาแรกแย้ม" (Happy Three Little Flowers) และในช่วงแรกที่เธอกำลังรับหน้าที่เป็นพิธีกรอยู่นั้น ก็ได้พบกับ เหอโส่วซิ่น (何守信) พิธีกรหนุ่มใหญ่มากความสามารถที่ตอนนั้นมีข่าวว่ากำลังคบหาดูใจกับดาราสาวชื่อดัง วังหมิงฉวน ว่ากันว่านางเอกรุ่นพี่คนนี้อุตส่าห์ฟ้องหย่าสามีเพื่อมาคบกับเขาอย่างเปิดเผย เมื่อทางช่องให้เขาเข้ามาดูแลเป็นที่ปรึกษากับทั้งสามสาวและดูท่าทางพิธีกรชายรุ่นพี่คนนี้จะดูแล จิ่งไต้อิงเป็นพิเศษมากกว่าสองสาวที่ทำพิธีกรร่วม จนกลายเป็นที่มาของข่าวลือเรื่องรักสามเส้าระหว่างเธอกับเหอโส่วซิ่น และดารารุ่นพี่ชื่อดัง วังหมิงฉวน ถึงแม้ทั้งตัวเธอและพิธีกรหนุ่มใหญ่จะออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริงและทั้งสองคบกันแบบพี่น้องก็ตาม แต่ก็มีข่าวลือออกมาอีกว่าข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้ วังหมิงฉวน เครียดไม่น้อย ต่อมาไม่กี่เดือนข่าวซุบซิบก็ยุติลงเมื่อทางช่องได้ตัดสินใจย้าย จิ่งไต้อิงไปอยู่ฝ่ายแผนกละครเต็มตัว ทำให้ทั้งเธอและ เหอโส่วซิ่น ห่างกันไป ถือได้ว่าเป็นการยุติข่าวลือตั้งแต่นั้น

หลังจากถูกย้ายไปแผนกละคร เธอก็เริ่มอาชีพนักแสดงอย่างเต็มตัวและได้แจ้งเกิดกับบท อาตี้ หญิงสาวที่มีฐานะยากจนแต่จิตใจงดงาม ถึงแม้จะเป็นบทสมทบแต่เป็นบทที่โดดเด่น ในละครกึ่งสากลยอดฮิตตลอดกาลเรื่องเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้(The Bund I)ถือได้ว่าเป็นผลงานแจ้งเกิดของเธอในวงการบันเทิง จากความสำเร็จเธอยังได้ร่วมแสดงในละครภาคต่อของ เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ อีกด้วย ต่อมาเธอก็มีผลงานที่โดดเด่นตามมาอีกหลายเรื่อง ได้แก่ รักพยาบาท (Adventurer's 1980) และการโคจรมาร่วมงานกันกับแฟนเก่า ทังเจิ้นเยี่ย ในละครสากลยุคใหม่ เรื่อง มรสุมสายรุ่ง (Come Rain Come Shine 1981) ถึงแม้ทั้งสองจะเลิกลากันไปแล้วแต่ทั้งคู่ต่างเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน

มีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้น (พ.ศ. 2525-2526) แก้

เธอร่วมแสดงกับดาราสาว ชีเหม่ยเจิน ใน ผลงานแนวกำลังภายในอภิหาร 6 ตอนจบ เรื่อง ฤทธิ์ฝ่ามืออรหันต์ (七彩如來神掌 (THE BUDDHA'S MAGIC PALM 1982) และมาถึงผลงานละครสุดฮิตแห่งปีเรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า (Demi-Gods and Semi-Devils 1982) แต่ทว่าในช่วงที่กำลังถ่ายทำ เธอป่วยเป็นโรคตับอักเสบเฉียบพลัน ทำให้บทบาทของเธอในเรื่องนี้ถูกแทนที่โดยนักแสดงหญิงคนอื่นทันที และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หลังจากที่หายดีแล้ว เธอก็กลับมารับเล่นละครอีกครั้ง และในปีเดียวกัน เธอเป็นหนึ่งในตัวเก็งที่คาดว่าอาจจะได้รับบท อึ้งย้ง ร่วมกับ เฉิน ฟู่เซิง ชี เหม่ยเจิน หวง ซิ่งซิ่ว แต่สุดท้ายบท อึ้งย้ง กลับตกเป็นของ นักแสดงหญิงดาวรุ่งมาแรง องเหม่ยหลิง

