ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มีเกเล ซานมีเกลี"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Mattis (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Mda (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1:
'''มิเชล ซานมิเชลิ''' (Michele Sanmicheli) (มีชีวิตอยู่ในช่วง, ค.ศ. 1484 – ค.ศ. 1559) เป็น[[สถาปนิก]]แห่ง[[สาธารณรัฐเวนิซ]] หรือ[[ประเทศอิตาลี]]ในปัจจุบัน เกิดที่เมือง ซาน มิเชล (San RepublicMichele) ofใกล้เมือง Veniceเวโรนา (Verona) ซึ่งในขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐเวนิซ
 
เขาได้เรียนรู้ฝึกฝนการออกแบบและก่อสร้างจากพ่อของเขา ที่ชื่อ จิโอวานี่ และ อา (หรือลุง) ของเขาชื่อ บาร์โทโลมิโอ ผู้ซึ่งเป็นสถาปนิกที่ประสบความสำเร็จในเมือง เวอโรนา มิเชลเองก็มีแนวทางการดำเนินวิชาชีพคล้ายกับ [[จาโคโป ซานโซวิโน]] (Jacopo Sansovino) คือเป็นสถาปนิกที่รับเงินตอบแทนทำงานให้กับสาธารณะรัฐเวนิซโดยตรง แต่สิ่งที่ต่างจากซานโซวิโนคือ งานของ มิเชลจะเป็นงานที่อยู่ในเขตชายแดน นอกเมืองหลวงของสาธารณรัฐ ผู้คนมักจะจดจำ มิเชล ในฐานะสถาปนิกผู้ทำการออกแบบเพื่อกิจการการทางทหาร (military architect) และถูกจ้างมาเพื่อทำการออกแบบเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของระบบป้อมปราการ ให้กับสาธารณรัฐในเมืองต่างๆ เช่น ครีต (Crete) คาดินา (Candia) ดัลเมเชีย (Dalmatia) และ คอร์ฟู (Corfù) เช่นเดียวกับ ปราการหลักที่ ลิโด (Lido) ซึ่งเป็นแนวป้องกันเรือที่จะเข้ามาในอ่าวเวนิซ (Venetian lagoon) จากการที่เขาได้ท่องเที่ยวไปในหลายๆ แห่ง ตามบันทึกแล้ว มิเชล ซานมิเชลลิอาจจะเป็นสถาปนิกชาวอิตาลีเพียงคนเดียวที่ได้เห็นสถาปัคยกรรมกรีกของแท้ ซึ่งอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้เขานำเสาดอริกของโรมัน มาไว้ในงานออกแบบของเขา
เกิดที่เมือง ซาน มิเชล (San Michele) ใกล้กับเมือง เวอโรนา (Verona) ซึ่งในขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐเวนิซ
 
เขาได้เดินทางไป[[โรม]]ตั้งแต่เล็ก และคาดว่าน่าจะมีโอกาสได้ฝึกฝนวิชากับ [[อันโตนิโอ ดา ซางกาลโล]] (Antonio da Sangallo (Murray)) ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของ[[สถาปนิกตระกูลซางกาลโล]]ที่มีชื่อเสียง, ณ ที่นี้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับ[[สถาปัตยกรรม]] และงาน[[ประติมากรรม]]แบบคลาสสิค ในปี ค.ศ. 1509 เขาได้เดินทางไปพำนักที่เมือง ออร์วิเอโต (Orvieto) ซึ่งเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ถึงยี่สิบปี เขาได้ทำการออกแบบ[[โบสถ์]]หลายๆ แห่งเช่น [[ซานตา มาเรียน เดล กราซิ]] (Santa Maria delle Grazie) [[ซาน โดเมนิโก]] (San Domenico) เป็นต้น จตุรัสหน้าโบสถ์ ซาน โดเมนิโกนี้เป็นรูปแบบส่วนตัวของเขาเอง
เขาได้เรียนรู้ฝึกฝนการออกแบบและก่อสร้างจากพ่อของเขา ที่ชื่อ จิโอวานี่ และ อา (หรือลุง) ของเขาชื่อ บาร์โทโลมิโอ ผู้ซึ่งเป็นสถาปนิกที่ประสบความสำเร็จในเมือง เวอโรนา มิเชลเองก็มีแนวทางการดำเนินวิชาชีพคล้ายกับ [[จาโคโป ซานโซวิโน]] (Jacopo Sansovino) คือเป็นสถาปนิกที่รับเงินตอบแทนทำงานให้กับสาธารณะรัฐเวนิซโดยตรง แต่สิ่งที่ต่างจากซานโซวิโนคือ งานของ มิเชลจะเป็นงานที่อยู่ในเขตชายแดน นอกเมืองหลวงของสาธารณรัฐ ผู้คนมักจะจดจำ มิเชล ในฐานะสถาปนิกผู้ทำการออกแบบเพื่อกิจการการทางทหาร (military architect) และถูกจ้างมาเพื่อทำการออกแบบเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของระบบป้อมปราการ ให้กับสาธารณรัฐในเมืองต่างๆ เช่น ครีต (Crete) คาดินา (Candia) ดัลเมเชีย (Dalmatia) และ คอร์ฟู (Corfù) เช่นเดียวกับ ปราการหลักที่ ลิโด (Lido) ซึ่งเป็นแนวป้องกันเรือที่จะเข้ามาในอ่าวเวนิซ (Venetian lagoon) จากการที่เขาได้ท่องเที่ยวไปในหลายๆ แห่ง ตามบันทึกแล้ว มิเชล ซานมิเชลลิอาจจะเป็นสถาปนิกชาวอิตาลีเพียงคนเดียวที่ได้เห็นสถาปัคยกรรมกรีกของแท้ ซึ่งอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้เขานำเสาดอริกของโรมัน มาไว้ในงานออกแบบของเขา
 
