ชาลส์ เฟรเดอริก "คาร์ช" คิราย (อังกฤษ: Charles Frederick "Karch" Kiraly; /ˈkɑːr kɪˈr/; 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1960 – ) เป็นทั้งนักกีฬาวอลเลย์บอล, ผู้ฝึกสอน และผู้ประกาศข่าวชาวอเมริกัน ในคริสต์ทศวรรษ 1980 เขาเป็นส่วนสำคัญของทีมชาติสหรัฐที่ได้รับรางวัลเหรียญทองในการแข่งโอลิมปิกฤดูร้อน 1984 และ 1988 เขายังได้รับรางวัลเหรียญทองอีกครั้งในการแข่งโอลิมปิกฤดูร้อน 1996 ซึ่งเป็นการแข่งกีฬาโอลิมปิกครั้งแรกที่มีวอลเลย์บอลชายหาด เขาเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียว (ของชายและหญิง) ที่ได้รับเหรียญทองโอลิมปิกของการแข่งวอลเลย์บอลทั้งในร่มและชายหาด เขาเล่นวอลเลย์บอลวิทยาลัยให้แก่ทีมยูซีแอลเอ บรูนส์ ทีมของเขาชนะการแข่งขันระดับชาติสามครั้งภายใต้หัวหน้าผู้ฝึกสอน อัล สเกตส์

คาร์ช คิราย
ข้อมูลส่วนบุคคล
ชื่อเต็มชาลส์ เฟรเดอริก คิราย
ชื่อเล่นคาร์ช
สัญชาติอเมริกัน
เกิด (1960-11-03) 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1960 (63 ปี)
แจ็กสัน รัฐมิชิแกน สหรัฐ
ภูมิลำเนาแซนตาบาร์บารา รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ
ส่วนสูง6 ฟุต 2 นิ้ว (188 เซนติเมตร)
น้ำหนัก205 ปอนด์ (93 กิโลกรัม)
มหาวิทยาลัยยูซีแอลเอ
ข้อมูลวอลเลย์บอลชายหาด
ปี เพื่อนร่วมทีม ทัวร์ (คะแนน)
ค.ศ. 2003 เบรนต์ โดเบิล 120
ข้อมูลวอลเลย์บอล
ตำแหน่งตัวตีด้านนอก
หมายเลข15
ทีมชาติ
ค.ศ. 1981–1989ธงชาติสหรัฐ สหรัฐ

ปัจจุบัน คิรายเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติสหรัฐ

ชีวิตช่วงแรก แก้

คิรายเติบโตที่แซนตาบาร์บารา รัฐแคลิฟอร์เนีย เขาเริ่มเล่นวอลเลย์บอลเมื่ออายุหกขวบด้วยการสนับสนุนจากพ่อของเขา ดร.ลาสโล คิราย ผู้เคยเป็นสมาชิกวอลเลย์บอลเยาวชนทีมชาติฮังการีก่อนที่จะหนีออกนอกประเทศช่วงการจลาจลที่ฮังการีเมื่อ ค.ศ. 1956 ครั้นอายุ 11 ขวบ คิรายได้เข้าแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาดครั้งแรกโดยจับคู่กับพ่อของเขา[1]

คิรายเข้าเรียนที่แซนตาบาร์บาราไฮสกูล ซึ่งเขาเป็นสมาชิกของทีมวอลเลย์บอลตัวแทนไฮสกูลชาย พ่อของเขามีบทบาทสำคัญในการตั้งโครงการวอลเลย์บอลชายที่โรงเรียน หัวหน้าแห่งแซนตาบาร์บาราได้ทำเกมชิงแชมป์สองครั้งในช่วงไฮสกูลของคิราย โดยถึงรอบชิงชนะเลิศปีที่สองของเขาก่อนที่จะแพ้ในการแข่งชิงแชมป์ให้แก่แซนเคลเมนทีไฮสกูลใน ค.ศ. 1976 ส่วนในไฮสกูลปีสุดท้ายของทีมที่คิรายทำหน้าที่นั้นไม่เคยแพ้ โดยชนะลากูนาบีชไฮสกูลของรายการซีไอเอฟ เซาเทิร์นเซกชัน ในเกมไตเติล ค.ศ. 1978 และคิรายได้รับการโหวตให้เป็นผู้เล่นเฉพาะส่วนยอดเยี่ยมแห่งปี[2] ในช่วงไฮสกูลของเขา คิรายได้รับเชิญให้เข้าร่วมเยาวชนทีมชาติ ซึ่งเขาเข้าแข่งขันเป็นเวลาสามปี คิรายให้เครดิตแก่ผู้ฝึกสอนของไฮสกูล ริก ออล์มสเตด สำหรับการสอนให้เขาเห็นคุณค่าของการทำงานหนักและความทุ่มเท

