งูแมวเซา
สถานะการอนุรักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ไฟลัมย่อย: Vertebrata
ชั้น: Reptilia
อันดับ: Squamata
อันดับย่อย: Serpentes
วงศ์: Viperidae
วงศ์ย่อย: Viperinae
สกุล: Daboia
สปีชีส์: D.  siamensis
ชื่อทวินาม
Daboia siamensis
(Smith, 1917)
ชื่อพ้อง
  • Vipera siamensis
    Smith, 1917
  • Coluber russelli siamensis
    Ōshima, 1920
  • Vipera russelli limitis
    Mertens, 1927
  • Vipera russelli formosensis Maki, 1931
  • Vipera russelii sublimitis Kopstein, 1936
  • Vipera russelii formosensis Klemmer, 1963
  • Vipera russelii limitis
    — Klemmer, 1963
  • Vipera russelii siamensis
    — Klemmer, 1963
  • Viper russelli siamensis
    — Sakuragawa, 1979
  • Daboia (Daboia) russelli limitis Obst, 1983
  • Daboia (Daboia) russelli siamensis — Obst, 1983
  • Vipera russelli siamensis
    — Nakada, Nakada, Ito &
    Inoue, 1984
  • Vipera russelli burmanus Muang Muang Aye In Gopalakrishnakone & Tan, 1987
  • Daboia russelli siamensis
    Golay et al., 1993[1]

งูแมวเซา เป็นงูพิษชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Daboia siamensis ในวงศ์ Viperidae

ลักษณะ แก้

เป็นงูที่มีรูปร่างอ้วนป้อม ลำตัวสั้น หางสั้น เวลาตกใจหรือถูกรบกวนมักขดตัวเตรียมสู้และระวังตัว พร้อมทั้งทำเสียงขู่คล้ายแมวหรือเสียงของยางรถยนต์รั่ว โดยการสูบลมเข้าไปในตัวจนตัวพอง แล้วพ่นลมออกมาทางรูจมูกแรง ๆ แทนที่จะเลื้อยหนี เป็นงูที่ฉกกัดได้รวดเร็วแทบไม่ทันตั้งตัวทั้ง ๆ ที่ขดตัวอยู่ในลักษณะปกติ ลำตัวมีสีน้ำตาลอ่อนอมเทา มีเกล็ดสีชมพูแซมบริเวณสีข้าง มีลายลักษณะทรงกลมสีน้ำตาลเข้มตลอดทั้งตัว เกล็ดมีขนาดเล็กและมีสัน หัวเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมและมีลายดำคล้ายลูกธนู มีเกล็ดเล็กละเอียดบนหัว เขี้ยวพิษมีความยาว

สามารถโตเต็มที่ได้ 120–166 เซนติเมตร เดิมทีเคยถูกจัดให้เป็นชนิดย่อยของงูแมวเซาอินเดีย (D. russelii) โดยใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า D. russelii siamensis แต่ปัจจุบันได้ถูกแยกออกมาเป็นชนิดต่างหาก โดยมีความแตกต่างกันที่สีและลวดลาย โดยมีสีเทานํ้าตาลหรือนํ้าตาลอมชมพูและมีลายสีนํ้าตาลเข้มเป็นวงปื้นใหญ่เชื่อมติดต่อกัน ท้องสีขาวนวลมีจุดสีนํ้าตาลเล็ก ๆ เกล็ดมีขนาดเล็กและมีสัน หัวเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมและมีลายดำคล้ายลูกธนู และเป็นงูที่พบได้เฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ลาว, พม่า, ไทย, เวียดนาม, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และภาคใต้ของจีน รวมถึงเกาะไต้หวัน (แต่บางข้อมูลยังจัดให้เป็นชนิดแยกกัน[2][1])

