ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ผู้ใช้:Kelos omos1/การรวมรัฐออสเตรเลีย"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Kelos omos1 (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างขึ้นโดยการแปลหน้า "Federation of Australia"
 
Kelos omos1 (คุย | ส่วนร่วม)
สร้างขึ้นโดยการแปลหน้า "Federation of Australia"
บรรทัด 21:
การผลักดันครั้งสุดท้ายให้เกิดสภาที่ปรึกษาแห่งรัฐเกิดขึ้น ณ การประชุมระหว่างอาณานิคมในนครซิดนีย์ ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ค.ศ. 1883 เนื่องมาจากการที่[[จักรวรรดิบริติช|รัฐบาลบริเตน]]ปฏิเสธการผนวกเกาะ[[เกาะนิวกินี|นิวกินี]]เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐควีนส์แลนด์โดยฝ่ายเดียว และความประสงค์ของรัฐบาลบริเตนที่จะให้ออสเตรเลเซียรวมรัฐกัน การประชุมถูกจัดขึ้นเพื่อถกเถียงในเรื่องยุทธศาสตร์ในการตอบโต้กิจกรรมของ[[จักรวรรดิเยอรมัน|ชาวเยอรมัน]]และ[[สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3|ชาวฝรั่งเศส]]ในเกาะนิวกินี และ[[หมู่เกาะเฮบริดีส]] เซอร์[[ซามูเอล กริฟฟิธ]] [[มุขมนตรีควีนส์แลนด์]] ร่างพระราชบัญญัติให้มีการจัดตั้งสภาที่ปรึกษาแห่งรัฐ ในที่สุดองค์ประชุมก็สามารถยื่นคำร้องต่อรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร เพื่อประกาศใช้พระราชบัญญัติดังกล่าว โดยมีชื่อว่า พระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาแห่งรัฐออสเตรเลเซีย ค.ศ. 1885<ref>note 2, at 18–21.</ref>
 
สภาที่ปรึกษาแห่งรัฐ[[ออสเตรเลเชีย|ออสเตรเลเซีย]]จึงถูกตั้งขึ้น เพื่อเป็นตัวแทนของชาวอาณานิคมในกิจการความสัมพันธ์กับหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ต่าง ๆ นิวเซาท์เวลส์และนิวซีแลนด์ไม่ได้เข้าร่วมด้วย ในขณะที่อาณานิคมปกครองตนเองอื่น ๆ ได้แก่ควีนส์แลนด์ แทสเมเนีย และวิคตอเรีย รวมไปถึงอาณานิคมในพระองค์ เวสเทิร์นออสเตรเลีย และ[[ฟิจิ]] เข้ามามีส่วนร่วมด้วย อาณานิคมเซาท์ออสเตรเลียเข้ามาเป็นสมาชิกเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ตั้งแต่ ค.ศ. 1888 ถึง 1890 โดยสภาที่ปรึกษาแห่งรัฐมีอำนาจในการออกกฎหมายในบางเรื่อง เช่นการส่งผู้ร้ายข้ามแดน การออกกฎควบคุมการประมง และอื่น ๆ แต่สภาไม่มีสำนักเลขาธิการถาวร ทั้งยังไม่มีอำนาจในการบริหาร หรือหารายได้เข้าคลังเอง นอกจากนี้การที่อาณานิคมที่มีอำนาจมากอย่างนิวเซาท์เวลส์ไม่ได้เข้าร่วมด้วย ทำให้ความเป็นตัวแทนด้อยคุณค่าลง
[[ไฟล์:1886_Anti-Chinese_Cartoon_from_Australia.jpg|thumb|200x200px| การ์ตูนเรื่องนี้ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1888 แสดงถึง ความรู้สึกต่อต้านจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังการผลักดันให้มีการรวมรัฐ]]
อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการร่วมมือระหว่างอาณานิคมที่สำคัญเป็นครั้งแรก เป็นการเปิดโอกาสให้[[ฝ่ายนิยมสหพันธรัฐ]]จากทั่วประเทศมาพบปะและแลกเปลี่ยนความคิดกัน วิธีการที่สภาถูกจัดตั้งขึ้นสนับสนุนให้รัฐสภาจักรวรรดิมีบทบาทอันต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาของโครงสร้างทางรัฐธรรมนูญของออสเตรเลีย ในแง่ของพระราชบัญญัติสภาที่ปรึกษาแห่งรัฐออสเตรเลีย ผู้ร่างกฎหมายชาวออสเตรเลียได้สถาปนาอำนาจจำนวนหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกับ "ผลประโยชน์ส่วนรวม" ของพวกเขา ซึ่งในเวลาต่อมาจะถูกลอกลงไปในรัฐธรรมนูญออสเตรเลีย โดยเฉพาะมาตรา 51
 
