ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สงครามอะแซหวุ่นกี้"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
NewFrontierHistoryThai (คุย | ส่วนร่วม)
เหตุการณ์นำ
NewFrontierHistoryThai (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 32:
 
=== สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงปราบชุมนุม ===
ในเดือนมกราคมพ.ศ. 2310<ref name=":0">ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๕ [[พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)|พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)]]</ref> ประมาณสามเดือนก่อน[[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]] พระยาตาก (สิน) ได้นำกองกำลังฝ่าวงล้อมของพม่าออกมาจากอยุธยา เดินทางไปตั้งมั่นที่เมืองระยอง หลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่าในเดือนเมษายน พ.ศ. 2310 ฝ่ายพม่าจำต้องดึงกองกำลังส่วนใหญ่ในสยามไปรบกับจีนทางเหนือ ใน[[สงครามจีน–พม่า|สงครามจีน-พม่า]] (Sino-Burmese War) เหลือกองกำลังพม่ารักษาการอยู่ในสยามจำนวนหนึ่ง มีสุกี้พระนายกองหรือ[[นายทองสุก]]ชาวมอญเป็นผู้รักษาการอยู่ที่[[ค่ายโพธิ์สามต้น|ค่ายโพธิ๋สามต้น]] อาณาจักรสยามแยกแบ่งออกเป็นชุมนุมต่างๆ พระยาตากเข้ายึดเมือง[[จังหวัดจันทบุรี|จันทบุรี]]ได้สำเร็จในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2310<ref name=":0">ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๕ [[พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)|พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)]]</ref> แล้วยกทัพเรือกลับกลับเข้ามาอยุธยาเข้าตีค่ายพม่าโพธิ์สามต้นได้สำเร็จในเดือนพฤศจิกายน ทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็น[[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี]] เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 ปีต่อมาในพ.ศ. 2311 เสด็จไปรบกับพม่าใน[[สงครามบางกุ้ง]]ได้รับชัยชนะ จากนั้นเสด็จไปปราบชุมนุมต่างๆ
 
ในพ.ศ. 2313 สมเด็จพระเจ้าตากสินเสด็จยกทัพไปปราบ[[ชุมนุมเจ้าพระฝาง]] มีพระราชโองการให้[[เจ้าพระยาพิชัยราชา|พระยาพิชัยราชา]] และ[[สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท|พระยายมราช (บุญมา)]] เป็นทัพหน้า<ref name=":0">ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๕ [[พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)|พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)]]</ref> เข้าตียึดเมืองพิษณุโลกได้สำเร็จในเดือนกรกฏาคม พ.ศ. 2313 ปราบชุมนุมเจ้าพระฝางลงได้สำเร็จ รวบรวมอาณาเขตขัณฑสีมาของอยุธยาไว้ได้ทั้งหมดแล้ว จึงมีพระราชโองการแต่งตั้งข้าหลวงเดิมซึ่งมีความชอบในการสงครามให้อยู่ครองหัวเมืองเหนือ พร้อมจัดสรรกองกำลังไว้รับมือการรุกรานของพม่าไว้ดังนี้;<ref name=":1">พระราชพงษาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล).</ref>
 
* พระยายมราช (บุญมา) เป็น เจ้าพระยาสุรสีห์พิษณุวาธิราชฯ เจ้าเมืองพิษณุโลก มีกองกำลังพล 15,000 คน
* พระยาพิชัยราชา เป็น เจ้าพระยาสวรรคโลก เจ้าเมืองสวรรคโลก มีกองกำลังพล 7,000 คน
* [[พระยาพิชัยดาบหัก|พระยาสีหราชเดโช (ทองดี)]] เป็น พระยาพิไชย เจ้าเมืองพิไชย มีกองกำลังพล 9,000 คน
* พระยาท้ายน้ำ (พระเชียงเงิน) เป็น พระยาสุโขทัย เจ้าเมืองสุโขทัย มีกองกำลังพล 5,000 คน
* [[เจ้าพระยาสุรบดินทร์สุรินทร์ฦๅไชย (บุญมี)|พระยาสุรบดินทร์ (บุญมี)]] เป็น พระยากำแพงเพชร เจ้าเมืองกำแพงเพชร มีกองกำลังพล 3,000 คนเศษ
* พระยาอนุรักษ์ภูธร เป็น [[เจ้าพระยานครสวรรค์]] เจ้าเมืองนครสวรรค์ มีกองกำลังพล 3.000 คนเศษ
 
