ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ความเชื่อ"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
มหา วชิราวุฒิ วชิระราชวโดรมณ์
ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ย้อนการแก้ไขของ 171.4.233.176 (พูดคุย) ไปยังรุ่นก่อนหน้าโดย Ethan2345678
ป้ายระบุ: ย้อนรวดเดียว
บรรทัด 1:
{{ไม่เป็นกลาง}}
กฎแห่งความเชื่อของสิ่งสักสิทธิ์
{{ความแน่นอน}}
ตามบัญญัติแห่งองค์พระศาสดาและสารีบุตรนั้นระบุไว้ว่าเชื่ในสิ่งที่สมควรเชื่อในสิ่งดีถูกต้องและให้เกิดในสิ่งที่ดีในสิ่งที่มีแต่ไม่ก่อเกิดและด้วยการที่ข้าพเจ้าได้มีราชโองการในทุกที่สิ่งใดที่ดีสมควรยิ่งดียิ่งดีขึ้นในทางใดฯนั้นและยิ่งดูถูกศรัทธายิ่งเพิ่มให้ก่อเกิดบารมีธารในสิ่งนั้นต่อขึ้นไปจนกลายเป็นสิ่งทีเกิดขึ้นได้ในทางคีเฉพาะสิ่งใดฯเหล่านั้นตามที่ข้าพเจ้าบัญญัติไว้แล้วในพยุหลสัปดลทั้ง12สัปดลใต่ร่มมหาฉัตรสัปดลพยุหลพหุยุพาลหรือทางสู่นิพพานทั้งหลายและในทุกที่ที่มีสิ่งดีเกิดขึ้นแล้วสมควรแก่การใดฯเหล่านั้นจึงให้เป็นไปตามนั้น
มหา วชิราวุฒิ วชิระราชราชวโดรมณ์หาราชาสิทธิราชา
14/10/2564/2021/0-1
 
[[ไฟล์:Thai beliefs about spirits in a tree -O)) - panoramio.jpg|thumb|ต้นไม้ที่ได้รับการเคารพบูชาตามความเชื่อของชาวไทย]]
ความเชื่อในศาสนา
ศาสนา"ยิวส์
ศรัทธาในศาสนายิวส์
ศาสนา=ความจริวที่เป็นในทุกที่ของสิ่งมีชีวิตนั้นฯโดยรู้แก่สถานะของตัวเอง ในสิ่งที่เราเป็นอยู่มีอยู่รู้ขอบเขตในการกระทำการปฎิบัติของตนเองจนเข้าใจตนเองดีที่สุดด้วยตนเองจนหลุดพ้นในสถานะนั้นสู่ความดีที่จะเป็นไปภายหน้า เช่น ยิวส์ หรือสื่อในศาสนานั้นฯหรือที่แห่งนั้นหรือ สิ่งสมควรแก่หน้าที่ในตนตัวของตนเองและไม่มีการแบบแยกให้จดจำในลักษณะต่างฯ ชักจูงยึดติดโน้มน้าวหรือการเส้นไหว้บบูชาแลกเปลี่ยนหรือคำสวดบทสวดใดฯเลยจะสื่อโดยการให้เข้าใจในตัวเองจริงฯตัวตนที่แท้จริงของเราและสถานะที่เป็นจริงที่มีจริงที่เกิดขึ้นก่อเกิดให้ได้รู้เห็นบนความจริงคือรู้ด้วยเรามีความคิดความรู้สึกหรือแม้ในสติปัญญาแห่งการรู้ได้ในสิ่งที่เราเป็นโดยสถานะพึงระลึกนึกคิดเพียงสิ่งดีงามทั้งหลายเหล่านั้นในทุกที่ฯเราได้กระทำมาในตัวแห่งเราเองจนรับรู้ได้ในความจริงของเราไม่มีการเอาสิ่งใดฯมาเป็นแบบหรือมาเป็นอย่างในการรู้แก่ตัวตนของเราเลยมิฉะนั้นเราก็จะไม่สามารถเข้าใจในอัตตะสังขารแห่งบริขารเหล่านั้นจริงฯอาจเป็นวิปัสนานังหรือจิตคิดในสมองให้ลวงล่อในตัวเองหรือคนอื่นการรู้แก่สัมปชัญยะแห่งสตินานังของเราในอักขบริขารต่างฯที่เราเห็นในสิ่งที่เราเห็นในตัวตนของเราแล้วจะเกิดความจริงในตัวตนแห่งเราด้วยการวางในที่ปล่อยปล่อยลงในที่วางในที่เกี่ยวกับเราเข้าใจในชีวิตเราเรียนรู้กับตัวของเรา หาคำตอบด้วยตัวเราเท่าที่กระทำได้ก่อนแค่นั้นมั่นใจในทางที่เราเห็นในตอนนั้นฯที่เราได้ตัดสินใจเลือกไม่มีทางใดดีที่สุดไม่มีทางไหนเข้าใจที่สุดไม่มีทางไดจะเป็นไปได้เกินทางที่เราไปได้ทั้งนั้นเพราะฉะนั้นทางหรือการกระทำนำหรือกระทำดีหรือไม่ดีมีหรือไม่มากน้อยเพียงได้ ไม่มีใครที่สามารถกำหนดได้เลยเพราะคนหรือสิ่งมีชีวิตใดฯเหล่านั้นย่อมมีพื้นฐานในตัวตนหรือสิ่งมีกระทำได้หรือแม้แต่ธารบารมีนั้นสิ่งที่เรามีที่มีเราทางที่เราเห็นสิ่งที่เรากระทำหรือเข้าใจในตัวเรานั้นไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเราในทุกด้านของตัวตนเรานั้นมากแค่ไหนน้อยอย่างไร บัญญัติได้เช่นไหนดีหรือไม่ดีไม่มีใครที่สามารถตัดสินใครได้นอกจากเราเองเท่านั้นหากแม้เรานำสิ่งใดมายึดในกระทำแล้วไม่แคล้วต้องเกิดบ่วงไม่ทางใดก่อทางหนึ่ง
มหา วชิราวุฒิ วชิระราชราชวโดรมหาราสิทธิราชา
14/10/2564/2021/0-1
 