ปีต่อมาพ.ศ. 2526 เธอได้ร่วมแสดงกับโจวเหวินฟะ กับละครสากลแนวแอ็คชั่นเรื่อง "เจ้าพ่อพยัคฆ์ร้าย"

ยุคทอง (พ.ศ. 2527-2529) แก้

นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2527 เป็นต้นไป เข้าสู่ยุคที่เธอได้รับความนิยมอย่างแท้จริง ประเดิมด้วยบทบาทองค์หญิงสี่ ในละครแนวราชวงศ์เรื่อง ยุทธจักรชิงจ้าวบัลลังค์ (The Foundation 1984) ที่เธอได้ร่วมแสดงกับดาราชื่อดังแถวหน้าของทางช่อง เช่น หวงเย่อหัว เหมียวเฉียวเหว่ย ทัง เจิ้นเยี่ย และดาราสาวชื่อดัง องเหม่ยหลิง ซึ่งเรตติ้งก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างดี ตามต่อด้วยละครยอดนิยมแห่งปีเรื่อง จอมยุทธอุ้ยเสี่ยวป้อ (The Duke of Mount Deer 1984) ที่มีดาราชายดาวรุ่งมาแรง เหลียงเฉาเหว่ย และดาราชายชื่อดัง หลิวเต๋อหัว แสดงนำโดยในเรื่องนี้เธอรับบทเป็น องค์หญิงเจี้ยนหนิง (建宁) ที่มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองและดื้อ และเป็นหนึ่งในเมียทั้งเจ็ดคนของ อุ้ยเสี่ยวป้อ ซึ่งเธอก็สามารถสวมบทบาทละครตัวนี้ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม จนเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าคนดูละครในตอนนั้นเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นผลงานการแสดงที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำมากที่สุดในชีวิตการเป็นนักแสดงของเธอ และอีกหนึ่งผลงานละครแนวสากลย้อนยุคเรื่อง ชะตา ชีวิต (Summer Kisses, Winter Tears 1984) เป็นการร่วมงานกับ เหมียวเฉียวเหว่ย ทังเจิ้นเยี่ย และดารานักร้องชื่อดัง เหมยเยี่ยนฟาง ซึ่งในละครเรื่องนี้เธอได้มีโอกาสโชว์ความสามารถทางด้านการร้องเพลงประกอบละครอีกด้วย

ถัดมาปีพ.ศ. 2528 ผลงานละครดังเรื่อง จิ้งจอกภูเขาหิมะ (The Flying Fox of Snowy Mountain 1985) นำแสดงโดยดาราชั้นนำมากมาย เช่น หลี่เหลียงเหว่ย เจิงหัวเชี่ยน จ้าว หย่าจือ เฉิน ซิ่วจู ชี เหม่ยเจิน ซึ่งเป็นอีกผลงานละครที่โด่งดังมากอีกเรื่องหนึ่งของปีนั้น เมื่อได้ออกฉายก็นำพาชื่อเสียงให้แก่เหล่านักแสดงในเรื่องรวมไปถึง จิ่งไต้อิง มากยิ่งขึ้นซึ่งในเรื่องนี้เธอรับบทเป็น เที้ยเล้งซู่ ต่อมาในปีเดียวกัน เธอได้ยื่นคำร้องขอยกเลิกสัญญากับทางทีวีบี (TVB) ด้วยเหตุผลของเธอ คือ ช่วงหลังทางต้นสังกัดทีวีบี มักส่งเธอให้ไปแสดงในละครแนวกำลังภายในโบราณติด ๆ กันหลายเรื่อง ซึ่งทำให้เธอรู้สึกว่าไม่มีอะไรใหม่ ดังนั้นเธอจึงมีความคิดที่จะลาออก(ขอยกเลิกสัญญาก่อนหมดสัญญาจริง) แต่ทางทีวีบี ไม่อนุมัติเพราะเห็นว่าเธอเหลือสัญญาการเป็นนักแสดงกับทางช่องอีกแค่ปีเดียว