[[ภาพ:Zadar PortaTerraferma.jpg|thumb|Porta Terraferma in Zadar.]]
เขาได้เดินทางไป[[โรม]]ตั้งแต่เล็ก และคาดว่าน่าจะมีโอกาสได้ฝึกฝนวิชากับ [[อันโตนิโอ ดา ซางกาลโล]] (Antonio da Sangallo (Murray)) ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกของ[[สถาปนิกตระกูลซางกาลโล]]ที่มีชื่อเสียง, ณ ที่นี้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับ[[สถาปัตยกรรม]] และงาน[[ประติมากรรม]]แบบคลาสสิค ในปี ค.ศ. 1509 เขาได้เดินทางไปพำนักที่เมือง ออร์วิเอโต (Orvieto) ซึ่งเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ถึงยี่สิบปี เขาได้ทำการออกแบบ[[โบสถ์]]หลายๆ แห่งเช่น [[ซานตา มาเรียน เดล กราซิ]] (Santa Maria delle Grazie) [[ซาน โดเมนิโก]] (San Domenico) เป็นต้น จตุรัสหน้าโบสถ์ ซาน โดเมนิโกนี้เป็นรูปแบบส่วนตัวของเขาเอง
มิเชล ย้ายมาที่[[เวอโรน่าเวอโรนา]] ประมาณช่วงปี ค.ศ. 1527 โดยทำการออกแบบอาคารทางการทหารเป็นส่วนใหญ่ เช่น ประตูเมืองที่สามารถทนกระสุน[[ปืนใหญ่]]ได้ เขาได้ทำการปรับปรุงระบบป้อมปราการอีกหลายๆ ประการตามแนวทางการรบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ในสมัยนั้น งานที่มิเชล ออกแบบนอกจากจะแข็งแรงทนทานต่อการศึกแล้ว ยังมีความงามเป็นอย่างมากด้วยการตบแต่งอย่างมหาศาล ป้อม นัววา (Porta Nuova') และ ป้อม ปาลิโอ (Palio) มีการใช้องค์ประกอบเสาดอริคของโรมันเป็นเอกลักษณ์พิเศษ เข้าไปผสมกับลักษณะของการก่อให้เห็นวัสดุเปลือยให้เห็นแบบการก่อชัดเจน (rustication) [[จอร์โจ วาซารี]] ได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมชิ้นนี้ กล่าวชมเชย สาธารณรัฐเวนิซว่า เข้าใจนำองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมของโรมันที่มีความหมายของความเกรียงไกรทางทหารเข้ามาใช้กับ สถาปัตยกรรมทางทหารของสาธารณรัฐได้เป็นอย่างดี
 
[[ภาพ:Zadar PortaTerraferma.jpg|thumb|Porta Terraferma in Zadar.]]
มิเชล ย้ายมาที่[[เวอโรน่า]] ประมาณช่วงปี ค.ศ. 1527 โดยทำการออกแบบอาคารทางการทหารเป็นส่วนใหญ่ เช่น ประตูเมืองที่สามารถทนกระสุน[[ปืนใหญ่]]ได้ เขาได้ทำการปรับปรุงระบบป้อมปราการอีกหลายๆ ประการตามแนวทางการรบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ในสมัยนั้น งานที่มิเชล ออกแบบนอกจากจะแข็งแรงทนทานต่อการศึกแล้ว ยังมีความงามเป็นอย่างมากด้วยการตบแต่งอย่างมหาศาล ป้อม นัววา (Porta Nuova') และ ป้อม ปาลิโอ (Palio) มีการใช้องค์ประกอบเสาดอริคของโรมันเป็นเอกลักษณ์พิเศษ เข้าไปผสมกับลักษณะของการก่อให้เห็นวัสดุเปลือยให้เห็นแบบการก่อชัดเจน (rustication) [[จอร์โจ วาซารี]] ได้เขียนบันทึกเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมชิ้นนี้ กล่าวชมเชย สาธารณรัฐเวนิซว่า เข้าใจนำองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมของโรมันที่มีความหมายของความเกรียงไกรทางทหารเข้ามาใช้กับ สถาปัตยกรรมทางทหารของสาธารณรัฐได้เป็นอย่างดี
 
มิเชล ซานมิเชลลี ยังได้ออกแบบ วังอีกสามหลัง ในเวอโรน่า ที่กลายมาเป็นงานออกแบบที่สำคัญที่สุดของเขา ได้แก่
เส้น 16 ⟶ 14:
* [[ปาลาโซ เบวิลา อาควา]] (Palazzo Bevilacqua)
 
[[หมวดหมู่:สถาปนิกชาวอิตาลี]]
[[หมวดหมู่:สถาปนิกในคริสต์ศตวรรษที่ 16]]
[[หมวดหมู่:ชาวอิตาลี]]
{{birth|1484}}{{death|1559}}