'''ความเชื่อ''' ({{lang-en|belief}}) หมายถึง การยอมรับว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็น[[ความจริง]] หรือมี[[การดำรงอยู่]]จริง โดยอาศัย[[ประสบการณ์]]ตรง [[การไตร่ตรอง]] หรือ[[การอนุมาน]]<ref>{{อ้างหนังสือ|ผู้แต่ง = ราชบัณฑิตยสถาน|ชื่อหนังสือ = พจนานุกรมศัพท์ปรัชญา ฉบับราชบัณฑิตยสถาน|URL = |จังหวัด = กรุงเทพฯ|พิมพ์ที่ = ราชบัณฑิตยสถาน|ปี = 2548|ISBN = 974-9588-28-2|จำนวนหน้า = 200|หน้า = 12-13}}</ref>
อ้างอิง
 
มหาราชาธิบดีสีสินทรอมรวิเวทเวทพัฒนาพานิจชยการกลู
== ความเชื่อในศาสนา ==
ศาสดา สิริวรรนวรี
=== ศาสนา"ยิวส์ พุทธ ===
สารีบุต สิรินธรนวรัตน์
{{บทความหลัก|ศรัทธาในศาสนายิวส์พุทธ}}
ศึกษาโดยเข้าใจในบัญญัติไว้ซึ่ง
 