ต่อมาในปีพ.ศ. 2529 ผลงานละครเรื่องสุดท้ายก่อนที่เธอจะออกจากสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ในช่วงกลางปี คือละครกำลังภายในฟอร์มใหญ่เรื่อง เล็กเสี่ยวหงส์ ( The Return of Luk Siu-fun 1986) ฉบับว่านจือเหลียง แสดงนำ โดยมีนักแสดงสาว เฉินซิวจูรับบทเป็นนางเอก โดยในเรื่องนี้เธอรับบทนางรอง ซิปิง ที่ขโมยซีนบทนางเอกของเรื่องเป็นอย่างมาก และยังเป็นอีกผลงานการแสดงที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอเป็นอย่างมากอีกเรื่อง พอถึงกลางปีเธอได้ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาการเป็นนักแสดงกับทางค่ายและออกจากสถานีโทรทัศน์ทีวีบี พร้อมกับดาราสาวนักบู๊ หยาง พ่านพ่าน ที่หมดสัญญาในปีเดียวกัน ทั้งสองดาราสาวบินไปไต้หวันเพื่อเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงกับทาง สถานีโทรทัศน์ทีทีวี (TTV) และมีผลงานละครที่ทั้งสองดาราสาวได้แสดงร่วมกันในเรื่อง เดชเซียวฮื้อยี้ (新絕代雙驕 1986) ฉบับไต้หวัน 30 ตอนจบ ก็ได้รับความนิยมที่ไต้หวันเป็นอย่างดี

ออกจากวงการ (พ.ศ. 2530-2561) แก้

ในปีพ.ศ. 2530 จิ่งไต้อิง ได้ประกาศหันหลังให้กับวงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ด้วยวัยแค่ 25 ปีโดยเธอให้เหตุผลว่า เธอรู้สึกอิ่มตัวกับงานแสดงและมีความขี้เกียจ อาจเพราะเธอหมดไฟไม่มีความกระตือรือร้นเหมือนแต่ก่อน เธอรู้สึกว่าในวงการไม่มีอะไรใหม่ที่ท้าทายเธออีกต่อไป อีกอย่างเวลามีข่าวลือต่าง ๆ เธอไม่ชอบการตอบคำถามนักข่าวเพราะเธอขี้เกียจอธิบาย หลังจากนั้นชื่อเสียงของเธอก็ค่อย ๆ เลือนหายไปจากผู้ชมและสื่อ

ในช่วงปีแรก ๆ ที่เธอถอนตัวออกจากวงการก็มีข่าวว่า เธอไปทำงานขายประกันที่บริษัท ประกันชีวิตแห่งหนึ่ง ในฮ่องกงและใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไปไม่หวือหวาเหมือนตอนเป็นดารา และช่วงนี้เองที่เธอได้ไปติดต่อขายประกันชีวิตให้กับหนุ่มเศรษฐี หยาง เจียนัน และพบรักกับเขาซึ่งในตอนนั้นเขาคนนี้ดำรงอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ไม่นานหลังจากคบหาดูใจกันทั้งสองได้ตัดสินใจแต่งงานกันอย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาแต่งงานกันเมื่อใด จนมารู้อีกทีตอนที่ทั้งคู่มีบุตรสาวด้วยกัน 1 คนพวกเขามีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัวมากไม่ชอบเปิดเผยต่อสาธารณะเลยไม่มีข่าวใด ๆ ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์