 
งูแมวเซาในประเทศไทย

พฤติกรรมและความร้ายแรงของพิษ แก้

มีพฤติกรรมชอบอยู่ตามที่ราบแห้ง ๆ เชิงเขาที่เป็นดินปนทราย ตามที่ดอน หรือซ่อนตัวในซอกหิน โพรงดิน ใต้กอหญ้าใหญ่ ๆ ไม่ชอบย้ายที่อยู่บ่อย ๆ ปกติไม่เลื้อยขึ้นต้นไม้ ออกหากินไม่ไกลจากที่อยู่ เป็นงูที่มีความเชื่องช้าไม่ปราดเปรียว มีอุปนิสัยดุ เมื่อถูกรบกวนจะส่งเสียงขู่ ชอบความเย็น แต่ไม่ชอบน้ำ มักออกหากินในเวลากลางคืน แต่ในสถานที่ที่มีความเย็น ก็อาจออกหากินในเวลากลางวันด้วย สำหรับในประเทศไทย พบได้ชุกชุมที่สุดคือแถบจังหวัดในภาคกลางและภาคตะวันออก[3] กินอาหารได้แก่ สัตว์ขนาดเล็กจำพวกหนูหรือสัตว์เลื้อยคลานที่มีขนาดเล็กชนิดต่าง ๆ เป็นงูที่ออกลูกเป็นตัว ครั้งละประมาณ 20–30 ตัว (สูงสุด 63 ตัว) โดยจะผสมพันธุ์ช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคม และไปออกลูกช่วงฤดูร้อน ลูกงูแรกเกิดมีน้ำหนัก 7.2–14.4 กรัม และความยาวโดยเฉลี่ย 24–30 เซนติเมตร[4]

เป็นงูที่มีพิษต่อผลการแข็งตัวของเลือด Factor X และ Factor V โดยตรง โดยจะไปกระตุ้น prothrombin เป็น thrombin ซึ่งทำให้เกิดการสลายไฟบริโนเจนเป็นไฟบรินในกระแสเลือด จึงทำให้เกิดเลือดออกง่าย เนื่องจากองค์ประกอบในการแข็งตัวของเลือด ถูกใช้หมดไป นอกจากนี้แล้วพิษของงูแมวเซายังมีผลต่อไต ทำให้เกิดอาการไตวายได้ และยังมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงโดยตรง[5] โดยอาการของผู้ที่ถูกกัดจะแสดงออกดังนี้ คือ มีอาการปวดและมีอาการบวมมาก อาการบวมเกิดเกิดขึ้นได้ภายใน 2–3 นาทีภายหลังถูกกัด มักจะมีรอยเขี้ยว 2 จุดซึ่งมีเลือดไหลออกตลอดเวลา และบริเวณรอบแผลจะมีสีคล้ำบริเวณโดยรอบเขี้ยวจะบวมอย่างชัดเจนภายใน 15-20 นาที และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งบริเวณที่ถูกกัดบวมหมดภายในเวลา 12–24 ชั่วโมง และอาจเริ่มพองและมีเลือดออก ผู้ที่ได้รับพิษมากจะมีอาการของเลือดออกง่ายภายในเวลา 2–3 ชั่วโมง เช่น เลือดออกเป็นจ้ำ ๆ บริเวณผิวหนัง เลือดออกตามไรฟัน ไอมีเสมหะปนเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ ถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด เลือดออกจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งความดันโลหิตต่ำ ไตวายและเสียชีวิตลงในที่สุด [6]

อ้างอิง แก้

  1. 1.0 1.1 McDiarmid RW, Campbell JA, Touré T. 1999. Snake Species of the World: A Taxonomic and Geographic Reference, vol. 1. Herpetologists' League. 511 pp. ISBN 1-893777-00-6 (series). ISBN 1-893777-01-4 (volume).
  2. Daboia russelii siamensis at Munich AntiVenom INdex (MAVIN). Retrieved 23 October 2006.
  3. ประชาชื่น, น้าชาติ (2013-12-13). "งูแมวเซา". ข่าวสด.[ลิงก์เสีย]
  4. "งูแมวเซา". สถานเสาวภา. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-12. สืบค้นเมื่อ 2011-01-12.
  5. "แนวทางการดูแลผู้ช่วยถูกงูพิษกัด". สถาบันวิจัยงูจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
  6. "อาการเมื่อถูกงูแมวเซากัดเป็นอย่างไร?". กูรูสนุกดอตคอม.

แหล่งข้อมูลอื่น แก้

  ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Daboia siamensis ที่วิกิสปีชีส์