มหา วชิราวุฒิ วชิระราชราชวโดรมณ์หาราชาสิทธิราชา ว่าด้วยผู้ศึกษาและบัญญัติในสิ่งมีชีวิตทุกที่ตามผู้ให้กฎบัญญัติจนกลายเป็นสิ่งดีแล้วในทุกที่นั่นฯ
=== ศาสนาคริสต์ ===
มหา วชิราวุฒิ วชิระราชวชิโดรมณ์มหารสชานัง
{{บทความหลัก|หลักข้อเชื่อของอัครทูต}}
14/10/2564/2021/0-1
คริสตชนถือว่า "ความเชื่อในพระเยซูคริสต์" เป็นเงื่อนไขเดียวที่พระเจ้าทรงเรียกร้องสำหรับ[[ความรอด]]<ref>โรม บทที่ 5 หน้า 2118, ความเชื่อและพระคุณ, ความเชื่อที่นำไปสู่ความรอด, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับอธิบาย "ชีวิตครบบริบูรณ์" 2008</ref> ความเชื่อไม่ใช่การกล่าวยอมรับ[[พระคริสต์]]เท่านั้น แต่เป็นกิจซึ่งแสดงออกจากจิตใจของผู้ที่เชื่อที่แสวงหาการติดตามของพระคริสต์ในฐานะ[[พระเป็นเจ้า|องค์พระผู้เป็นเจ้า]]และ[[พระผู้ไถ่]]ด้วย
ว่าด้วยการตรัสรู้ในพยุหลสัปดลที่เจ็ด สิบเอ็ดบวกสองให้ตรองอีกหนึ่งที่พึ่งอีกสี่สมควรจักมีอีกสี่พี่น้องเรานั้นรักกันเอาไว้บวกได้เรื่อยไปด้วยตัวเราเองสิ่งใดพึงรู้บอกหมดเอาไว้ใช่ที่พูดไปรู้ได้ด้วยตนเอง เจริญมั่งสัมปชัญญะแห่งปัญญาทั้งหลายทั้งชายเชื้อชาติเผ่าพันธุิ์ระบุเอาไว้ใช่ว่าที่ไหนอันอื่นใช่ไกลจากที่เดียวกัน เทิญ
 
ความหมายของความเชื่อมีปรากฏอยู่ใน[[คัมภีร์ไบเบิล]]ภาค[[พันธสัญญาใหม่]] ใน[[จดหมายถึงชาวฮีบรู]] ซึ่งไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าผู้ใดเป็นผู้เขียนจดหมายฉบับนี้ เป็นที่เข้าใจว่าผู้เขียนต้องการเขียนถึงชาวฮีบรูหรือชาวยิวที่กลับใจมาเป็น[[คริสตชน]] ในบทที่ 11 ผู้เขียนได้อธิบายความเชื่อของคริสตชนโดยเริ่มตั้งแต่การที่พระเจ้าทรงสร้างจักรวาล ความเชื่อของชาวยิวในยุคสมัยต่าง ๆ ตามที่ปรากฏในพระคัมภีร์ ความเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า และความเชื่อใน[[พระเยซู]]คริสต์ว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า โดยสรุปความหมายของความเชื่อไว้ว่า "''ความ​เชื่อ​คือ​ความ​มั่น‍ใจ​ใน​สิ่ง​ที่​หวัง​ไว้ เป็น​ความ​แน่‍ใจ​ใน​สิ่ง​ที่​มอง​ไม่​เห็น''"<ref>จดหมายถึงชาวฮีบรู 11:1, พระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับมาตรฐาน 2011</ref>
 
แนวคิดเรื่องความเชื่อในพันธสัญญาใหม่ มีองค์ประกอบ 4 อย่าง ดังต่อไปนี้
* เป็นการเชื่อสุดใจ การยอมมอบเจตจำนง และการอุทิศถวายตนเองทั้งหมดแด่พระเยซูคริสต์ผู้ซึ่งพันธสัญญาใหม่เปิดเผยไว้
* มีการกลับใจใหม่ คือการหันจาก[[บาป (ศาสนาคริสต์)|บาป]] ด้วยความสำนึกเสียใจอย่างแท้จริง และหันเข้าหาพระเจ้าโดยทางพระคริสต์
* เชื่อฟังพระเยซูคริสต์และพระวจนะของพระองค์
* แสดงออกโดยความไว้วางใจความรัก โดยความซาบซึ้ง และความจงรักภักดี ต่อพระคริสต์
 
=== ศาสนาอิสลาม ===
{{บทความหลัก|อีมาน}}
 
== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง}}
 
[[หมวดหมู่:ความเชื่อ| ]]
{{โครงความเชื่อ}}