=== กบฏมอญต่อพม่า พ.ศ. 2317 ===
บรรทัด 50:
=== สงครามบางแก้ว ===
{{main|สงครามบางแก้ว}}
อะแซหวุ่นกี้ตั้งทัพที่เมืองเมาะตะมะแล้ว มีคำสั่งให้แมงเยรานนอง<ref name=":2">Phraison Salarak (Thien Subindu), Luang. Intercourse between Burma and Siam as recorded in Hmannan Yazawindawgyi. Bangkok; July 25, 1919.</ref> (Minye Yannaung) หรือพงศาวดารไทยเรียกว่า ตะแคงมระหน่อง พร้อมทั้งฉับกุงโบ หรือฉัพพะกุงโบ<ref>ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑๔: คำให้การชาวอังวะ</ref> (Satpagyon Bo) ในพงศาวดารไทยเรียกว่า งุยอคงหวุ่น ยกทัพพม่าจำนวน 8,000 คน ผ่านด่านเจดีย์สามองค์เข้ารุกรานกาญจนบุรีในเดือนกุมภาพันธ์พ.ศ. 2318 ฝ่ายพม่ายกทัพเข้ายึดเมืองกาญจนบุรีได้ ฉับกุงโบยกทัพมาตั้งค่ายที่บางแก้ว นำไปสู่[[สงครามบางแก้ว|'''สงครามบางแก้ว''']] ฝ่ายสยามกองกำลังส่วนใหญ่อยู่ระหว่างสงครามตีเมืองเชียงใหม่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมีพระราชโองการให้เรียกทัพจากทางเหนือมาตั้งรับพม่าทางด่านตะวันตกอย่างเร่งด่วน มีพระราชโองการให้[[สมเด็จพระมหาอุปราช เจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทักษ์|พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าจุ้ย]] และ[[กรมขุนอนุรักษ์สงคราม|พระเจ้าหลานเธอ เจ้ารามลักษณ์]] เสด็จยกทัพไปตั้งรับพม่าที่บางแก้ว ฉับกุงโบเป็นแม่ทัพพม่าซึ่งเคยติดตามเนเมียวสีหบดีเข้าร่วมสงครามเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา มีความประมาทต่อกองทัพสยามถือตนว่าเคยมีประสบการณ์ในการรบกับไทย<ref name=":1">พระราชพงษาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล).</ref><ref name=":2">Phraison Salarak (Thien Subindu), Luang. Intercourse between Burma and Siam as recorded in Hmannan Yazawindawgyi. Bangkok; July 25, 1919.</ref> ปล่อยให้ฝ่ายสยามเข้าล้อมไว้ถึงสามชั้น สมเด็จพระเจ้าตากสินเสด็จยกพยุหยาตราทางนาวาจากธนบุรีไปบางแก้วราชบุรี มีพระราชโองการให้ล้อมพม่าบางแก้วไว้ให้มิดชิดจนกว่าจะขาดเสบียงและหิวโหย
 
