ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อุปัชฌาย์"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
InternetArchiveBot (คุย | ส่วนร่วม)
Rescuing 1 sources and tagging 0 as dead.) #IABot (v2.0.8
InternetArchiveBot (คุย | ส่วนร่วม)
Rescuing 1 sources and tagging 0 as dead.) #IABot (v2.0.8.1
 
บรรทัด 9:
 
== หลักฐานการใช้คำว่าอุปัชฌาย์ในอดีต ==
ปรากฏในช่วงเริ่ม[[ตติยสังคยานา]] หลังพุทธปรินิพพานประมาณ 300 ปี<ref>http://www.se-ed.net/tummachat/pataipidug/01/14.htm {{Webarchive|url=https://web.archive.org/web/20081205182658/http://www2.se-ed.net/tummachat/pataipidug/01/14.htm |date=2008-12-05 }} บางแห่งกล่าวว่า พ.ศ. 224 โปรดดู ประวัติพระเจ้าอโศกมหาราช https://web.archive.org/web/20050504102808/http://www.geocities.com/watdonta_y/asoka.doc</ref> หลังจากที่[[พระเจ้าอโศก]]ทรงเลิกทำสงคราม ก็คิดจะหาความสงบพระทัย เดิมทีพระองค์ทรงนับถือลัทธินอกพุทธศาสนาอยู่ 3 ปี ได้ถวายภัตตาหารให้แก่นักบวชในลัทธิต่างๆ วันละหลายแสนคน พอเข้าปีที่ 4 ก็ได้หันมาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เพราะอานุภาพของ[[สามเณรนิโครธ]]
 
นิโครธสามเณรได้กล่าวหัวข้อธรรม เรื่องความไม่ประมาทให้พระราชาหรือพระเจ้าอโศกได้สดับว่า อปฺปมาโท อมตํ ปทํ ความไม่ประมาท เป็นทางไม่ตาย ปมาโท มจฺจุโน ปทํ ความประมาท เป็นทางแห่งความตาย จากนั้นก็เทศน์ด้วยสำเนียงที่ไพเราะเพราะพริ้ง นี่ขนาดถ่อมตนว่ารู้น้อยแล้ว แต่เทศน์ได้ยอดเยี่ยมมาก ไพเราะทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และเบื้องปลาย พระราชาพอได้สดับแล้ว ก็ปลื้มปีติในธรรมที่สามเณรน้อยได้แสดง มีรับสั่งว่า พ่อเณร โยมจะขอบูชากัณฑ์เทศน์ด้วยการถวายภัตรประจำแก่พ่อเณรวันละ 8 สำรับ