หลังจากเงียบหายไปจากสื่อนานเฉียด 30 ปีจนชื่อของเธอแทบจะไม่มีใครเอ๋ยถึง แต่แล้วในปีพ.ศ. 2557 ตัวเธอในวัย 52 ปีก็กลับมาเป็นข่าวตามสื่อในจีน, ฮ่องกง และใต้หวันอีกครั้ง เมื่ออดีตดาราสาวสมทบชื่อดัง จิ่งไต้อิงได้สมัครบัญชีเข้าใช้งานที่เว๊ปไซต์ชื่อดัง ซินล่างเวย์ปั๋ว (weibo) และได้โพสต์ข้อมูลส่วนตัวพร้อมกับรูปภาพปัจจุบันของเธอลงไปและเนื่องจากใบหน้าของเธอที่ดูอ่อนเยาว์ กว่าอายุจริงมาก ปรากฏว่ามีหลายสื่อจำเธอได้และนำภาพเหล่านั้นมาลงเป็นข่าวสร้างความฮือฮาในระดับหนึ่งให้แก่ตัวเธอกลับมาเป็นที่สนใจได้มากพอสมควรโดยที่ตัวเธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นข่าวแต่อย่างใดเพราะเธอชอบชีวิตปัจจุบันที่เงียบสงบ จนต่อมามีข่าวว่ามีเพื่อนเก่าในวงการบันเทิงพยายามติดต่อชักจูงให้เธอหวนกลับเข้ามาในวงการแสดงอีกครั้ง แต่เธอบอกว่าต้องปรึกษากับสามีก่อนและตัวเธอเองก็ชอบชีวิตที่เรียบง่ายในปัจจุบันมากกว่าและไม่เคยคิดที่จะกลับเข้าไปในวงการอีก ต่อมาข่าวเกี่ยวกับตัวเธอก็เงียบหายใป

กลับเข้าสู่การแสดงอีกครั้ง (พ.ศ. 2562-) แก้

ล่าสุดต้นปีพ.ศ. 2562 มีข่าวว่อนสะพัดไปทั่วฮ่องกงว่าอดีตนักแสดงสมทบชื่อดัง จิ่งไต้อิงในวัย 57 ปีตัดสินใจกลับเข้าสู่วงการแสดงอีกครั้งหลังจากห่างหายจากจอละครไปนานกว่า 32 ปีโดยเธอได้รับงานแสดงละครสากลยุคใหม่แนวดราม่าในเรื่อง ราชินีปลดเกษียณ (退休女皇 2019) ให้กับทาง สถานีโทรทัศน์ ค่ายViuTV ซึ่งเป็นสถานีแห่งหนึ่งที่ทางเกาหลีร่วมหุ้นกับทางฮ่องกงมาเปิดไว้ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 โดยเธอได้ให้สัมภาษณ์ในการกลับมาแสดงอีกครั้งว่า แรกเริ่มเธอไม่คิดจะที่จะกลับมารับงานละครอีกเลยถึงแม้เพื่อนสนิทในวงการจะพยายามหว่านล้อมให้เธอกลับมารับเล่นละครอีกครั้งก็ตาม แต่ที่เธอได้ตัดสินใจกลับมารับเล่นละครให้กับทางค่ายViuTV ก็เพราะว่าเธอได้ลองอ่านบทที่ทางช่องยื่นมาให้และเธอถูกใจบทที่เธอจะได้แสดงในละครเรื่องนี้มาก เพราะมันเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งระหว่างแม่กับลูกชาย และอีกอย่างคือส่วนตัวเธอเองก็ชอบดูซีรีส์จากประเทศเกาหลีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่ได้ดูละครฮ่องกงมานานมาก ๆ แล้ว เมื่อนักข่าวได้ถามว่าเธอเคยได้กลับไปดูผลงานละครเก่า ๆ ที่ตัวเธอเองแสดงไว้กับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีบ้างไหม คำตอบอันน่าตกใจก็คือเธอไม่อยากกลับไปดูละครที่เธอเคยแสดงไว้กับสถานีโทรทัศน์ทีวีบี เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเธอไม่สวย