=== การคัดค้านในช่วงแรก ===
อาณานิคมต่าง ๆ ยกเว้นวิคตอเรีย ล้วนระแวดระวังต่อแนวคิดรวมรัฐ บรรดานักการเมือง โดยเฉพาะจากอาณานิคมเล็ก ๆ ไม่นิยมความคิดในการมอบอำนาจให้กับรัฐบาลแห่งชาติ พวกเขาเกรงว่ารัฐบาลนั้นจะต้องถูกครอบงำโดยอาณานิคมที่มีประชากรมากกว่าอย่างนิวเซาท์เวลส์และวิคตอเรียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่อาณานิคมควีนส์แลนด์กังวลว่าการนำมาซึ่งนิติบัญญัติที่อิง[[นโยบายไวต์ออสเตรเลีย]]จะห้ามการนำเข้ากรรมกรจากหมู่เกาะแปซิฟิก (คานาคา) จะเป็นภัยต่ออุตสาหกรรมไร่[[อ้อย]]ในอาณานิคม
 
สิ่งต่าง ๆ ข้างต้นไม่ใช่ข้อกังขาเดียวที่ผู้ต่อต้านการรวมรัฐมี อาณานิคมเล็ก ๆ ยังกังวลเกี่ยวกับการยกเลิก[[ภาษีศุลกากร]]ที่จะทำให้รายได้ส่วนใหญ่ของอาณานิคมหายไป และทำให้การค้าไปขึ้นอยู่กับรัฐที่ใหญ่กว่า นิวเซาท์เวลส์ที่มีมุมมองที่ค่อนไปทางการค้าเสรีมาแต่เดิม ต้องการให้นโยบายภาษีศุลกากรของสหพันธรัฐไม่เป็นแบบ[[ลัทธิคุ้มครอง]] มุขมนตรีแห่งอาณานิคมวิคตอเรีย เจมส์ เซอร์วิส ระบุว่า[[สหภาพทางการเงิน]]เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการรวมรัฐ
 
ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งคือ จะกระจายภาษีศุลกากรส่วนเกินจากรัฐบาลกลางไปยังรัฐอย่างไร มีความเป็นไปได้ว่าอาณานิคมที่ใหญ่กว่าจะต้องสนับสนุนเศรษฐกิจที่ต้องดิ้นรนมากกว่าในแทสมาเนีย เซาท์ออสเตรเลีย และเวสเทิร์นออสเตรเลีย
 
แม้จะไม่มีข้อกังขาข้างต้น แต่ก็ยังมีการโต้เถียงกันอยู่ว่าสหพันธรัฐจะใช้รูปแบบใดในการปกครอง อีกทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหพันธรัฐอื่นก็ไม่ได้เป็นแรงบันดาลใจนัก อย่างเช่นสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งผ่าน[[สงครามกลางเมืองอเมริกา|สงครามกลางเมือง]]มา
 
 
<nowiki>
[[หมวดหมู่:การรวมชาติ]]</nowiki>