ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สงครามช้างเผือก"

เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไทๆ (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: ทำกลับ
ไทๆ (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 45:
ด้วยกองทัพใหม่ 60,000 คนรวมกับทหารจากพิษณุโลก พระเจ้าบุเรงนองเดินทางถึงกำแพงเมืองอยุธยา ใช้ปืนใหญ่ยิงกระหน่ำ แต่กำแพงไม่พังทลาย ทำให้ฝ่ายพม่าไม่สามารถยึดเมืองอยุธยาได้ แต่สั่งให้กษัตริย์สยามออกมาจากเมืองพร้อมธงขาว เพื่อเจรจาสันติภาพ เมื่อเห็นว่าราษฎรของพระองค์ไม่สามารถต้านทางได้นานกว่านี้ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงเจรจาสันติภาพ แต่ต้องแลกด้วยสิ่งที่มีค่าอย่างมาก
 
ในข้อแลกเปลี่ยนสำหรับล่าถอยของกองทัพพม่า พระเจ้าบุเรงนองนำตัวเจ้าชาย[[พระราเมศวร (พระราชโอรสในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ)|ราเมศวร]] (พระราชโอรสในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ), พระยาจักรี และพระยาสุนทรสงครามกลับพม่าในฐานะเชลย และช้างเผือกสยาม 4 เชือก ถึงแม้ว่าสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช ผู้ทรยศ ถูกปล่อยไว้ในฐานะผู้ปกครองพิษณุโลกและอุปราชสยาม อาณาจักรอยุธยาตกเป็นประเทศราชของราชวงศ์ตองอู โดยต้องส่งช้าง 20 เชือก และ[[จิน]]เงิน 300 ชั่งให้พม่าทุกปี ฝ่ายพม่าได้เข้าถึงท่าเรือเพื่อเก็บภาษีที่[[มะริด]]และสยาม ความต้องการช้างสองเชือกของพระเจ้าบุเรงนองเพิ่มขึ้นเป็น 4 เชือก ท้ายที่สุด จึงมีการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพที่วัดหน้าพระเมรุ ทำให้เกิดความสงบเป็นเวลา 4 ปี<ref>{{cite web|url=http://www.britannica.com/biography/Bayinnaung|title=Bayinnaung|publisher=Encyclopædia Britannica|accessdate=15 March 2016}}</ref>
 
หลักฐานพม่ากล่าวว่า พระเจ้าบุเรงนองกลับไปยังพะโคพร้อมกับสมเด็จพระมหาจักรพรรดิในฐานะเชลย ก่อนแต่งตั้ง[[สมเด็จพระมหินทราธิราช]] พระราชโอรสของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ในฐานะกษัตริย์ประเทศราชอยุธยา และปล่อยกองทหารรักษาการณ์ 3,000 นาย หลักฐานพม่ายังกล่าวอีกว่า หลังถูกส่งไปที่พะโคมาหลายปี สมเด็จพระมหาจักรพรรดิกลายเป็นพระและพระเจ้าบุเรงนองอนุญาตให้พระองค์กลับไปยังอยุธยา<ref name=":0">[[#dr-1|Damrong Rajanubhab, 2012]]: 20.</ref> อย่างไรก็ตาม หลักฐานไทยไม่ค่อยกล่าวว่าสมเด็จพระมหินทราธิราช พระโอรสองค์ที่สองของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ขึ้นครองราชย์เพราะพระราชบิดาของพระองค์สละราชสมบัติและกลายเป็นพระหลังสงครามนี้<ref name=":0" />