ผลงานการแสดง แก้

ละครโทรทัศน์กับทางค่ายทีวีบี (TVB)

พ.ศ. ชื่อละครภาษาจีน (ภาษาอังกฤษ) ชื่อละครภาษาไทย
2522 楚留香 (Chor Lau Heung 1979) ชอลิ้วเฮียง

2523

上海灘(The Bund I) เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้
上海灘續集 (The Bund II) เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ภาค2
衝擊 (The Adventurer's 1980) รักพยาบาท
2524 風雨晴 (Come Rain Come Shine 1981) มรสุมสายรุ่ง
2525 七彩如來神掌 (THE BUDDHA'S MAGIC PALM 1982) ฤทธิ์ฝ่ามืออรหันต์
天龍八部 (Demi-Gods and Semi-Devils) 8 เทพอสูรมังกรฟ้า
2526 阿茂揸枪 เจ้าพ่อพยัคฆ์ร้าย
2527 決戰玄武門 (The Foundation 1984) ยุทธจักรชิงจ้าวบัลลังค์
鹿鼎記 (The Duke of Mount Deer 1984) จอมยุทธอุ้ยเสี่ยวป้อ
香江花月夜 (Summer Kisses, Winter Tears 1984) ชะตา ชีวิต
2528 雪山飛狐 (The Flying Fox of Snowy Mountain 1985) จิ้งจอกภูเขาหิมะ
2529 陸小鳳之鳳舞九天 (The Return of Luk Siu-fun 1986) เล็กเสี่ยวหงส์

ละครโทรทัศน์ ค่ายTTV ไต้หวัน

พ.ศ. ชื่อละครภาษาจีน (ภาษาอังกฤษ) ชื่อละครภาษาไทย
2529 《新絕代雙驕 1986》 飾 江小魚 เซียวฮื้อยี้

ละครโทรทัศน์ ค่ายViuTV

พ.ศ. ชื่อละครภาษาจีน (ภาษาอังกฤษ) ชื่อละครภาษาไทย
2562 《退休女皇 2019》 ราชินีปลดเกษียณ

อ้างอิง แก้

  1. "การกลับคืนวงการของจิ่งไต้อิง". โดย hk. สืบค้นเมื่อ June 21, 2019.
  2. "ประวัติของจิ่งไต้อิง". โดย tvb. May 13, 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-21. สืบค้นเมื่อ June 21, 2019.
  3. "จิ่งไต้อิง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-09-21. สืบค้นเมื่อ 2019-06-21.
  4. [1][ลิงก์เสีย]
  5. "คืนสู่วงการ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-14. สืบค้นเมื่อ 2019-06-21.
  6. "กลับมาเล่นละครอีกครั้ง". โดย chinapress. August 12, 2018. สืบค้นเมื่อ June 21, 2019.
  7. 梦回南朝 發表于娱乐 (August 30, 2017). "ประวัติและผลงานเด่นและความรักของเธอ". โดย kknews. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-06-22. สืบค้นเมื่อ June 22, 2019.
  8. 小思. "ความรักของเธอ". โดย esee99. สืบค้นเมื่อ June 22, 2019.
  9. ขุดคุ้ยข่าวบันเทิง (October 31, 2015). "ทังเจิ้นเยี่ยแฟนคนแรก ในวงการบันเทิงของเธอ". โดย 8794. สืบค้นเมื่อ June 24, 2019.
  10. "อดีต7 สาวงามในชุดโบราณ". โดย baidu. สืบค้นเมื่อ June 21, 2019.
  11. "กลุ่ม 7 สาวงามในชุดโบราณ". โดย mpweekly. สืบค้นเมื่อ June 21, 2019.

แหล่งข้อมูล แก้