ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัชรีวงษ์"

 

ในรัชสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ได้เป็นผู้กำกับศาลมรดก และตุลาการศาลฎีกา จนกระทั่งได้เป็นผู้ช่วยอธิบดีศาลฎีกา และเป็นผู้แทนอธิบดีใน[[ศาลฎีกา]] หลังจากนั้นได้เป็นข้าหลวงออกไปชำระความความผู้ร้ายและความต่างประเทศ ณ เมืองจันทุบรี สำเร็จได้ตามพระราชประสงค์ แล้วได้รับตำแหน่งผู้ชำระความใน[[กระทรวงนครบาล]] ภายหลังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ได้ทรงบัญชาการในตำแหน่งโดยความวิริยสุขุมคัมภีรภาพ สามารถอาจหาญ ในการที่จะพิจารณาพิพากษาอรรถคดีทั้งปวง ชำนิชำนาญในพระราชกำหนดกฎหมาย ด้วยเหตุนี้จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระยศเป็น ''พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัชรีวงษ์'' เมื่อปีมะแม พ.ศ. 2438<ref>ประกาศสถาปนาพระเจ้าน้องยาเธอ พระวรวงษ์เธอเป็นต่างกรม แลสถาปนาหม่อมเจ้าเป็นพระองค์เจ้า แลเลื่อนตำแหน่งยศข้าราชการผู้ใหญ่เป็นเจ้าพระยา [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2439/001/16.PDF [http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2439/001/16.PDF]ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 13]</ref>

 

พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัชรีวงษ์ ประชวรโรคเรื้อรังสิ้นพระชนม์เมื่อเวลา 15.36 น. ของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2444<ref>{{cite journal|journal=ราชกิจจานุเบกษา|volume= 18 |issue= 48 |pages= 912 |title= ข่าวสิ้นพระชนม์ |url= http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2444/048/912.PDF |date= 2 มีนาคม 2444 |language=ไทย}}</ref> พระราชทานเพลิงพระศพ ณ [[วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร]] วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2445 พร้อมกับพระศพของหม่อมเจ้าประภากร มาลากุล<ref>{{cite journal|journal=ราชกิจจานุเบกษา|volume= 19 |issue= 51 |pages= 993 |title= การเมรุวัดเทพศิรินทราวาศ |url= http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2445/051/993_1.PDF |date= 8 มีนาคม 2445 |language=ไทย}}</ref>