ผลงานอาชีพระดับวิทยาลัย แก้

ใน ค.ศ. 1978 คิรายลงทะเบียนเรียนที่ยูซีแอลเอ ซึ่งเขาเรียนเอกสาขาชีวเคมี และยังเป็นพี่น้องของสาขาเอปไซลอนซิกมาที่แลมบ์ดาชิแอลฟา ตั้งแต่ปีแรก เขาเล่นเป็นตัวตีด้านนอกและตัวเซ็ตในทีมวอลเลย์บอลของบรูนส์ โดยยืนตรงข้ามกับรุ่นพี่ปีสาม ซินจิน สมิธ ในเกมรุกของบรูนส์ 6–2 ภายใต้อัล สเกตส์ ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน คิรายได้นำทีมยูซีแอลเอสู่การแข่งขันวอลเลย์บอลชายชิงแชมป์เอ็นซีเอเอในฤดูกาลชั้นปีแรกของเขาเมื่อ ค.ศ. 1979 ส่วนในฤดูกาลชั้นปีที่สองของเขา ทีมบรูนส์ได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง แต่แพ้คู่แข่งทีมข้ามเมืองอย่างยูเอสซี จากนั้น ยูซีแอลเอก็สามารถเรียกคืนตำแหน่งสูงสุดในฤดูกาลชั้นปีที่สามของคิราย ทั้งนี้ คิรายได้สิ้นสุดการแข่งระดับอาชีพของวิทยาลัยด้วยตำแหน่งอื่นในช่วงปีสุดท้ายของเขา ในสี่ปีของเขา บรูนส์ได้รวบรวมสถิติการแข่งขัน 123–5 โดยมีรายการที่ชนะใน ค.ศ. 1979, 1981 และ 1982 ซึ่งพวกเขาไร้พ่ายในฤดูกาล 1979 และ 1982[3] คิรายได้รับเกียรตินิยมออลอเมริกัน (All-American) ทั้งสี่ปี[4] และได้รับรางวัลผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดของเอ็นซีเอเอ วอลเลย์บอลทัวร์นาเมนต์ใน ค.ศ. 1981 และ 1982[5]

คิรายสำเร็จการศึกษาระดับวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาชีวเคมีจากยูซีแอลเอ โดยสำเร็จการศึกษาระดับเกียรตินิยมในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1983 ด้วยเกรดเฉลี่ยสะสม 3.55[6]

คิรายได้รับการแต่งตั้งให้เข้าสู่หอเกียรติยศยูซีแอลเอใน ค.ศ. 1992 และมีการรีไทร์เสื้อของเขาใน ค.ศ. 1993[6][7]

ทีมชาติสหรัฐ แก้

คิรายเข้าร่วมทีมชาติใน ค.ศ. 1981[8] โดยการเล่นตัวตีด้านนอก เขาได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้ส่งบอลที่แข็งแกร่งมาก พร้อมกับเพื่อนร่วมทีม แอลดิส เบอร์ซินส์ คิรายเป็นรากฐานสำหรับระบบการรับลูกเสิร์ฟ "สองคน" ที่ดัก บีล สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1983[9] นอกจากจะครอบคลุมการรับลูกเสิร์ฟครึ่งคอร์ต และส่งบอลให้ดัสตี ดโวชาก ซึ่งเป็นตัวเซตของทีมอย่างต่อเนื่อง คิรายก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นดีเฟนเดอร์ที่ยอดเยี่ยมและเป็นตัวตีด้านนอกที่มีประสิทธิผลสูง คิรายได้นำทีมชาติสหรัฐรับรางวัลเหรียญทองในการแข่งโอลิมปิกฤดูร้อน 1984 โดยเอาชนะการพ่ายต่อทีมบราซิลในรอบแบ่งกลุ่มด้วยการสยบทีมบราซิลในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งคิรายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในทีมรางวัลเหรียญทอง

การแข่งกีฬาโอลิมปิก ค.ศ. 1984 ได้ถูกทำลายโดยการคว่ำบาตรของทีมโซเวียตและกลุ่มตะวันออก ทีมชาติสหรัฐได้แสดงตำแหน่งของพวกเขาในฐานะทีมที่ดีที่สุดในโลกด้วยการคว้าแชมป์วอลเลย์บอลเวิลด์คัพ 1985 ตามมาด้วยวอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก 1986 ส่วนในโอลิมปิกฤดูร้อน 1988 ทีมดังกล่าวได้รับรางวัลเหรียญทองโอลิมปิกครั้งที่สอง ซึ่งคราวนี้เป็นฝ่ายชนะสหภาพโซเวียตในการแข่งชิงแชมป์ โดยคิรายได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมใน ค.ศ. 1988 ที่โซล รวมทั้งสหพันธ์วอลเลย์บอลระหว่างประเทศได้ยกให้คิรายเป็นผู้เล่นอันดับต้น ๆ ของโลกใน ค.ศ. 1986 และ 1988[10]