สมเด็จพระเจ้าตากสินมีพระราชโองการให้[[พระยายมราช (หมัด)]] ไปตั้งที่ดงรังหนองขาว ทางตะวันออกของกาญจนบุรี รับศึกกับตะแคงมระหน่องที่กาญจนบุรี และให้[[พระยารามัญวงศ์ (มะโดด)]] ไปตั้งที่เขาชะงุ้ม ตะแคงมระหน่องส่งทัพพม่ามาตีเขาชะงุ้มเข้ายึดได้สำเร็จ พระยารามัญวงศ์เสียค่ายเขาชะงุ่มชะงุ้มให้แก่พม่า ต่อมา[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช|เจ้าพระยาจักรี (ทองด้วง)]] เจ้าพระยาสุรสีห์ (บุญมา) เจ้าพระยานครสวรรค์ และ[[พระยานครราชสีมา (ขุนชนะ)]] ยกทัพหัวเมืองเหนือและตะวันออกเข้ามาสมทบ<ref name=":1">พระราชพงษาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล).</ref> ทำให้ฝ่ายสยามมีกองกำลังเพิ่มพูนมากขึ้น รวมทั้งสิ้นประมาณ 20,000 คน<ref name=":2">Phraison Salarak (Thien Subindu), Luang. Intercourse between Burma and Siam as recorded in Hmannan Yazawindawgyi. Bangkok; July 25, 1919.</ref> ฝ่ายฉับกุงโบแม่ทัพพม่าที่บางแก้ว ถูกฝ่ายไทยล้อมไว้นาน 47 วัน ขาดแคลนเสบียงมีความอดอยากและขาดน้ำ สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงให้ขุนนางชาวมอญเข้าไปเกลี้ยกล่อม จนกระทั่งฉับกุงโบงุยอคงหวุ่น และอุตตมสิงหจอจัว แม่ทัพพม่าทั้งสอง ยอมจำนนพ่ายแพ้และเข้าสวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีในที่สุด เจ้าพระยาจักรียกทัพเข้ายึดเขาชะงุ้มคืนจากพม่าได้สำเร็จ<ref name=":1">พระราชพงษาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล).</ref> ตะแคงมาระหน่องแม่ทัพพม่าที่กาญจนบุรีจึงถอยกลับไปเมาะตะมะ ฉับกุงโบและอุตตมสิงหจอจัวรวมทั้งเชลยศึกชาวพม่าจำนวนทั้งสิ้นพันกว่าคนถูกนำตัวมาไว้ที่ธนบุรี
 
แม่ทัพพม่าให้การว่า อะแซหวุ่นกี้ที่เมืองเมาะตะมะเตรียมการยกทัพใหญ่เข้าโจมตีสยาม สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงมีท้องตราให้เกณฑ์ทัพจากหัวเมือง'ปากใต้'ได้แก่ [[จังหวัดจันทบุรี|จันทบุรี]] [[อำเภอไชยา|ไชยา]] [[จังหวัดนครศรีธรรมราช|นครศรีธรรมราช]] และ[[จังหวัดพัทลุง|พัทลุง]] มาร่วมรบกับพม่า เจ้าพระยาจักรีทูลว่า ทัพหัวเมืองฝ่ายใต้อาจเกณฑ์มาไม่ทันรบกับพม่า ทัพในพระนครธนบุรีและหัวเมืองเหนือ ยังเพียงพอในการต้านทัพพม่า<ref name=":1">พระราชพงษาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล).</ref> สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงเห็นชอบด้วย จึงมีพระราชโองการให้หัวเมืองปากใต้เหล่านั้นส่งข้าวมาเป็นเสบียงแทน นครศรีธรรมราชส่งข้าว 600 เกวียน จันทบุรี ไชยา และพัทลุง ส่งข้าวเมืองละ 400 เกวียน<ref name=":1">พระราชพงษาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล).</ref>
 
สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงปูนบำเหน็จผู้มีความชอบในสงครามบางแก้ว ทรงแต่งตั้งพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าจุ้ย เป็นกรมขุนอินทรพิทักษ์ พระเจ้าหลานเธอ เจ้ารามลักษณ์ เป็นกรมขุนอนุรักษ์สงคราม และพระเจ้าหลานเธอ เจ้าบุญจันทร์ เป็น[[กรมขุนรามภูเบศร์]]<ref name=":1" />
 