หลังจากการแข่งกีฬาโอลิมปิก ค.ศ. 1988 คิรายได้อำลาจากทีมชาติ เขาและเพื่อนร่วมทีมที่ชื่อสตีฟ ทิมมอนส์ได้เล่นวอลเลย์บอลอาชีพให้แก่สโมสรอิลเมสซักเกโรราเวนนาในประเทศอิตาลีตั้งแต่ ค.ศ. 1990 ถึง ค.ศ. 1992[7] ทีมดังกล่าวได้รวมถึงชาวอิตาลีอย่างฟาบีโอ วุลโล และอันเดรอา การ์ดีนี, โรแบร์โต มัสชีอาเรลลี และสเตฟาโน มาร์กุตตี ในฐานะสมาชิกในทีม โดยในสองฤดูกาล ทีมนี้ได้ชนะรายการต่าง ๆ จำนวนมาก เช่น ลีกวอลเลย์บอลอิตาลี (ค.ศ. 1991), อิตาเลียนคัพ (ค.ศ. 1991), วอลเลย์บอลชายชิงแชมป์สโมสรโลก (ค.ศ. 1991), ซีอีวีแชมเปียนส์ลีก (ค.ศ. 1992) และยูโรเปียนซูเปอร์คัพ (ค.ศ. 1992)

ผลงานระดับอาชีพในวอลเลย์บอลชายหาด แก้

คิรายผลงานระดับอาชีพในสนามแข่งชายหาดมาอย่างยาวนาน และด้วยการชนะการแข่งระดับอาชีพถึง 148 รายการ ถือเป็นผู้เล่นที่ 'ชนะมากที่สุด' ในประวัติศาสตร์ของกีฬาดังกล่าว เขาชนะทัวร์นาเมนต์อย่างน้อยหนึ่งครั้งใน 24 ฤดูกาลจาก 28 ฤดูกาลที่เขาแข่งในระดับอาชีพที่ยาวนานถึงสี่ทศวรรษ เขาอ้างว่าเขาชนะการแข่งร่วมกับพาร์ตเนอร์ 13 คน และในการแข่งขันในประเทศ เขาผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของเวลาดังกล่าว ซึ่งคิรายลงแข่งเมื่อเมื่ออายุ 40 กลาง ๆ[11]

อ้างอิง แก้

การอ้างอิง
  1. Price, Shawn (6 May 2007). "Digging life, on and off sand". Orange County Register. สืบค้นเมื่อ 8 October 2013.
  2. Itagaki, Michael (25 April 1995). "The Turning Point: Since Mid-'70s Laguna Beach Has Ruled Boys' Volleyball". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ 21 May 2014.
  3. Tinley, Scott (20 April 2012). "Legendary UCLA men's volleyball coach Al Scates shoots for 20th ring". Sports Illustrated. สืบค้นเมื่อ 26 July 2019.
  4. Marroquin, Art (21 August 2013). "Superstar Kiraly now coaching US volleyball". Orange County Register. สืบค้นเมื่อ 21 March 2017.
  5. "NCAA National Collegiate Men's Volleyball Championship" (PDF). National Collegiate Athletic Association. สืบค้นเมื่อ 21 March 2017.
  6. 6.0 6.1 "Notable Alumni - Gold medalist Karch Kiraly leads Olympic volleyball team in Rio". UCLA Chemistry and Biochemistry. สืบค้นเมื่อ 21 March 2017.
  7. 7.0 7.1 Witherspoon, Wendy (6 March 1993). "Above the Rest: Karch Kiraly, Perhaps the Greatest Volleyball Player Ever, Returns to UCLA on Sunday to Have His Jersey Retired". Los Angeles Times. สืบค้นเมื่อ 21 March 2017.
  8. Anderson, Kelli (25 September 2007). "Let Us Now Praise Karch Kiraly". Sports Illustrated. สืบค้นเมื่อ 21 March 2017.
  9. Couvillon 2008, p. 72.
  10. Rapoport, Faye. "Beach Volleyball - Karch Kiraly". foot.com. สืบค้นเมื่อ 21 March 2017.
  11. "Karch Kiraly". Beach Volleyball Database. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 18, 2023. สืบค้นเมื่อ March 21, 2017.
บรรณานุกรม

แหล่งข้อมูลอื่น แก้

ก่อนหน้า คาร์ช คิราย ถัดไป
  ฮิว แมคคัตชอน   ผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติสหรัฐ
(ค.ศ. 2012–ปัจจุบัน)
  ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่