=== การจัดเตรียมทัพของพม่า ===
ในเดือนกันยายนพ.ศ. 2318 [[พระยาวิเชียรปราการ (บุญมา)|พระยาวชิรปราการ (บุญมา)]] เจ้าเมืองเชียงใหม่ มีหนังสือลงมายังธนบุรีบอกว่า ฝ่ายโปสุพลาเนเมียวสีหบดี และ[[โป่มะยุง่วน|โปมะยุง่วน]] ซึ่งพ่ายแพ้ถอยไปอยู่ที่เมือง[[อำเภอเชียงแสน|เชียงแสน]]นั้น ได้ข่าวว่ากำลังเตรียมการยกทัพจากเชียงแสนมาตีเมืองเชียงใหม่อีกครั้ง สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงมีพระราชโองการให้เจ้าพระยาจักรี และเจ้าพระยาสุรสีห์ ยกทัพเมืองพิษณุโลกและหัวเมืองเหนือไปเตรียมป้องกันเมืองเชียงใหม่ และยกไปตีเมืองเชียงแสนให้สำเร็จ
 
ฝ่ายพระเจ้ามังระ เสด็จจากเมืองอังวะมายกฉัตรพระมหาเจดีย์เกตุธาตุ ([[เจดีย์ชเวดากอง]]) ที่เมืองย่างกุ้งตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2318<ref name=":2">Phraison Salarak (Thien Subindu), Luang. Intercourse between Burma and Siam as recorded in Hmannan Yazawindawgyi. Bangkok; July 25, 1919.</ref> อะแซหวุ่นกี้มีหนังสือขึ้นไปกราบทูลว่า ทัพฝ่ายพม่าพ่ายแพ้ที่บางแก้ว สูญเสียรี้พลไปจำนวนมากฝ่ายจับเป็นเชลยไปได้พันเศษคน ฝ่ายไทยยังมีกำลังเนื่องด้วยหัวเมืองฝ่ายเหนือยัง "บริบูรณ์"<ref name=":1">พระราชพงษาวดารกรุงเก่า (ฉบับหมอบรัดเล).</ref> มั่งคั่งไปด้วยผู้คนและทรัพยากร จึงขอพระราชทานยกทัพไปตีหัวเมืองเหนือให้ได้เสียก่อน ฝ่ายสยามจึงจะอ่อนกำลังลง พระเจ้ามังระทรงเห็นชอบด้วย มีพระราชโองการให้อะแซหวุ่นกี้ยกทัพเข้าโจมตีหัวเมืองเหนือให้ราบคาบยับเยินให้จงได้ พระเจ้ามังระประทับเมืองย่างกุ้งอยู๋สามเดือน หลังจากสมโพชสมโภชเฉลิมฉลองพระมหาเจดีย์เกตุธาตุแล้ว จึงเสด็จกลับเมืองอังวะ
 
อะแซหวุ่นกี้จัดทัพ ให้แมงแยยางูผู้เป็นน้องชายของตน กับกละโบ่ ปันญีแยข่องจอ<ref name=":2">Phraison Salarak (Thien Subindu), Luang. Intercourse between Burma and Siam as recorded in Hmannan Yazawindawgyi. Bangkok; July 25, 1919.</ref> (Pyanchi Yegaung Kyaw) และปันญีตจวง เป็นทัพหน้า ยกกำลังพม่า 20,000 คน ตัวอะแซหวุ่นกี้เป็น''โบชุก''หรือแม่ทัพ กับตะแคงมระหน่อง และเจ้าเมืองตองอู ยกทัพหลวงจำนวน 15,000 คน ออกจากเมืองเมาะตะมะในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2318 ผ่านด่านแม่ละเมาเข้าเมืองตาก